หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เรื่องสยองของอิเป๋อ>>>>>กับคุณยายสายย่อเฝ้าทรัพย์ที่สงขลา

โพสท์โดย เบาหวิวว


........ตั้งแต่ดิฉัน  เป็นเพื่อนกับ จำปี จำปา ผ่านอะไรดีๆร้ายๆด้วยกันมาหลายเรื่องราวในมหาลัยราชภัฏสงขลา   ตั้งแต่เริ่มตั้งไข่ในมหาลัย    ปี1 เป็นปีแห่งการลองผิดลองถูก  ในการที่จะค้นหาเพื่อนที่เข้ากับเราได้และดี (จริงๆ) กับเรา  แรกเริ่มเพื่อนรอบตัวจึงเยอะ  จนเมื่อเวลาผ่านไป  นิสัย สันดาน และการใช้ชีวิต ที่เริ่มเข้ากันไม่ได้  จะค่อยๆคัดเพื่อนที่ไม่ใช่ออกไปจากชีวิตเรา  ตอนปี1 เรามีกัน6คน  แต่ก็ถอยออกไป2คน เหลือ4  พอขึ้นปี2 เพื่อนนิสัยเสีย1คน ก็ถอนตัวออกไป เราเหลือ3
แต่ก็มีเพื่อนใหม่จากกลุ่มอื่นมาเพิ่ม เหลือ4 แต่ก็ตายจากกันไป พอขึ้นปี3 เราจึงเหลือกันแค่3คน คือ ดิฉัน   จำปี   จำปา


......เราสนิทกันในระดับสามารถที่จะใส่เสื้อผ้าของกันและกันได้  ไม่เอาเรื่องแย่ๆซึ่งทุกคนต้องมี ไปนินทากับคนอื่น  นั่นคือพื้นฐานสำคัญของการเป็นเพื่อน  หากอยากได้ความจริงใจ  ก็ต้องกล้าที่จะจริงใจก่อน  ถ้าเขาจริงใจกลับ นั่นแหละเพื่อนกันจนวันตาย  มีอะไรก็กล้าเล่ากล้าบอกกล่าวกันหมด


....ตั้งแต่ดิฉันรู้จักจำปี  หรือที่ดิฉันเรียกมันว่า “อิเป๋อ” มา3ปี ดิฉันสังเกตว่ามันไม่ค่อยจะกลับบ้านสักเท่าไหร่  ด้วยความข้องใจ  มีโอกาสจึงนั่งคุยกันในวันหนึ่งพร้อมหน้า3คน


   “เป๋อ...ตั้งแต่เรียนราชภัฏมา3ปีนี้   ทำไมมืงไม่ค่อยกลับบ้านเลย  บ้านมืงก็อยู่ใกล้ๆเอง”

    “กูกลัวยายเขียนคนข้างบ้านน่ะ  แกชอบมาเล่นโยคะท่ายากให้กูเห็นบ่อยๆ  กลับบ้านไปทีไรต้องมาโชว์ตัวให้กูเห็น  กูเลยไม่กลับดีกว่า  อยู่หอให้บายๆใจไปหวา”

     “อะไรของมืงคะคุณเป๋อ  มืงกลัวยายข้างบ้านเล่นโยคะท่ายากให้ดู จนไม่ค่อยกลับบ้าน   ตลก..สลัดเลยเมิง ฮ๊าฮ่าๆๆๆ”


....ดิฉันนั่งหัวเราะ กับเหตุผลที่เป๋อ  ไม่ค่อยกลับบ้าน  ด้วยเหตุผลว่า กลัวยายข้างบ้านเล่นโยคะท่ายากให้ชม  แต่จำปา ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทอีกคน  และเคยไปนอนที่บ้านของเป๋อมาแล้ว  ก็แทรกขึ้นมาว่า


      “แต่กูเข้าใจมันนะ  เพราะกูก็เคยไปเจอยายข้างบ้านอิเป๋อ  มาเล่นโยคะท่ายากให้ชมมาแล้วตอนไปนอนบ้านมันหนนั้น  และบอกเลยว่า กูจะไม่ไปนอนบ้านอิเป๋ออีก”

      “ก็แค่ยายเล่นโยคะ  มันน่ากลัวตรงไหนค๊า เธอ2คน”

      “ค๊า ค่า ค๊า จะไม่น่ากลัวเลยค๊า  ถ้าแกไม่เสียลมหายใจ หรือพูดง่ายๆว่าตายห่านไปตั้งนานแล้ว  นาจา”

เอิ๊กกกกกกกก......”ไหนยังไง  เล่าให้ฟังที   อยากรู้ แกเป็นใคร ยังไง  ทำไมถึงมาเล่นโยคะให้มืงดู หืม”


.......บ้านของเป๋อ  อยู่ อ.สทิงพระ  ก็คนสงขลานั่นเอง  ทางเข้า ก็จะผ่านวัดดังของสทิงพระเลย  คือวัดพระโคะ  ก็เข้าไปลึกพอสมควร และทางค่อนข้างเปลี่ยว  สองข้างทางจะเป็นทุ่งนา กับที่รกร้างไกลสุดลูกหูลูกตาแซมด้วยต้นตาลมากมี  
แล้วหมู่บ้านของเป๋อ ก็เป็นกลุ่มบ้านที่ตั้งอยู่ลึกลับและโดดเดี่ยว  อาชีพของคนหมู่บ้านเป๋อคือ ทำนา  ปาดตาล  มีทำสวนบ้าง  เลี้ยงปลา  เลี้ยงวัว   ไก่ หมู  มีความสุขกันแบบคนบ้านนอก  เพราะทางเข้าที่ค่อนข้างซับซ้อน.วก-วน    ถ้าให้คนไม่เคยไป...ไปเอง  ถ้าไม่หลงเข้าไปเองก็เข้าไปถึงค่อนข้างยาก   ไม่มีวัด ไม่มีโรงเรียน จะเผา ก็ต้องขนศพไปเผาหมู่บ้านข้างๆ  จะเรียน ก็ต้องนั่งรถ ขับรถไปเรียนโรงเรียนอีกหมู่บ้าน  


   “หน้าฝนทีไร  หมู่บ้านกูบันเทิงมากตอนไปเรียนหนังสือ  ขี้โคลนดีดเต็มหลังเต็มขาค่ะ อบต.บ้านกูเขาเก่ง”

     “เก่ง ยังไง ???”

