2 นางเอกดาวค้างฟ้าตลอดกาลของยุค
วงการบันเทิงไทยให้ความบันเทิงแก่คนไทยมาหลายสิบปี ถ้าพูดถึงนางเอกนั้นมีมานับไม่ถ้วน แต่ถ้าจะให้มีชื่อเสียงยาวนาน เป็นขวัญใจมหาชน มีงานเยอะ หรือไม่ทำงาน ก็ยังเป็นที่พูดถึง ไม่เพียงแต่เป็นเบอร์1 แต่ยังครองใจมหาชนตลอดกาล คงจะมี2คน 2ยุค ที่คนไทยทั่วประเทศ ยกให้เป็นนางเอกตลอดกาล เป็นดาวค้างฟ้าคู่วงการบันเทิงไทย
เพชรา เชาวราษฎร์ (อี๊ด)
เกิด 19 มกราคม พ.ศ. 2486 อายุ 76 ปี
ชื่อนี้เคยเป็นตัวแทนแห่งความชื่นใจและหลงใหลใฝ่ฝันของแฟนหนังไทยเมื่อราวครึ่งศตวรรษก่อน ก่อนจะกลายเป็นตำนานเล่าขานสู่คนรุ่นถัดมา แม้ปัจจุบันสายธารแห่งกาลเวลาจะพัดพาให้ชื่อเพชราไกลห่างออกไปจากการรับรู้ของอนุชนที่เพิ่งเติบโตขึ้น แต่ปรากฏการณ์และความยิ่งใหญ่ที่เธอฝากไว้แก่สังคมและวงการภาพยนตร์ไทยในคืนวันอันรุ่งโรจน์ ยังคงอยู่เป็นอมตะเช่นเดียวกับหยาดเพชรที่ไม่มีวันหมดประกาย
ดอกดินได้เปลี่ยนชื่อให้เธอใหม่เป็น “เพชรา เชาวราษฎร์” และ เจน จำรัสศิลป์ นักข่าวบันเทิงชื่อดังได้ตั้งฉายาให้สมกับดวงตาคู่งามของเธอว่า “ดาราสาวนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง” นอกจาก บันทึกรักของพิมพ์ฉวีเพชรายังได้รับการทาบทามไปแสดงเรื่อง ดอกแก้ว ของ วิจารณ์ ภักดีวิจิตร ทั้งสองเรื่องออกฉายไล่เลี่ยกันในช่วงต้นปี พ.ศ. 2505 และได้รับความนิยมมากพอสมควร เสียงตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ จึงส่งให้ เพชรา เชาวราษฎร์ แจ้งเกิดในโลกภาพยนตร์ไทยอย่างรวดเร็ว
พระเอกคนแรกของเพชรา คือ มิตร ชัยบัญชา ดาราชายที่เข้าวงการก่อนเธอราว 5 ปี จาก บันทึกรักของพิมพ์ฉวี พวกเขาได้ประกบคู่แสดงร่วมกันอีกหลายต่อหลายเรื่อง เช่น อ้อมอกสวรรค์ (2505) แพนน้อย (2506) อวสานอินทรีแดง(2506) นกน้อย (2507) ฯลฯ จนกลายเป็นคู่ขวัญที่ส่งเสริมบารมีกันและกันให้ได้เป็นพระเอกนางเอกอันดับหนึ่งของวงการในเวลาต่อมา
เพชรา เชาวราษฎร์ ถือเป็น “ราชินีจอเงิน” ของเมืองไทยอย่างแท้จริง ในแง่ที่เธอเป็นนักแสดงภาพยนตร์เพียงอย่างเดียว ไม่เคยแสดงด้านอื่นเลย ผลงานภาพยนตร์ของเธอนั้นมีมากมายมหาศาลถึง 300 กว่าเรื่อง ตลอดระยะเวลาเพียง16 ปีที่อยู่ในวงการ ระหว่างปี 2505-2521
เพชราเริ่มมีปัญหาทางด้านสายตาตั้งแต่ พ.ศ. 2513 ปีเดียวกับที่ มิตร ชัยบัญชา เสียชีวิต แต่เธอยังกัดฟันต่อความเจ็บปวดเพื่อแสดงภาพยนตร์ไปอีกเกือบสิบปี ก่อนจะตัดสินใจแสดงภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายคือ ไอ้ขุนทอง ที่เธอเป็นผู้อำนวยการสร้าง ออกฉายเมื่อปี พ.ศ. 2521 หลังจากนั้น ราชินีแห่งจอเงินผู้สร้างความสว่างไสวในใจของประชาชนมายาวนาน ก็จำต้องก้าวลงจากบัลลังก์เข้าสู่โลกที่ค่อย ๆ มืดมนอย่างเงียบ ๆ โดยมี ชรินทร์ นันทนาคร คู่ชีวิตเจ้าของเสียงร้องเพลง “หยาดเพชร” เพลงที่กลายเป็นสัญลักษณ์แทนตัวเธอ คอยดูแลอยู่เคียงข้าง
พ.ศ. 2544 เพชราปรากฏแต่ “เสียง” ให้แฟน ๆ ได้คลายความคิดถึงในบทบาทนักจัดรายการวิทยุอยู่ประมาณ 4 ปีจากนั้นในปี พ.ศ. 2552 เธอจึงปรากฏตัวออกสื่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในฐานะพรีเซนเตอร์เครื่องสำอางชื่อดัง ซึ่งรายได้ทั้งหมดมอบให้แก่การกุศล หนึ่งในนั้นคือมูลนิธิคนตาบอดแห่งประเทศไทย การเผยโฉมครั้งแรกในรอบสามทศวรรษของเพชรากลายเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ผู้คนให้ความสนใจ ทั้งแฟนภาพยนตร์รุ่นเก่าและรุ่นใหม่ที่เพิ่งรู้จักเธอผ่านผลงานภาพยนตร์บางส่วนซึ่งยังคงหลงเหลือมาจนถึงทุกวันนี้ ก่อนที่เธอจะได้รับการประกาศเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาภาพยนตร์ ประจำปี พ.ศ. 2561 นับเป็นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ควรค่าแก่ผลงานจำนวนมากซึ่งได้ปลอบประโลมและจรรโลงจิตใจประชาชนอย่างลึกซึ้งจนยากที่จะหาใครเทียบเทียมทั้งในอดีตและอนาคต
