คุณไสยมีต่ำ-กลาง-สูง อิทธิฤทธิ์อาคมอันทรงพลัง ไสยศาสตร์มนต์ดำ
มนต์ดำ หรือแบล็คเมจิกนั่นเอง บางคนอาจจะนึกถึงวูดูเอาเข็มแทงตับตุ๊กตาให้เหยื่อร้องเจี๊ยกแต่จริง ๆ ไทยเรานี่แหละครับ ตัวพ่อเรื่องไสยดำเลยทีเดียวซึ่งไสยดำของไทยก็มีหลายหลากประเภทโดยแบ่งออกเป็นหลายสายเลย ทั้งแบบเสกเข้าท้องแบบฝังดินให้เกิดกาลีบ้านกาลีเมือง หรือส่งไปทำร้ายตรง ๆหรือวางไว้เป็นการ์เดี้ยนปกป้องทรัพย์สินบ้านช่อง ก็มีวันนี้เลยจะมาเล่าให้ฟังว่ามีอะไรยังไงบ้างครับ
ระดับของคุณไสย
คุณไสยจะมีต่ำกลางสูง มนุษย์ทำได้แค่ต่ำกับกลางถ้าคุณไสยระดับสูงจะเป็นของระดับกายทิพย์ เทพ ครูบาอาจารย์ที่เรากราบไหว้ เช่นพ่อแก่ พ่อครู แต่กายเหล่านี้เป็นผู้ให้คุณ การทำอำนาจใส่ก็เพื่อแนะเตือนครับ
มีเคสนึงที่ชายคนนึงปวดหัวมาก เหมือนโดนอะไรรัดตลอดเวลา ยิ่งเล่าให้ใครฟังยิ่งรัดเพราะคืนหนึ่งเขาฝันว่ามีชายร่างใหญ่กายสีดำ ยืนมงคลมาลามาข้างหน้าแล้วมันก็ลอยมารัดหัวเขาครับพอให้หมอแก้ก็บอกว่าบรรเทาได้ ให้ดื่มน้ำมนต์แล้วอ้วกออกมาเป็นเศษไม้แต่แก้ขาดไม่ได้ นี่สูงเกินไป เป็นของเทพเคยไปลบหลู่ดูหมิ่นอะไรใครหรือไม่ ถึงโดนแบบนี้เค้าเรียก ครูสั่ง เจ้าตัวเลยบอกไปเตะเครื่องกระบี่กระบองมาล้มระเนระนาดหมด เพราะเกลียดครูนาฏศิลป์เลยต้องไปขอขมาจึงจะหาย
ส่วนระดับกลางก็เป็นระดับที่คนทำได้ แต่อาศัยพิธีกรรมยืดยาว ใช้เวลาและต้องพิถีพิถันในการประกอบทำส่วนระดับต่ำ ก็คือ เอาของที่เป็นอาภรรพ์อยู่แล้วอยู่ในเชิงลบอัปมงคลอยู่แล้ว มาใช้แล้วขยายอำนาจด้วยคาถาครับอาจจะใช้แรงพรายช่วยด้วยก็มี
มาดูว่าคนโดนคุณไสยที่พบกันบ่อยๆมีสภาพเป็นอย่างไร โดยมากถ้าเป็นแบบอ่อนๆจะรู้สึกเหมือนมีเงามืดติดตามตัว และเงามืดนั้นบีบคั้นให้คิดเรื่องชั่วร้ายที่ตลอดมาไม่เคยคิดมาก่อน เช่นถ้ากำลังถือมีดอยู่แล้วใครเดินผ่านก็อาจอยากแทงขึ้นมากะทันหัน หรือไม่ก็มีอาการจิตหลอน ได้ยินเสียงกระซิบเรียกตัวจากสวรรค์ ขอให้ฆ่าตัวตายจะได้ไปช่วยเหลือกิจของเทพ เป็นต้น พวกที่ ‘โดนดี' แบบอ่อนๆนี้จะยังสามารถรู้สึกว่านั่นเป็นความคิดแปลกปลอม ยังห้ามตัวเองไม่ให้ทำตามเสียงกระซิบหรือกระแสกดดันได้อยู่ พูดง่ายๆยังเป็นตัวของตัวเองมากพอ แต่ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะเป็นตัวของตัวเองตลอดไป อาจพลาดขึ้นมาได้ในวันใดวันหนึ่ง จึงรู้สึกกลัดกลุ้มจนแทบประสาทกิน
