พ่อ ผู้สอนบทเรียนให้ฉัน
พ่อ ผู้สอนบทเรียนให้ฉัน
⚘
ตื่นสายเจ็ดโมงกว่าทั้งๆ ที่ต้องไปหาหมอเพื่อตรวจเบาหวาน มรดกของตระกูลที่มอบให้มา
ปกติจะออกจากบ้านหกโมงกว่าๆ วันนี้ออกแปดโมง กลับดีกว่าออกแต่เช้า ถ้าไม่นับเรื่องหิว เพราะได้เจาะเลือดพอกันเลยคือเก้าโมงกว่า เสร็จเที่ยงกว่าเหมือนกันด้วย เอ๊ะแล้วจะรีบตื่นแต่เช้าทำไมกัน
ระหว่างนั่งรอพบหมอในร.พ.ภูมิพล ฉันเลือกตรวจเบาหวานให้เร็วขึ้นจาก 3 เดือนเป็น 1 เดือน เพื่อเช็คว่าน้ำตาลมีทีท่าจะลงบ้างไหม เนื่องจากเหมือนจะคุมน้ำตาลไม่ค่อยอยู่ ตามใจตัวเองเกินไป เลยนัดให้เร็วขึ้นเพื่อคุมใจตัวเอง
ระหว่างรอผลเลือดก็นั่งจิบกาแฟไปพลาง เคลียร์งานไปพลาง ดูไปด้วย วันนี้ครูสอนงานเขียนให้เขียนเรื่องคนที่เคยให้ประสบการณ์สำคัญบางอย่างกับเรา
คำนึงและครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ๆ นานพอควร ใครกันที่สร้างประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับฉัน แล้วก็สว่างวาบขึ้นในใจ ...
คนคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากพ่อของฉันเอง พ่อผู้ให้กำเนิด ผู้สอนสิ่งยิ่งใหญ่ที่สุดให้กับจิตใจของฉัน พ่อผู้ซึ่งทำให้ฉันอยู่ในหลุมมืดมานาน ตั้งแต่เด็กจนโต แต่เมื่อถึงวันนั้นวันที่ฉันยืนมองพ่อ มองรูปพ่อ รำลึกถึงพ่อ พ่อผู้ไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้แล้ว แต่สามารถปลดล็อคใจฉัน และสอนสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตให้กับฉันก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
⚘
พ่อกับฉัน เราไม่เคยใกล้ชิดกัน ฉันเรียกพ่อว่า "ลุง" เพราะพ่อเป็นพี่ชายของแม่ที่นำฉันมาเลี้ยงดู
พ่อที่เมียหนีหายไป พ่อที่มีลูกสามคน แต่ไม่ได้เลี้ยงสักคน พ่อส่งลูกๆ ไปอยู่ในความอุปการะของคนอื่น นั่นทำให้ฉันคับแค้นใจอย่างมากเมื่อรู้ความจริง พร้อมคำถามมากมายในใจ
"ทำไม" ทำไมไม่ยอมเลี้ยงลูกเอง ถ้าลูกไม่ได้รับความรัก พ่อจะทำยังไง พ่อไม่รักลูกเลยเหรอ และอีกหลายคำถามในใจของเด็กอายุ 10 ขวบแบบฉัน
ชีวิตพ่อเป็นยังไงฉันไม่เคยรู้ พ่อทำอาชีพอะไรก็ไม่รู้ แม่เล็กไม่เคยพูดถึงพ่อกับแม่บังเกิดเกล้าของฉันเลย ดีนะสมัยก่อนไม่มีเอาพ่อแม่ไปนั่งให้ไหว้แบบสมัยนี้ ไม่งั้นใจฉันคงเหวอะหวะขึ้นทุกปี
เมื่อพ่อดั้นด้นมาหา แต่ลูกอย่างฉันก็ไม่รู้ความ จะด้วยความแข็งกระด้างในใจ หรือเพราะไม่กล้าแสดงออก บ้านฉันเราไม่เคยพูดว่ารัก ไม่โอบกอด เราต่างทำหน้าที่ของกันและกัน นั่นคือความคิดของฉันในตอนนั้น เพราะฉันมีหน้าที่เรียน ก็เรียนไป ปิดเทอมก็กลับบ้านช่วยแม่ทำงานไป
ในช่วงชีวิตตั้งแต่เด็กจนพอรู้ความ ฉันเจอหน้าพ่อนับครั้งได้ พ่อเคยนั่งคุยกับฉัน ขณะฉันวาดรูปเล่น แล้วหมุนสมุดไปมา พ่อบอกว่าไม่ให้หมุน ให้วาดและระบายสีไปในแนวสมุดนี่แหล่ะ แล้วพ่อก็ทำให้ดู พ่อเป็นชาวประมงที่มือเรียว วาดรูปและระบายสีได้สวยมาก นี่เป็นความทรงจำที่เป็นรูปรอยและดีที่สุดเท่าที่พอจะจำได้ของฉัน