     “อ่อ อบต.บ้านกูเค้ามองการณ์ไกลไง    อนุรักษ์ถนนดั้งเดิม  ไว้ให้ลูกหลานบ้านกู ชั่วลูกสืบหลานแล  นี้นะอีกหน่อย  คนมีถนนคอนกรีต  ลาดยาง กันหมดใช่มะ   ซึ่งบ้านใครๆก็มี  แต่บ้านกูนี้ อีก100ปี  จะต้องมีคนที่อื่นมาเที่ยว  มาดูงาน มาดูถนนที่บ้านกู  หน้าฝนปลูกข้าวได้   หมู่บ้านกูจะดัง เป็นอันซีนแน่ๆ ถนนลูกรังปนดินเลน 100ปีไม่มีดัดแปลง   อนุรักษ์โดย  อบต.  .......จุดๆๆ น่อว์ววว”

-_-“

.....แล้ว เป๋อ ก็เล่าต่อไปว่า...
บ้านเป๋อ อยู่ท้ายหมู่บ้านเลย  แล้วบ้านติดกันนั้นก็เป็นบ้านของยายแก่ๆคนหนึ่ง  สมมุติว่าแกชื่อ “ยายเขียน” อายุได้ประมาณ60-70ได้แล้ว  ตั้งแต่เป๋อจำความได้  เป๋อก็เห็นหน้ายายเขียนนี้ตลอด  เพราะเป็นคนบ้านติดกัน   ก็ตัวบ้านเนี่ยห่างกันในระยะที่มองเห็นภายในชั้น2ของบ้านยายเขียนถนัดตาเลยจากห้องนอนของเป๋อ  และจะมีรั้วเป็นต้นชะอมกั้นเท่านั้น


    “บ้านของยายเขียน  แกจะปลูกต้นไม้ไว้เยอะมาก  ก็มีตั้งแต่ดอกไม้สวยงาม พืชสวนครัว  ไปยันไม้ยืนต้นใหญ่ๆพวกผลไม้ต่างๆ   แล้วที่ดินของแก  ที่ต่อยาวเป็นพรืดไปด้านหลังจากตัวบ้าน  ก็เป็นพวกสวนกล้วย  มะละกอ  ต้นมะม่วง มะขาม  บ่อเลี้ยงปลาตามธรรมชาติ   คือสมัยผัวแกยังมีชีวิต แกก็เลี้ยงปลาแหละ  แต่พอผัวตายจากไป  แกก็เลิกเลี้ยง แล้วจ้างคนมาขุดทางเชื่อมจากคลองธรรมชาติด้านนอก ให้ต่อเนื่องกับบ่อร่องสวนของแก  แล้วแกก็ปลูกผักบุ้ง ผักกระเฉดไว้เต็ม  ส่วนทางเชื่อม  แกก็เอาไซดักปลา ไปตั้งดักไว้  ยายเขียนแกก็เลยไม่ลำบากลำบนอะไร  ซื้อแค่ข้าวกิน กับข้าวหาได้ทั่ว”


      “แล้วแกไม่มีลูกมีหลานหรือมืง”


     “มี   แกมีลูกสาวนะ ตอนเราอายุ12-13นั้น เคยเห็นอยู่สวยด้วย   แต่เหมือนว่าเขาทะเลาะกับยายเขียน  เรื่องผู้ชายนี่แหละ  ยายเขียนแกมีลูกคนเดียว  แกอยากให้ลูกได้ผัวดีๆ  แต่คนที่ลูกสาวแกคบตอนนั้น  เป็นพวกนักเลง  ทำมาหากินไม่มีหลักแหล่ง   ที่ได้มาเจอกันเพราะชายนั้นมาหาเพื่อน มากินเหล้ากินหวากน้ำตาลเมา กับพวกชายในหมู่บ้าน  พอเจอลูกสาวยายเขียน ก็ชอบพอ  ก็มาจีบมาปากหวานใส่  จนได้เสียกันทั้งที่ไม่แต่งงาน”


   “ทีนี้ยายเขียนแกก็ไม่พอใจ  แกกลัวลูกเขยจะมาผลาญสมบัติแก  เพราะผู้ชายน่ะมีแต่ตัว กับรถมอไซค์คันเดียว  แกก็ไม่ยอมให้คบกัน   แต่ความรักของหนุ่มสาวเนาะ  พอคนมันรักไปแล้วก็ยอมไง   ในเมื่อยายเขียนประกาศว่า  ถ้าลูกสาวจะเอาผัวคนนั้น  แกจะไม่ยกอะไรให้แม้แต่บาทเดียว  ลูกสาวก็น้อยใจ  เลยหนีตามผัวไปไหนไม่รู้ “


