ผลวิจัยเผย COVID19 อยู่ในร่างกายได้นาน 37 วัน แม้ผู้ป่วยหายแล้ว แต่เชื้อยังฝังตัวอยู่

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา เว็บไซต์บลูมเบิร์ก ได้รายงานผลการวิจัยล่าสุดเผยว่า โคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ จะสามารถอยู่ในร่างกายของผู้ป่วยได้นานถึง 37 วัน โดยเชื้อจะฝังอยู่ในระบบทางเดินทางหายใจ ซึ่งหมายความว่าผู้ป่วยจะสามารถติดเชื้อได้เป็นระยะเวลายาวนานหลายสัปดาห์

การค้นพบนี้ถูกแผยแพร่ผ่านวารสารทางการแพทย์ The Lancet  เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา ในหัวข้อ “Clinical course and risk factors for mortality of adult inpatients with COVID-19 in Wuhan, China: a retrospective cohort study” โดยแพทย์ที่โรงพยาบาลจินหยินตัน และโรงพยาบาลโรคปอดอู่ฮั่น ได้ทดสอบตรวจร่างกายผู้ติดเชื้อ 191 ราย รวมทั้งศพผู้เสียชีวิต 54 ศพ พวกเขาพบตัวอย่างพันธุกรรมของเชื้อโคโรนาไวรัส อยู่ในร่างกายของผู้ป่วยที่หายจากโรคโควิด 19 หลังจากผ่านการติดเชื้อมาแล้ว 20 วัน

เมื่อเปรียบเทียบโรค COVID-19 กับโรคซาร์ส (SARS) แล้ว พบว่ามีเพียงแค่ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยโรคซาร์ส ที่ยังมีเชื้อหลงเหลืออยู่ในร่างกาย หลังจากระยะเวลา 4 สัปดาห์ แต่กรณีของโรคโควิด 19 นั้นแสดงให้เชื้อว่าเชื้อยังสามารถฝังตัวอยู่ในร่างกายได้นานมากกว่า 5 สัปดาห์

ทางด้านหมอเฟยโจว จากสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ของจีน หนึ่งในผู้เขียนบทวิจัยดังกล่าว เปิดเผยว่า นัยสำคัญ 2 ประการจากการค้นพบดังกล่าวคือ การตัดสินใจแยกตัวกักกันผู้ป่วย และข้อแนะนำเกี่ยวกับระยะเวลาในการให้ยาต้านไวรัส โดยในปัจจุบัน ระยะเวลาในการกักกันอยู่ที่ 14 วัน แต่ถ้าหากผู้ป่วยยังคงมีเชื้อหลงเหลืออยู่ในร่างกาย แม้ว่าอาการของโรคจะหายไปแล้ว นั่นหมายความว่าหลังจากที่พวกเขาออกจากโรงพยาบาลหรือศูนย์กักกันไปแล้ว พวกเขาเหล่านี้อาจจะแพร่กระจายเชื้อโรคให้คนอื่น ๆ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจและไม่รู้ตัวเลย