ส่วนอีกครั้งและเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้พบเจอพ่อ ครั้งนั้นพ่อร้องขอให้ฉันเรียกว่า "พ่อ" แปลกแค่เปล่งเสียงออกไปทำไมฉันไม่กล้า ปากดันพูดไปว่า "ไม่เรียกหรอก" ฉันจำไม่ได้ว่าคิดอะไร ทำไมถึงพูดออกไปแบบนั้น ตอนนั้นฉันน่าจะอายุสัก 15 ปี พ่อตอบกลับมาด้วยอารมณ์ว่า "ถ้าไม่เรียก ตายก็ไม่ต้องมาเผาผีกัน" เป็นความจริงใช่ไหม ที่เขาว่ากันว่าวาจาพ่อแม่นั้นศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉันมีเหตุให้ต้องระหกระเหิน ไม่ได้เจอหน้าพ่อ และไม่ได้เผาผีกันตามปากของพ่อจริงๆ
⚘
เมื่อโตมา เมื่อได้เป็นแม่คน เมื่อต้องตัดสินใจในทางแยกใหญ่ของชีวิต ฉันนึกถึงพ่อ เข้าใจได้แล้ว สิ่งที่พ่อทำไม่ใช่พ่อไม่รักลูก แบบที่ฉันคิดมาตลอด
พ่อต้องออกเรือไปกับเรือประมงนานแรมเดือนเพื่อหาเลี้ยงชีพ พ่อจะเลี้ยงลูกได้ยังไงกับอาชีพนั้น
พ่อฝากลูกไว้กับคนที่พ่อไว้ใจ มั่นใจว่าจะดูแลลูกของพ่อได้ดีกว่า นั่นคือความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของพ่อ แต่ฉันมารู้ความเอาในวันที่พ่อไม่อยู่แล้ว
ในวันที่ฉันสำนึกได้ พ่อไม่อยู่รอฟังคำว่า "พ่อ" จากปากของฉันอีกแล้ว สำนึกได้ก็สายเกินไปแล้วสินะ พ่ออยู่ในนั้นในสถูปนั้นรอฉันไปไหว้ ไปกราบ ไปจุดธูปเรียก ฉันพร่ำพูดคำว่า "พ่อ" เรียกให้พ่อมารับอาหาร เสื้อผ้า ที่ฉันจัดหาไปให้ แต่ในช่วงที่พ่อมีชีวิตอยู่ เราสองคนเหมือนอยู่คนละฟากฟ้า ไม่บรรจบพบเจอกัน ด้วยทิฐิของตัวฉันเองทำให้ฉันไม่มีโอกาสได้เผาผีพ่อ ไม่เคยกินข้าวกับพ่อ ไม่เคยซื้อเสื้อให้พ่อใส่แม้แต่ตัวเดียว
ทุกครั้งที่ฉันจุดไฟเผาเสื้อผ้ากระดาษไปให้พ่อในทุกปีที่ทำบุญให้ ฉันรำลึกดีถึงความจริงข้อนี้ ฉันมองเห็นความเขลาในตัวเอง ผ่านพิธีทำบุญนี้ในทุกๆ ปี
ฉันกล่าวโทษตัวเองอยู่หลายปี เศร้าในใจทุกปีหลังจากกลับจากทำบุญ ในปีล่าสุด ลูกและหลานของฉันเดินทางไปด้วย ฉันจุดธูปไหว้พ่อด้วยใจที่กระจ่างขึ้น รำลึกขึ้นมาได้ว่า พ่อจากไปแล้ว บทเรียนนี้มีอยู่ พ่อสอนอะไรให้ฉันงั้นเหรอ พ่อสอนให้ฉันหันมาใส่ใจคนที่ยังอยู่ไง อดีตผ่านไปแล้ว ฉันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่ฉันกับลูกๆ หลานๆ เราก็ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันเหมือนฉันกับพ่อ ฉันต้องลดช่องว่างของฉันกับลูกๆ ออกไปให้ได้ ฉันมีบทเรียนแล้วจากความสัมพันธ์ของฉันกับพ่อ ฉันจะไม่ยอมให้ซ้ำรอยแบบนั้นเด็ดขาด
ฉันพูดกับลูกแต่ในสิ่งดีงาม ให้พรลูกทุกครั้งที่เจอกัน และในคำเขียนในกลุ่มไลน์ หากวาจาพ่อแม่ศักดิ์สิทธิ์ลูกฉันก็จะได้รับแต่สิ่งดีๆ ตามคำพูดของฉัน
ทุกครั้งที่เรานัดเจอกัน สมัยก่อนฉันจะกอดแต่หลาน เขินที่จะกอดลูก แต่พ่อทำให้ฉันไม่เขิน ไม่รีรออะไรอีกแล้ว ฉันกอดลูกๆ ทุกคนด้วยความรักจากหัวใจ กอดเผื่อแผ่ไปยังคู่ชีวิตของลูกๆ ด้วย กอดกันในวันนี้ เอ่ยปากบอกรักลูกๆ ไม่ยอมให้สายเกินแก้ เหมือนฉันกับพ่อ
⚘
บางครั้งกว่าเราจะรู้ความ รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็สายไปซะแล้ว เหมือนฉันกับพ่อ แม้ลึกๆ เราจะรักกัน แต่ฉันก็ไม่กล้าแสดงออก กอดสักครั้งก็ไม่เคย แต่ในวันนี้ วันที่ฉันเติบโตขึ้นแล้วทั้งอายุและความนึกคิด ฉันเลิกโทษตัวเอง เลิกกล่าวหาว่าพ่อไม่รัก ฉันหันมาให้อภัยตัวเอง รักตัวเอง รักลูก รักหลาน มากไปกว่าเดิม รักแบบไม่มีเงื่อนไข ไม่รอให้ทุกอย่างสายเกินไปอีกแล้ว
ขอบคุณนะคะพ่อ ที่สอนสัจธรรมนี้ให้กับลูกคนนี้
⚘ ปล่อยให้อดีตที่เคยขมขื่น ทำหน้าที่เป็นแค่บทเรียน
อักษราลัย
15/3/2563