อย่างระดับกลางคือประเภทรู้สึกถึงลมเพลมพัด คล้ายมีลมแปลกๆที่ต่างจากสายลมสบายตามธรรมดาทั่วไปอัดเข้ามาเป็นระลอก โดนทีก็เหมือนมีความแน่นอก แน่นท้อง อึดอัดทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างหนัก หรือคลื่นไส้อยากอาเจียน พวกที่โดนอย่างนี้จะคุ้มดีคุ้มร้าย บางทีหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งอย่างไร้สาเหตุ หรือหาเรื่องทะเลาะกับคนใกล้ตัวอย่างไม่มีเหตุผล ในทางตรงข้ามถ้าโดนเสน่ห์ยาแฝดก็จะเกิดราคะกล้า ถวิลหาใครบางคนทั้งที่เคยเกลียดชังอย่างแรง เป็นต้น
ระดับร้ายแรงที่สุดคือจะหมดความเป็นตัวของตัวเองอย่างสิ้นเชิง ทำนองเดียวกับผีเข้า คลุ้มคลั่งเกือบตลอดเวลา หรือเจอพวกอาคมแก่กล้าเสกของเข้าร่างจนได้รับความเจ็บปวดทรมานอย่างต่อเนื่อง พูดง่ายๆว่าอาการสาหัส ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่นอย่างเดียว พูดจากันไม่รู้เรื่องแล้ว
อย่างไรก็ตาม ระดับอ่อนกับระดับกลางอาจเกิดขึ้นจากการโดนวิบากบีบให้เกิดจิตหลอน เช่นถ้าเคยยั่วให้ผู้ชายหลงและหลอกใช้ใครต่อใครมามาก ถึงเวลาวิบากให้ผลก็อาจไปหลงรักคนเลวไร้อนาคตได้อย่างเหลือเชื่อ หรืออย่างในโรงฆ่าสัตว์ที่ต้องตัดชีวิตกันด้วยวิธีใช้ค้อนทุบหัวทั้งเป็น ก็อาจส่งผลให้ปวดศีรษะรุนแรง เกิดภาพหลอนต่างๆ หรือออกอาการคล้ายหมูกำลังจะตาย ชวนให้คนใกล้ชิดนึกว่าผีเข้าได้ เรื่องพวกนี้แยกแยะยากสำหรับคนทั่วไป แต่ขอให้ทราบเถิดว่า ผลของบาปอกุศลบางอย่างอาจบีบจิตให้เกิดอุปาทานหลอนเลวร้ายต่างๆได้เทียบเท่าหรือยิ่งกว่าโดนคุณไสย ฉะนั้นสิ่งที่น่าระวังยิ่งกว่าคุณไสยก็คือความคิดอันเป็นบาปอกุศลของเราเอง เพราะคุณไสยนั้นบางทีจะแก้ง่ายกว่าวิบากชั่วทางความคิดเสียอีก!
กรณีของพวกที่เจอพวกโดนคุณไสยของจริง ชนิดหมดสภาพ ไม่อาจควบคุมตนเองได้นั้น บางทีอาจมีอะไรแปลกๆปรากฏให้สัมผัสอย่างเป็นรูปธรรมได้ เช่นมีกลิ่นมันเนยหรือกลิ่นเหม็นเน่าระเหยออกมา อันนี้มักเป็นไปตามรูปแบบพิธีกรรมที่ใช้เล่นงานกัน ไสยดำมักอาศัยอุปกรณ์จำพวกของต่ำๆ ของสกปรกลามกเป็นหลักอยู่แล้ว
สายคุณไสย..............................
