หนุ่มอดไม่ได้ต้องเล่า เห็นชายยืนโบกแท็กซี่คันแล้วคันเล่า แต่ไม่ยอมไปแค่ยื่นถุงข้าวสารให้ พร้อมรอยยิ้ม
ยังคงสร้างผลกระทบให้กับคนไทยและทั่วโลกอย่างต่อเนื่องจริงๆ สำหรับโรคปอดอักเสบชนิดรุนแรงที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสโควิด -19 ที่กำลังระบาดในจีน โดยเริ่มมีการรายงานว่าพบผู้ป่วยโรคนี้ครั้งแรกเมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2562 ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ตอนกลางของประเทศจีน จนตอนนี้โรคไม่ได้จำกัดอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว แต่ยังกระจายไปทุกมณฑลและเขตการปกครองอื่นๆ ของจีน และหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 468,900 คน และผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 21,200 และมีท่าทีว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Away Online ได้เผยแพร่เรื่องราวดีๆว่า “ใกล้ๆ กันกับร้านก๋วยเตี๋ยวแซว ทองหล่อ ที่อยู่ริมถนน เลยปากซอยทองหล่อมานิดเดียว มีร้านขายของจิปาถะ หรือร้านโชห่วย ชื่อ ร้านซุ่ยล่งหมง ที่เราเดินผ่านเวลามากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านแซว เคยอุดหนุนเป็นลูกค้าซื้อของใช้บ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก และวันนี้ขณะที่เรายืนรอก๋วยเตี๋ยวอยู่นั้น ก็พลันเหลือบไปเห็นเหตุการณ์นี้อย่างไม่คาดคิดมาก่อน
แรกเริ่ม เราเห็นชายคนหนึ่งยืนโบกแท็กซี่อยู่ริมถนน พอแท็กซี่จอดได้แป๊บเดียว ก็ขับออกไป เป็นอยู่อย่างนี้หลายคันทีเดียว นาทีนั้นแอบนึกในใจว่า ” ทำไมไม่รับผู้โดยสารนะ ช่วงเวลาแบบนี้ไม่น่ามีคนใช้บริการแท็กซี่มากเท่าไหร่นัก ไม่น่าเลือกผู้โดยสารกันนะพี่แท็กซี่” เราตั้งใจจะเดินไปช่วย สอบถามว่าจะไปไหน เผื่อจะช่วยเรียกรถให้ แล้วก็พบว่า “เฮ้ย! เขาเรียกแท็กซี่ให้จอด แล้วส่งถุงข้าวสารให้”
เรื่องดีๆ แบบนี้ไม่แบ่งปันไม่ได้แล้ว หลังถ่ายคลิปเสร็จ เราเดินไปยกนิ้วให้พี่ผู้ชายท่านนี้ และขออนุญาตชื่นชมอีกหลายคนที่อยู่ในร้าน ที่กำลังช่วยกันเตรียมถุงข้าวสารอยู่อีกจำนวนไม่น้อย เราขอถ่ายรูป อยากสัมภาษณ์ อยากคุยด้วย อยากถามที่มาที่ไป แต่ทุกคนบอกว่า “ ไม่เป็นไร ไม่ต้องถ่ายหรอก “ ยกมือโบกเป็นสัญลักษณ์ว่า ไม่เป็นไรจริงๆ น่าจะเป็นการสื่อสารความหมายว่า “ เราทำเพราะอยากทำ อยากช่วยเหลือกัน แค่นี้ก็พอแล้ว “
เราไม่รู้ว่า พี่ๆ ร้านซุ่ยล่งหมง แจกข้าวสารไปก่อนแล้วมากขนาดไหน แต่จำนวนและปริมาณมากน้อยไม่ใช่สิ่งสลักสำคัญเลย เพราะน้ำใจที่แบ่งปัน และการระลึกถึงคนอื่นๆในสังคม ที่ต่างเดือดร้อนในภาวะการณ์เช่นนี้ ถือเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่ประเมินค่าไม่ได้จริงๆ เห็นภาพแบบนี้ กับเรื่องราวแบบนี้ น้ำตามันรื้นขึ้นมาทันที ใครจะว่าเราขี้แยก็ยอมละครับ”