   “แรกๆยายเขียน แกก็เสียใจนะ  แต่เพราะแกเป็นคนชอบเข้าวัด แกมี RC เก่าๆของผัวแกอยู่คันนึง  แกจะขับ แต๊กๆๆๆไปวัดบ่อย  เลยได้ธรรมมะเข้าช่วย  แกก็เลยเลิกเสียใจในเวลาไม่นาน  แล้วในที่ดินแกน่ะ กับข้าวเต็มหมด  เงินเก็บก็มีอยู่  แล้วเพื่อนบ้านก็ชอบพอนิสัยยายเขียน  เพราะยายเขียนมีน้ำใจ  ใครไปขอพืชผักในบ้านแก ได้หมด  แต่อย่าไปขโมยเท่านั้นพอ  ถ้าแกรู้ว่าใครแอบไปขโมยของแก  แกด่ายันบรรพบุรุษ”


     “ยายเขียนจัดว่าเป็นคนสำคัญของหมู่บ้านคนหนึ่ง  เปรียบเสมือน  นายกสมาคมนักตำหมากของหมู่บ้านเลย  เพราะคนแก่คนเฒ่า เขาก็จะมีสังคมในแบบของเค้าเนาะ  ก็แบบไปมาหาสู่กัน  ไปนั่งตำหมาก นั่งคุยกันเรื่องนู้นเรื่องนี้ได้เรื่อยๆ
ก็จะนั่งตำหมากกันดังกล๊อกๆๆๆสลับเสียงโล้งเล้งคุยกันไป  เวลามีคนเอ่ยถึงลูกสาวที่หนีหายไป แกก็จะแค่เปรยๆว่า”    

    “เรื่องของมัน  มันอยากไปลำบากลำบนก็ช่างหัวมัน ช้านไม่สนใจมันแล้ว” ..เป๋อ  ตอนนั้นอายุ12-13 ก็ชอบจับกลุ่มเด็กๆวัยเดียวกันในหมู่บ้าน   แอบมุดรั้วชะอมจากที่ดินตัวเอง  เข้าไปทางท้ายสวนของยายเขียน  พากันไปขโมยมะม่วงกิน   บางทีก็ลงเล่นน้ำ เพราะท้องร่องในสวนมันตื้น ไม่เหมือนคลองด้านนอกที่ลึก  พอยายเขียนได้ยินเสียง  เดินกระย่องกระแย่งมา  แกก็จะส่งเสียงว่ามาแต่ไกล

“เอิ้วๆๆ โหมสู มาทำไหรกันเว้อ  อยากโดนทุบเหอ”

....พวกเป๋อ และเพื่อนๆ ก็พากันเจี๊ยวจ๊าว  ยายเขียนมา  แล้วพากันวิ่งหนี   วันไหนโดนยายเขียนจับได้   เย็นนั้นเป๋อก็จะเจอก้านมะยมจากฝีมือแม่  ส่วนพ่อจะนิ่งไม่ยุ่ง  แต่เป๋อไม่เคยเข็ด  ยังทำอยู่เรื่อยๆ  แต่พอโตเป็นสาวมากขึ้น พฤติกรรมแบบนั้นก็หายไปตามวัย
  

  “แล้วทำไมมืงไม่ไปขอแกกินดีๆล่ะ  แกใจดีไม่ใช่หรอ”
  “ก็มันไม่สนุก ไม่หรอยเท่าลักเอาแล “
  “นั่นไง”

......ยายเขียน  แกมีความพิเศษอยู่อย่างนึงคือ  แกชอบเต้นชอบรำ  พวกงานบวช  งานดนตรีอะไรพวกนี้ถ้ามีมาใกล้ๆ แกไม่พลาดแน่นอน  ก็เป็นสายย่อยุคโบราณตัวยงเลย  ที่บ้านแก แกมีวิทยุอยู่เครื่องนึง  ถ้าแกอยู่บ้าน แกเปิดทั้งวัน  ถ้ามีเพลงแนวๆรำวงโผล่มา จังหวะสนุกๆ  เป๋อ ก็จะแอบเห็นยายเขียนแกเต้นของแกคนเดียวอยู่ที่ชั้น2นั่นแหละ


    “แกอายุมาก  แต่ชอบเต้น  ที่ได้ตาย ก็เพราะเต้นฮั้นและ”

    “พรือล่ะแกถึงตาย”

     “ตอนกูอายุ15 อยู่ ม.3  แกไปงานบวชลูกชายคนในบ้าน  แกก็ไปเดินรำกลองยาวแห่นาคหน้าขบวน  แกเดินๆรำอยู่ก็ทรุดลงไปกอง  แกเป็นลม  คนก็ช่วย แล้วพาแกส่งบ้าน”

    “อ่อ แล้ว”

    “แกยังขึ้นบ้านไหวอยู่นะ  ตอนนั้นกูมองจากห้องกู ก็เห็นแกนอนอยู่  แต่กูเห็นแค่ท่อนตั้งแต่เอวลงไปปลายเท้า   กูก็ไม่ได้สนใจอะไร  พอค่ำ กูกินข้าวอาบน้ำเสร็จ ขึ้นห้องนอน  มองไปบ้านแก  ก็มืดมาก  ไฟไม่เปิด กูก๊เอ๊...ทำไมยายเขียนหลับไวจัง  (จริงๆยังไม่ได้เปิดมากกว่า)

    “ทีนี้พอตอนเช้า กูตื่น เก็บหมอนมุ้งได้ กูเปิดหน้าต่าง มองไปกูก็ เห้ย!!!  ยายเขียนนอนอยู่ท่าเดิมเหมือนเมื่อวานเลย  กูก็ว่ามันแปลกแล้วนะ  เลยลงบ้านไปบอกแม่กับพ่อ”

    “พ่อกูก็เลยไปยืนเรียกที่หน้าบ้าน  ยายเขียน  ยายเขียน  ตัวกูก็กลับขึ้นไปบนห้อง แล้วมองก็ยังเห็นเอวกับขายายเขียนนอนอยู่  กูก็ตะโกนลงไปบอกพ่อ  ...พ่อๆ ยายเขียนแกนอนอยู่บนบ้าน”

