นพ.กัมปนาท วิเคราะห์คำสารภาพ”ผอ.กอล์ฟ”ฉลาดตอบคำถาม การสำนึกผิด ใครก็สามารถเขียนบทละครให้ตัวเองพูดได้

ในเฟซบุ๊ก นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล (Kampanart Tansithabudhkun, M.D.) โพสต์ข้อความระบุว่า คุณเห็นอะไรบ้างจากการแถลงข่าวกรณีผอ.โรงเรียนชิงทอง… ฆ่าโหด

1. การเตรียมการให้การสัมภาษณ์ยิ่งใหญ่อลังการมากยืนเรียงแถวและนั่งกันเต็มไปหมด สังเกตดีๆนะครับว่ามีใครมาบ้างและใครไม่ได้มาบ้าง ส่วนคนที่มานั่งและยืนเรียงแถวกันอยู่ คาดว่าน่าจะเป็นทีมงานที่ช่วยทำให้คดีมาถึงวันนี้ได้อันนั้นก็ต้องชื่นชมและให้กำลังใจครับ…
2. เนื้อหาที่นักข่าวถามไม่ค่อยได้ประโยชน์อะไรสักเท่าไหร่ เพราะส่วนหนึ่งระบบการสื่อสารก็มีปัญหาตะกุกตะกักตลอดเวลา จนผบตร. ก็หน้าหงิกเพราะคงรู้สึกว่าการเตรียมการตรงนี้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร
3. สิ่งที่สะใจมากๆก็คือ คำถามของพวกนักข่าวบางคนที่ชอบมโนเรื่องการสืบสวนสอบสวน แล้วก็ไม่รู้ไปแชร์มาจากไหนสุดท้ายรองผบตร. ก็ไม่ได้ให้คำตอบอะไรที่เป็นเรื่องเป็นราวชัดเจนเพียงแต่ตอบไปว่า ทุกอย่างอยู่ในสำนวน 555 หน้าแตกหงายเงิบกันไปตามๆกันดังนั้นพวกชอบมโนควรจะหยุดได้บ้างแล้ว
4. สิ่งที่ชอบใจจากการให้ความรู้คร่าวๆจากท่าน รองผบตร. ก็คือ ผู้ต้องหารายนี้สามารถให้ข้อมูลอะไรก็ได้และอาจจะมีการกลับไปกลับมาได้ตลอดเวลาซึ่งก็เป็นธรรมชาติของผู้ต้องหาประเภทนี้ล่ะครับ ส่วนตำรวจก็มีหน้าที่สืบหากันไปตามหลักวิชาความรู้ถึงแม้จะโดนผู้ต้องหาปั่นหัวซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า manipulative behavior ก็ต้องอดทนกันต่อไปเพราะเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนจะต้องเจอ
5. ข้อมูลที่ผู้ต้องหาให้มาจากการนั่งฟัง การแถลงข่าวในวันนี้ ผมไม่ได้ให้ความสำคัญหรือความเชื่อถืออะไรเลยแม้กระทั่งเรื่องการสำนึกผิดซึ่งใครๆก็สามารถเขียนบทละครให้ตัวเองพูดได้ทั้งนั้นล่ะครับ เพราะฉะนั้นสัมภาษณ์ไปก็แทบจะไม่มีประโยชน์เพราะคนสัมภาษณ์ก็ตั้งธงอยู่แล้วว่าอยากจะได้ยินคำว่า “รู้สึกผิด”… “รู้สึกสำนึกผิด”… ส่วนผู้ต้องหาก็ไม่ใช่คนโง่ เรียนจบก็สูง การตอบแค่ว่ารู้สึกสำนึกผิดมันเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากเย็นอะไร ฟังดูแล้วก็แค่ทำให้บรรยากาศมันดีขึ้นแค่นั้นเอง…. แต่มันก็ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า มาพูดทีหลังกับการรู้จักยับยั้งชั่งใจควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ก่อนที่จะเกิดเรื่อง อะไรมันน่าจะมีความสำคัญกว่า มันก็สะท้อนให้เห็นว่าคำพูดที่พูดมาไม่ได้มีความน่าสนใจหรือน่าเชื่อถืออะไร ก็คนเสียชีวิตไปแล้วมาสำนึกผิดตอนนี้ก็ไม่ช่วยให้คนเหล่านั้นฟื้นขึ้นมาหรอกครับ… ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของปัญหาทางพฤติกรรมของคุณเองนั่นแหละ
6. สุดท้ายสิ่งที่จะต้องติดตามกันต่อไปก็คือถ้าผู้ต้องหาให้การกลับไปกลับมาจนเข้าข่ายพูดจาไม่รู้เรื่องหรือสับสนมากๆบางทีก็ต้องเอาไปตรวจสภาพจิตด้วยเหมือนกันนะ (อย่าเพิ่งโมโหและโกรธกันไปก่อนล่ะ)​

… ปกติแล้วโดยทั่วไปเป็นหลักสากลเลยว่าผู้ต้องหาในคดีอุกฉกรรจ์ทั้งหลายย่อมมีสิทธิ์ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญที่จะได้รับการตรวจประเมินทางด้านสุขภาพจิตนะครับ ซึ่งถ้าตรวจแล้วไม่เจออะไรที่เป็นความผิดปกติทางด้านจิตเวชที่ชัดเจนก็ส่งกลับมาดำเนินคดีต่อ ซึ่งกระบวนการนี้ก็คงใช้เวลาไม่นานนัก เราถือว่าเป็นกระบวนการที่ทำแล้วรอบคอบและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ครับ.#ใจร่มๆรอชมกันต่อไปด้วยสติ