วันเสาร์ที่ 18 มกราคม เพชรา เชาวราษฎร์ จะเดินทางมาประทับรอยมือรอยเท้า บนลานดารา หน้าโรงภาพยนตร์ศรีศาลายา หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) เพื่อเป็นอมตนุสรณ์ เคียงข้างกับดาราทั่วฟ้าเมืองไทยคนอื่น ๆ หอภาพยนตร์ขอเชิญแฟนภาพยนตร์ไทยทั่วประเทศ มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีสำคัญครั้งนี้ พร้อมชมตัวอย่างผลงานภาพยนตร์ในอดีต และร่วมสนทนากับดาราผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา เริ่มกิจกรรมตั้งแต่เวลา14.00 น. เป็นต้นไป ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชมแต่อย่างใด ไม่ควรพลาดมากๆจ้าา
พัชราภา ไชยเชื้อ (อั้ม)
เกิด 5 ธันวาคม 2521 อายุ 41 ปี
อั้ม พัชรภาได้เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงในช่วงปีพ.ศ. 2540 โดยเริ่มจากการประกวดมิสแฮ็คส์ ซึ่งเวทีการประกวดนี้เป็นเวทีที่ดังมากในสมัยนั้น และเธอก็ได้คว้ารางวัลอันดับหนึ่งมาได้โดยเป็นมิสแฮคส์คนแรกของเวทีนี้อีกด้วย การประกวดในครั้งนั้นทำให้ อั้ม พัชราภาได้เซ็นสัญญากับทางช่อง 7 ในทันที และหลังจากนั้นเธอก็ได้เริ่มเข้ามาสู่วงการบันเทิงแบบเต็มตัว โดยผลงานชิ้นแรกของเธอก็คือ นางเอกเอ็มวีประกอบเพลงไม่ใช่คนในฝันของคุณต้น อาภากรโยมา และในปีเดียวกันนั้นเธอก็มีผลงานละครตามมาติดๆ เป็นละครเรื่องมณีเนื้อแท้ที่ออกอากาศทางช่อง 7 ซึ่งนั้นก็เป็นละครเรื่องแรกของเธอเลยก็ว่าได้
ละครที่ทำให้อั้ม พัชรภาเป็นที่รู้จักหรือเป็นละครแจ้งเกิดของเธอก็คือละครเรื่องแม่นาค ในปีพ.ศ.2542 ในเรื่องนี้เธอก็ได้แสดงร่วมกับพระเอกดังอย่างพีท ทองเจืออีกด้วย และก็มีละครอีกเรื่องที่ทำให้เธอโด่งดังและเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นก็คือเรื่องคมพยาบาท ซึ่งได้แสดงร่วมกับดารารุ่นน้องอย่างยุ้ย จีรนัน และพระเอกของเรื่องก็คือ วี วีรภาพ โดยที่เธอได้รับบทเป็นเปียและนั่นก็ทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงเบอร์หนึ่งเลยก็ว่าได้
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอก็กลายเป็นดาราหญิงแนวหน้าของเมืองไทยจนมาถึงปัจจุบันเธอเองก็ได้แสดงละครไปกว่า40 เรื่องและภาพยนตร์อีก 4 เรื่องด้วยกัน ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังได้รับหน้าที่เป็นพิธีกรในรายการจ้อจี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ของเธอแต่เธอก็ยังคงทำมันได้ดี ด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังและรางวัลต่างๆ มากมายที่เธอได้รับโดยเฉพาะรางวัลเซ็กซี่ ซึ่งเป็นรางวัลที่เธอได้รับหลายปีเป็นเวลาติดต่อกัน จึงทำให้ในปีพ.ศ. 2555 เธอปฏิเสธการรับรางวัลนี้ ทำให้สื่อมวลชนและสมาคมนักข่าวบันเทิงได้ตั้งฉายาให้เธอว่า "ซุปตาร์เกษียนเต้า"
สำหรับเรื่องค่าตัวของ อั้ม พัชรภานั้นถือได้ว่าเธอเป็นดาราหญิงที่มีค่าตัวสูงมากเลยทีเดียว มาดูกันว่าในแต่ละงานเธอได้ค่าตัวเท่าไหร่กันบ้าง สำหรับงานอีเว้นเธอได้ค่าตัวราว 150,000-300,000 ต่ออีเว้น สำหรับงานพรีเซ็นเตอร์เธอได้ค่าตัวราว 10 ล้านบาทต่องานพรีเซ็นเตอร์ครั้งหนึ่ง สำหรับงานละครค่าตัวเธออยู่ที่ประมาณ 200,000 บาทต่อ 1 ตอน
2 นางเอกดังนอกจากสวย รวย มีเสน่ห์ ยังใจบุญ ช่วยงานการกุศล ทำบุญ รักสัตว์ เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับนางเอกรุ่นน้องและมหาชนได้อยากลงตัวเหมาะสม