    “พ่อกูก็ชวนแม่ให้ขึ้นไปเป็นเพื่อน  แต่ประตูล๊อค เลยพากันเคาะ  เคาะเท่าไรก็ไม่เปิด ไม่เสียงตอบ  พ่อกูเลยไปบอกผู้ใหญ่บ้าน  แล้วก็เรียกคนอื่นๆให้มาช่วยกันดู  ยายเขียนแกก็มีญาติพี่น้องคนอื่นๆอยู่ก็พากันมาเต็มบ้าน   มาช่วยกันงัดจนประตูพัง  กูก็ยืนดูเค้าอยู่ที่ห้องกุแหละ  พอคนขึ้นไปได้  ก็เห็นคนไปยืนล้อมยายเขียนเต็ม “

    “สุดท้ายเลยได้รู้ว่า  ยายเขียนตายจนตัวแข็งแล้ว  เขาว่าน่าจะตายตั้งแต่เมื่อวาน  โอ๊ยยย...นี้กูเห็นศพแกตั้งแต่เมื่อวานเลย แถมยังลุกขึ้นมามองอีก  ขนหัวกูลุกเลยมืง”

.    “พอตำรวจสรุปการตายว่าตายตามธรรมชาติ  ญาติๆยายเขียนก็เอาศพแกไปตั้งสวดที่วัดหมู่บ้านข้างๆ  แล้วพยายามจะสืบหาลูกสาวที่หนีไป  จากพวกเพื่อนๆของผัวลูกสาวแก ที่เคยเที่ยวด้วยกัน  พวกเพื่อนๆนั้นก็บอกว่า  ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว  รู้แค่ว่าผัวของลูกสาวยายเขียนนั้นเป็นคนหัวไทร  นครศรีธรรมราช  แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเค้าพากันไปทำมาหากินอยู่ไหนแล้ว  งานศพยายเขียน  เลยไร้เงาลูกสาวแกมาเผา  มีแต่ญาติๆจัดการ”
    
       “น่าสงสารแกเนอะ  ตายแบบเหงาๆ แบบนั้น”

       “แกตายคนเดียวน่ะใช่  แต่จะว่าตายแบบเหงาๆไม๊ กูว่าไม่  เพราะแกไปย่อจนเป็นลมตาย  แต่กลับมาตายที่บ้าน  น่าจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำมั้งตอนตาย “

       “ทำไงทีนี้ตามหาทายาทไม่ได้แบบนี้”

      “ก็เผาไปทั้งงั้นๆแหละ  พ่อแม่กูก็ไปช่วยงานเต็ม3วัน  ญาติคนอื่นๆแกก็มี อยู่”

      “แล้วที่ดินบ้านช่องแกทำไง ตามหาลูกไม่เจอ”

      “พวกญาติๆแกที่อยู่  ก็ปิดบ้านไว้แน่นๆแบบนั้นแหละ  รอให้ลูกสาวแกกลับมาเอา  ญาติพี่น้องคนอื่นไม่กล้ายุ่งวุ่นวาย  เพราะยายเขียนแกเคยแช่งเอาไว้นานแล้วตั้งแต่แบ่งสมบัติพ่อแม่แล้วว่า  ถ้าแกตาย แล้วญาติพี่น้องคนไหนคิดจะมาเอาสมบัติแก  แกจะตามจองเวร ตามหลอกหลอนให้ตายตามแกไปเลย   พวกญาติๆก็เลยไม่กล้า”

      “อ้าว  ก็เลยปล่อยบ้านไว้แบบนั้นเลย”
      “ใครจะกล้าไปอยู่  กูเนี่ยเจอคนแรกเลย”
       “ไหนๆมายังไง”

       “ยายเขียนตาย  กูก็ไม่กล้าเปิดหน้าต่างห้อง  ด้านที่เปิดแล้วมองเห็นบ้านยายเขียนตรงที่แกนอนตายเลย  กูปิดตาย
แต่ก็ผ่านไปหลายวันไม่เห็นมีอะไร  กูก็เบาใจ  อีกอย่าง พวกญาติๆแกก็ไปลงกลอนประตูหน้าต่างบ้านแกหมดแล้ว   กูเลยอ่ะ  ร้อน..... เปิดหน้าต่าง เหมือนเดิม”


        “คืนนั้นกูจำได้  กูนั่งทำการบ้านอยู่ในห้อง  เหมือนว่าฝนกำลังจะตกมีลมไง  กูได้ยินเสียงหน้าต่างกระแทกอะไรสักอย่างดัง  >>ปั้งๆๆ<< กูก็หันไปดู  แล้วลุกไปดูบานหน้าต่าง  พอไปถึง  อ้าว....หน้าต่างก็ใส่ตะขอเกี่ยวไว้  มันกระแทกไม่ได้
ก็ว่าเสียงมันมาแต่ไหน   ไม่รู้นึกไง กูเพ่งมองไปที่บ้านยายเขียน  โอยยยยย มืง หน้าต่างบ้านยายเขียนเปิดอยู่”
  
  “อูยยยยยยยยยยย”

      “เสียงลมพัดผ่านช่องหน้าต่างดัง วิ้วๆๆๆ  ฝนก็ครึ้มๆจะตก ลมก็พัด  พอกูเพ่งตามองดีๆ  เงาใครก็ไม่รู้ เดินไปเดินมาบนบ้านยายเขียน   กูขนตั้งทั้งตัวแหละตอนนั้น  กูอยากจะคิดว่าคงมีญาติยายเขียนขึ้นไปบนบ้านแกนะ   แต่เงาน่ะทำท่าทางแปลกๆ มีดัดตัว   โค้งตัวเหมือนคนเล่นโยคะ  ใครแล้วมันจะบ้าไปยืนดัดตัวเล่นโยคะมืดๆบนบ้านคนตาย    กูก็รีบปิดหน้าต่าง ลงกลอนเลย ไม่กล้าดูแล้ว”
  
   “พอเช้ามา กูก็เปิดหน้าต่างดู  หน้าต่างบ้านยายเขียน แกก็เปิดเหมือนเมื่อคืนนะ  กูก็ไปบอกพ่อ  ว่าไม่รู้ทำไมหน้าต่างบ้านยายเขียนเปิด  พ่อว่า สงสัยลมฝนพัด  พ่อก็เลยไปบอกญาติยายเขียนที่ถือกุญแจบ้านยายเขียนอยู่ให้มาปิด  เพราะกลัวฝนจะสาดเข้าบ้าน และกลัวพวกขโมยมาปีนเข้าบ้าน”

     “พอลุงบ่าว  ญาติยายเขียนขึ้นไปปิด  แกก็มาบ่นแบบงงๆกับบ้านกู    กูแอบได้ยินว่า  กลอนก็ไม่ได้ชำรุดอะไร  ทำไมหน้าต่างเปิดได้ไม่รู้ เพราะกลอนที่ลงจากด้านใน  รูลึกมาก  ปิดแล้วต้องออกแรงดึงเยอะกว่าจะออก  ลมอะไรมันจะแรงขนาดเข้ามาดึงกลอนขึ้นได้  
พ่อก็ว่า    “หรือยายเขียนแกเปิด”    ลุงบ่าวก็ว่า   “ไม่แน่เหมือนกัน”

.....เป๋อเล่าต่อว่า   ต่อมา   มีกลุ่มวัยรุ่นแถวนั้นพากัน  เข้าไปในสวนหลังบ้านยายเขียน   เข้าไปเอากล้วย  เอามะละกอ มะม่วงของยายเขียน  ประมาณว่า อยากลองของ  เพราะรู้มาว่าสมัยเป็นๆ ใครมาขโมยของยายเขียน  แกจะแรงใส่ตลอด
พอแกตายก็พากันเข้ามาขโมยด้วยความย่ามใจ  พ่อเป๋อ รู้และเห็น  ก็ไปปรามๆ ว่า  อย่ามาขโมยพืชผักผลไม้ของยายเขียนเลย  เกรงใจคนตายบ้าง   แต่พวกนั้น ก็ไม่ฟังหรอก

.....แล้วพวกวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็โดนยายเขียนหลอกกันถ้วนหน้า   ยายเขียนไปเยือนถึงบ้าน  บางคนขี่รถมอไซค์กลับเข้าหมู่บ้านตอนดึกๆ ยายเขียนก็ขี่รถตาม  ได้ยินแต่เสียงรถ  หันไปมอง 3-4รอบก็ไม่เห็นอะไรนอกจากได้ยินเสียง
แต่คนที่เจอ  จำได้ว่า  นั่นมันเสียง ซูซูกิ RC ยายเขียนแน่ๆ  ก็บิดหนีหูตั้งเลย
บางคนก็เจอเสียงเคาะหน้าต่างบ้านตอนกลางดึก   บางคนก็เจอกลิ่นเหม็นเน่า แบบเหม็นฟอร์มาลีนงานศพอบอวล
บางคนก็ฝันว่า  เห็นยายเขียน  มานั่งหน้าตาโกรธจัด   ชี้หน้าด่าว่า   คนที่เจอก็เอามาเล่าต่อ  พอสอบถามคนที่เจออะไรแปลกๆนั้น  ล้วนแต่บอกว่า เคยเข้าไปเอาผลไม้   เอาพืช  เอาสัตว์น้ำในสวนหลังบ้านยายเขียนมาทั้งนั้น    เลยต้องพากันไปจุดธูปขอขมาลาโทษยายเขียนยกกลุ่ม   พวกคนเฒ่า เขาก็สั่งสอนว่า


     “อิเขียน มันไม่ชอบให้ใครไปขโมย   อยากกินอยากได้  ก่อนเอาก็ยกมือไหว้ขอมันก่อน”


...วกมาที่อิเป๋อ  คนบ้านติดกันเพื่อนของดิฉัน.....
เป๋อว่า  ยายเขียนน่ะมีคนเห็นกันหลายคน  พ่อของเป๋อ เคยมาบอกกับแม่ว่า  ลุกขึ้นมาฉี่กลางดึก  เห็นยายเขียนเดินไปเดินมาอยู่รอบบ้าน เป็นเงาดำ  เดินๆไปหยุดที่ริมรั้วหน้าบ้าน  แล้วก็เดินกลับหายเข้าไปในบ้าน    แม่ของเป๋อก็บอกว่า


   “ยายเขียนแกมีห่วงสมบัติ  กลัวคนอื่นมาชิงสมบัติลูกสาวแก  แกเลยวนเวียนอยู่ในบ้านไม่ยอมไปไหนหรอก”

....คนในหมู่บ้านน่ะหลังๆมา ไม่มีใครกล้าไปยุ่งข้าวของยายเขียนสักคน   ถึงจะมีการบอกกันว่า  ถ้ายกมือไหว้ขอ  ก็เอามาได้เพราะสมัยเป็นๆใครขอ  ยายเขียนก็ให้ แต่ก็ไม่มีใครกล้ายกมือไหว้ขอแล้วเอาของไปดังว่า  เพราะไม่มีใครอยากเสี่ยงต้องมาเจอกับยายเขียน  เพราะยายเขียนของจริง  หลอกจริง

    “กูเนี่ย พอค่ำมา หน้าต่างบ้านกู ด้านที่หันไปหาบ้านยายเขียน  กูลงกลอนแน่นไม่ยอมเปิดยันเช้า  แถมกูเอาพระพุทธรูปมาตั้งบังด้วย  กลัวแกมาเคาะหน้าต่างเหมือนเคาะบ้านคนอื่น”
    “บางคืน กูนอนๆ  กูได้ยินเสียงเพลงจากวิทยุในบ้านแกน่ะดังมาเบาๆเลยนะ  โดยเฉพาะพวกเพลงจังหวะฟ้อนรำเนี่ย”
    “กูว่า ยายเขียนของมืง  แกกำลังย่ออยู่บนบ้านแน่ๆ แกเซ็ง เพราะไม่ได้ไปหลอกใครเลยเปิดเพลงแล้วย่อๆๆๆ”
    “ย่อพ่อง”
     “สึด”

  “กูคิดว่าไม่นาน เดี๋ยวแกก็คงหายไปแต่ไม่เลย  ม.4-ม.6 แกโผล่มาให้กูเห็นอีกเรื่อยๆ  มาทีไรกูก็ฉี่แทบแตกทุกครั้งเลย
นานวันไป  บ้านยายเขียนก็เริ่มโทรม  ที่ดินก็เริ่มรกด้วยหญ้ากับเถาวัลย์  เพราะพวกญาติๆ ไม่มีใครจะเสียเวลาไปดูแลให้  ทำไปก็ไม่ได้อะไร  ก็ทำแค่ขี่รถแวะไปดูแล้วกลับ  ทุกวันเนี้ย เสาบ้านแกหักไปเสานึง  บ้านเริ่มเอียงแล้ว”

  “นั่นไง ยายเขียนมืงย่อบ่อยๆ เสาเลยหัก”

   “ปลวก-น่ะสิไม่ว่า”

“เออ จำปา ว่าแต่ที่มืงว่า มืงก็โดนนี่มันยังไง”

“ตอนนั้น กูไปเที่ยวนี่แหละ เพราะอิเป๋อมันชวน  กูก็ขี้เกียจกลับบ้านด้วยไง  เลยไปนอนบ้านมัน   ตั้งแต่ตอน ปี2แล้ว
ตอนกูไป  กูก็ไม่รู้เรื่องยายเขียนอะไรนี่หรอก  กูไปกูก็ไหว้พ่อไหว้แม่อิเป๋อ  แต่ก็เออ เห็นบ้านเก่าๆหลังติดกันแล้วแหละ  
รกมาก  แต่กูก็ไม่ได้ถามอะไร    ก็ให้เป๋อพาชมรอบบ้าน  เดินไปตามคันนา เสพบรรยากาศท้องทุ่งทิวต้นตาล  สดชื่น”


“ทีนี้เย็นนั้น  เป๋อ  มันอยู่ที่ชั้นล่าง  ส่วนกูน่ะ อยู่ในห้องอิเป๋อที่ชั้น2  กูก็นอนๆกดโทรศัพท์เลือกรูปที่ถ่ายมาจะเอาที่สวยๆไง  นอนๆ รู้สึกร้อน  หันไปเห็นมีหน้าต่าง   กูก็เปิดเลย  พอเปิดก็  เอ๊ะ!!  บ้านหลังผุๆ หน้าต่างเปิดอยู่  กูก็ไปยืนดู เพราะมันมองเห็นไปถึงข้างในบ้านไง”


    “แล้วมีอะไรบ้าง”

“ตอนนั้นมันก็เย็น แสงเริ่มมัวๆแล้ว  กูก็เพ่งดูเพราะอยากรู้อยากเห็นในบ้านนั้นไง  มองๆอยู่  อ้าว  ยายแก่ๆ นั่งตำหมากหันหน้ามาสบตากู  แถมยิ้มน้ำหมากเยิ้มฟันดำเมี่ยมให้   กูก็ยิ้มกลับ   แล้วกูก็เดินกลับเข้ามา  แต่ก็ไม่ได้เอาไปบอกใคร  เพราะกูก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร  แค่คุณยายนั่งตำหมาก”


“ ก็ลงมากินข้าว  อาบน้ำ  นั่งดูโทรทัศน์  พอดึกก็ขึ้นนอน  ตกดึก  กูได้ยินเสียงเพลงวิทยุจังหวะสามช่ามั้งดังลอยแว่วๆมา  กูก็ยังคิด  เอ้อ  ยายบ้านข้างๆนี้ ดึกดื่นก็ไม่หลับไม่นอนเนอะ”


  “นั่นไง  ยายเขียนออกมาย่อกลางดึก”   - -“


“วันรุ่งขึ้น  กูก็ออกไปเที่ยวรอบหมู่บ้านกับอิเป๋อ  ก็กูคนสวนยาง  พอได้มาเจอทุ่งนา ต้นตาล   กว้างสุดลูกหูลูกตาแล้วมันเพลินอ่ะ    ลมเย็นสดชื่นมาก  ไปจอดถ่ายรูปริมทะเลสาบ  มองไปไกลๆเห็นฝั่งพัทลุงบ้านมืงลิบๆเลย
พอตอนเย็นก็กลับ  กูอาบน้ำ ก็เข้าห้องไปแต่งตัว  ใกล้ค่ำแล้วตอนนั้น   กูก็ไปเปิดหน้าต่างรับลม “


“ก็อ่ะ  บ้านฝั่งตรงข้ามเปิดหน้าต่างอีกแล้ว  กูก็ยืนเช็ดตัวเช็ดผมมองไปด้วย  กูก็เห็นยายแก่ๆคนเมื่อวาน  โผล่หน้าออกมาจากขอบข้างหน้าต่างแบบ เอียงๆนะ ครึ่งหน้าแบบเนี้ย “   ((แล้วมันก็เอียงๆตะแคงหน้าทำท่าให้ดู))


“กูว่า เอ๊ะ  อะไรของยาย  มาโผล่ครึ่งหน้าทำเหมือนแอบมอง  แต่ก็ไม่ใช่การแอบ  เพราะโผล่ออกมาเห็นผมยาวหยอยเต็มตาขนาดนั้น  กูก็ยิ้มกลับไป  ทีนี้กูก็หลบเข้ามาใส่เสื้อผ้า  แล้วก็ถือหวีไปยืนหวี ที่หน้าต่างอีก. *0*พอมองไป  อ้าว  ยายไม่อยู่แล้ว  กูก็ไม่ได้สนใจไรต่อ  ก็ลงมาข้างล่าง  แล้วก็ไม่ได้ถามหรือบอกอะไรเกี่ยวกับยายที่เห็น”

“มืงไม่เอะใจบ้างหรอ ว่ากำลังโดนยายเขียนหลอกตอนตะวันมุ้งมิ้ง”

“ไม่เลยค่ะ  ก็กูไม่ได้ถามใคร แล้วก็ไม่มีใครบอกกูเลยไงตอนนั้น กูนึกถึงทีไรกูก็สยองอยู่เลยพอมารู้ตอนหลัง ว่ากูยืนดูผี”

  “ทำไมมืงไม่ได้บอกจำปาเลยหรอเป๋อ”

  “ไม่อ่ะ  ตอนนั้นกูไม่อยากให้มันกลัวไง  เลยไม่ได้เอ่ยอะไร”

   “แล้วทีนี้ไงต่อ จำปา”

  “วันที่3  กูก็ทำแบบเดิมนั้นและ  ขี่รถเที่ยวกับอิเป๋อทั่วแถวนั้น  จนเกือบจะทะลุไปกระแสสินธุ์แล้ว  ก็กลับมาตอนเย็นๆ  มาอาบน้ำ  แล้วเข้าห้องไปเช็ดผมเช็ดตัวริมหน้าต่างเหมือนเดิม  กูก็แปลกใจนะว่า  ตอนเช้าๆกูลงบ้านไป  ไม่เคยเห็นยายแกลงมาจากบ้านเลย  ทีนี้กูเห็นหน้าต่างบ้านแกเปิดอยู่  กูก็ไปยืนเกาะหน้าต่างยืดคอ ชะเง้อดูเลย”

  “มืงสุดยอดมาก  ท้าทายยายเขียนสุดๆ”

  “ก็กูไม่รู้นี่ตอนนั้น ว่านั้นไม่มีคนเป็นอาศัยอยู่”

  “เป็นไง”

  “ก็ไม่เห็นอะไรนะตอนแรก  กูก็เอากระจกส่องหน้ามายืนส่องหน้าหวีผม   หันหลังให้บ้านแก   ก็จังหวะที่สางผมลงปิดหน้า กูก็หลับตาไง   พอเปิดตา
มองกระจก  กูก็ตกใจร้อง >>>เชิ้ย<<< แมง  กูเห็นยายในกระจก  แกโผล่หัวมาจากขอบหน้าต่างนะ  แต่หนนี้  แกโผล่มาจากขอบบน นะมืง แบบห้อยลงมาแต่ตะแคงคอ แบบเนี้ย ”


  “อ่อ นี่ดิท่ายากที่มืงว่า”

“เออนั่นแหละ กูตกใจ รีบหันมอง อ้าว... ไม่มีใคร  ตอนนั้นกูยังคิดว่าตาฝาดไปนะ  เพราะใครมันจะทำได้  ห้อยหัวลงมาจากขอบบนหน้าต่าง    พอดีว่า เช้าวันรุ่งขึ้นจะกลับสงขลาแล้วไง  พอได้นั่งกินข้าวกันที่ข้างล่าง  กินเสร็จก้ไปนั่งดูหนัง  พ่อ แม่ อิเป๋อก็อยู่พร้อม  กูก็พูดขึ้นดิ”

   “แม่คะ  ยายคนผมขาวๆบ้านข้างๆนี้เค้าเป็นใครคะ ทำไมหนูเห็นอยู่แต่บนบ้าน”

เป๋อก็เสริมทันที....

   “ตอนนั้นทั้งกู ทั้งพ่อสะดุ้งเลย พอจำปามันถามประโยคนั้น”
   “เออ  กูก็เห็นแล้วแหละ  ว่าทำไมสะดุ้งกันหมดแค่ถามถึงยาย ”
   “แล้วไง”

.....จำปาก็เล่าตามที่เห็นให้พ่อแม่ของอิเป๋อฟัง เพราะไม่รู้เรื่องราวจริงๆ จำปาเนี่ยถ้าพูดตามจริง   เห็นเต็มตากว่าใครๆเลย  แต่ตอนนั้นไม่รู้เฉยๆว่าเป็นยายเขียน   จำปาอธิบายลักษณะยายแก่ที่เห็นบนบ้านได้ตรงเป๊ะๆ  ทุกคนก็ฟันธงเลยว่า  จำปาเจอมาจริงๆ  เพราะตรงทุกอย่างในลักษณะหน้าตารูปร่างที่เล่ามาทั้งๆที่จำปาไม่เคยเจอยายเขียน


“พอแม่บอกว่า   อ๋อ...ยายเขียน  เจ้าของบ้าน  แกตายมาได้ 5ปีแล้ว  โอย  กูนี้แทบเป็นลมตรงนั้นเลย”

“กูเองก็ช๊อคแทน   เคยเห็นแกมาแค่เป็นเงาๆ  แต่ไอ่จำปานี้ แกมาให้เห็นแบบเต็มร่างเหมือนตอนแกยังอยู่เลย”

“พอรู้แบบนั้น คืนนั้นกูให้อิเป๋อล๊อคตายหน้าต่างเลยค่า  ไม่กล้าเปิดแล้ว  จนเช้า กูก็กลับ  ตั้งบัดนั้นจนบัดนี้  กูไม่กล้าไปบ้านอิเป๋ออีกเลย  ทั้งๆที่กูชอบนะบรรยากาศนะ แต่กลัวเจอ  “

  “เออ  เป๋อ  แล้วทุกวันนี้  ยายเขียน  แกยังไม่ไปไหนอีกเหรอ”

  “กูคุยโทรศัพท์กับแม่  เคยถามถึง  แม่ก็ว่า  ยังมีคนเห็นแกอยู่เรื่อยๆนะ ที่ก็รกขึ้นทุกวัน  เห็นว่าเขาตามหาลูกสาวยายเขียนให้กลับมาจัดการที่ดินอยู่   เพราะเขาเชื่อกันว่า  ที่ยายเขียนยังไม่ยอมไปไหนน่ะ  แกจะอยู่เฝ้าทรัพย์ไว้รอลูกสาวแกกลับมาเอา   มีคนให้เบาะแสมาว่า2คนผัวเมียนั้น  เขาขึ้นไปทำงานทางชุมพร  แต่ไม่รู้ว่าไปอยู่ตรงไหน”


......โอววววว   คนเป็นแม่  โกรธเคืองลูกแค่ไหน   พอตายไปก็มิวายยังเป็นห่วง  ยอมทนทรมานไม่ยอมไปผุดไปเกิด  สละวิญญาณกลายเป็นปีศาจเฝ้าทรัพย์ไว้ให้ลูก  ความรักของแม่  ไม่ว่ามุมไหนของโลกก็ช่างยิ่งใหญ่เสมอจริงๆ
ทุกวันนี้   คนหมู่บ้านของอิเป๋อ  ยังได้พบเจอ  ได้ยินเสียงเพลงดังแว่วออกมาจากบ้านหลังผุๆหลังนั้นอยู่เลย

ส่วนยายเขียน  ก็น่าจะยังคงอยู่ในบ้านหลังนั้นแหละค่ะ  ในฐานะคนที่มีสัมผัสอะไรแบบนี้  และเห็นผีเป็นเรื่องปกติ  จนหลายๆคนมองว่าดิฉันน่ากลัว    แต่ดิฉันก็อยากไปที่นั่นสักครั้งเหมือนกัน  และนี่คือเรื่องราวของยายเขียนที่ปัจจุบันยังคงอยู่เฝ้าทรัพย์ที่บ้านหลังนั้นค่ะ   อยากเอาเพลง  สายย่อ ของบี้ เดอะ สกา  ไปเปิดให้ลั่นใต้ถุนบ้านยายเขียน  แล้วชวนแก  ให้ลงมาย่อด้วยกันสักครั้งเหมือนกัน  แกจะได้หายเหงา เอ้าย่อ ย่อ ย่อ....
สวัสดีค่ะ

โพสท์โดย: เบาหวิวว
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เบาหวิวว's profile


โพสท์โดย: เบาหวิวว
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: โดนแมวตบ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
หนูอายเพื่อน!! ลูกสาวถึงกับร้องไห้ หลังคุณพ่อสายแฟ (ชั่น) มารับที่โรงเรียน ถึงกับถาม “พ่อไม่มีชุดธรรมดาปกติกับเค้าบ้างเหรอ” 😆iPhone รุ่นประหยัดมาแล้ว!5 วิธีใช้แอร์ผิดๆ ที่ทำให้เปลืองไฟและแอร์พังเร็ว!"เมร่อน" ทำให้ "ไอซ์ ปรีชญา" กลับมาสดใสอีกครั้ง..หลังผ่านมรสุมมานาน 9 ปีสาวพม่ารีวิว! ค่าใช้จ่ายในการมาเรียนที่ประเทศไทย?พลังมหัศจรรย์ของ "เกลือ" เปลี่ยนการซักผ้าให้สะอาดง่ายเขมรแสบ! นำภาพเก่าสถานท่องเที่ยวไทย ที่เต็มไปด้วยกองขยะมาเล่นไทย?5 ราศีที่มีพญาครุฑคุ้มครองคำทำนายวันสิ้นโลกจาก"นักวิทยาศาสตร์"
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หนูอายเพื่อน!! ลูกสาวถึงกับร้องไห้ หลังคุณพ่อสายแฟ (ชั่น) มารับที่โรงเรียน ถึงกับถาม “พ่อไม่มีชุดธรรมดาปกติกับเค้าบ้างเหรอ” 😆unpredictable: คาดการณ์ไม่ได้ ทายไม่ถูกเขมรแสบ! นำภาพเก่าสถานท่องเที่ยวไทย ที่เต็มไปด้วยกองขยะมาเล่นไทย?5 ราศีที่มีพญาครุฑคุ้มครอง
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ดูดวง เรื่องลึกลับ
5 ราศีที่มีพญาครุฑคุ้มครองคำทำนายวันสิ้นโลกจาก"นักวิทยาศาสตร์"3 ราศีที่มีความร้ายกาจ อย่างคาดไม่ถึง!ฮ่องกงหลอนกว่าที่คิด เมื่อยูทูปเบอร์สาวถ่ายรูปติดผี..งานนี้รอเปิดวงจรปิดพิสูจน์!
ตั้งกระทู้ใหม่