1. สายเสกเข้าท้อง
การเสกของเข้าท้องเป็นคุณไสยระดับต่ำครับมักจะปล่อยในวันโกนเพราะเป็นวันแรงโดยใช้คาถากำกับบทเดียวกันทั้งหมดสามารถทำได้หลายแบบ เช่น เหรียญปากผี เป็นเหรียญเก่า ๆ สนิมเขรอะ ๆ ที่ง้างมาจากปากผู้ตาย ผ้าตราสังฆ์ หรือผ้าห่อศพ ที่พันด้วยสายสิญจน์ ตะปูตอกฝาโลง แบบที่รู้กัน หรือจำพวกหนังสัตว์ เช่น หนังควาย หนังหมู หนังงู จำพวกหนังนี้แรกเริ่มจะมีขนาดเท่ากล่องไม้ขีด แล้วจานคาถาลงไปพอปล่อยออกไปแล้วจะไปหาเหยื่อแล้วไปพองในท้องทำให้มีอาการผิดสำแดงต่าง ๆ นา ๆ ข้าวปลาไม่กิน เหม่อลอย นอนไม่หลับบางกรณีมีเสกซากงูตายทั้งตัวไปเข้าท้องก็มี คุณไสยระดับนี้เป็นคุณไสยที่ชั่วร้ายครับ ผู้กระทำตั้งใจเอาถึงตายต้องรีบแก้ ไม่เช่นนั้นอาจถึงชีวิตการแก้ก็คือการเสกน้ำมนตร์ให้ดื่ม ขับของออกมาส่วนใหญ่จะมารู้อิตอนขับนี่แหละครับว่าโดนอะไรเข้าไปเพราะไปเอ๊กซเรย์ให้ตายยังไงก็ไม่เจอแต่ว่ากันวาคนเกิดวันอังคารส่วนใหญ่จะไม่โดนของเสกเข้าท้องเพราะเป็นคนดวงแข็ง แข็งกว่าคนเกิดวันเสาร์ ๕ เสียอีก ก็คือเกิดวันเสาร์ที่ห้าของเดือนนั่นเอง
2. สายควบคุม
เป็นคุณไสยขั้นกลางครับ เราคงจะได้ยินกันบ่อย จำพวกการฝังรูปฝังรอย เสน่ยาแฝดจะรักษายาก วิธีการทำก็คือพวกหุ่นดินปั้น เขียนชื่อเหยื่อลงไปจากนั้นก็เสกปล่อยไปด้วยการเอาไปฝังตามจุดต่าง ๆ เช่นป่าช้าทางสามแพร่ง วิธีแก้ที่ว่ายากเพราะต้องตามของให้เจอครับ หรือไม่ก็ทำหุ่นขึ้นมาใหม่ เรีัยกว่าหุ่นทำคืน คือทำให้หุ้นเหมือนกันแต่คืนสภาพเดิม คนทำคืนนี่ต้องอาคมแรงกว่าคนทำส่งมานะครับและการทำหุ่นพวกนี้ ดินที่ใช้ปั้นต้องมีอาภรรพ์ เป็นดินโป่งครับ ต้องดินโป่งจาก7ป่าช้าด้วย ไม่ธรรมดาจริง ๆ แล้วที่เราเห็นในหนัง พวกตุ๊กวูดูนี่ คนไทยก็ทำได้นะครับ เค้าเรียกการ เรียกรูปเรียกนาม คือการเอารูปเหยื่อมาตั้งหน้าข้าวสาร เอาธูปปักไว้ แล้วเรียกชื่อเหยื่อซ้ำ ๆ หรือปั้นตุ๊กตาเขียนชื่อเหยื่อลงไปแล้วเรียก เช่นถ้าเหยื่อชื่อ คำเอ้ย ก็เรียก คำเอ้ย ๆ ๆ ๆ ๆ ซ้ำ ๆ ทำไปเรื่อย ๆ ไม่รีบไม่เร่ง ทำได้หยุดได้ จนกว่าเหยื่อจะฝันแปลก ๆ กระสับกระส่ายเวิ่นเว้อ เหมือนโดนคนเรียกตลอดเวลา ถึงตอนนั้นแปลว่าจิตลิงก์กันแล้วเราก็เอาเข็มแทงข้าวสาร หรือตัวหุ่นได้เลย แทงตรงไหนก็เจ็บป่วยตรงนั้นครับ วูดู๊ววว วูดู
หรือมีอีกแบบคือผงกระดูกผีมหาเสน่ เหล่านี้จะเอากระดูกคนตายในวันเฮี้ยน ๆ มาทำคือต้องตายทั้งกลม ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร และเป็นกระโหลกศรีษะถึงจะได้ผลแรงจริง ใครโดนเข้าไปจะกินไม่ได้นอนไม่หลับคิดถึงแต่คนปล่อยของจนผ่ายผอม มีเรื่องเล่าว่า เณรคนหนึ่งเป็นศิษย์ภิกษุที่ทำของเก่งตำกระดูกผีอยุ่แล้วครกแตกด้วยอาภรรพ์หรือไรไม่ทราบ ผงกระเด็นไปหาโยมคนนึงเกิดต้องอาคมมาหลงรักเณรขอให้เณรสึก จนต้องมาถอนออก นี่ขนาดยังไม่ทำพิธีอะไรยังอิทธิฤทธิ์รุนแรงปานนี้
ส่วนเรื่องน้ำมันพรายก็น่าจะเป็นสายนี้แหละครับ แต่สายนี้ระดับต่ำก็มี คือ ประเภทยาสั่ง ยาเบื่อ เป็นของต่ำกว่าเสกหนังเข้าท้องอีก เป็นสิ่งที่เข้าง่ายถอนยากมากต้องใช้เวลา เครื่องเซ่นวักเยอะ ยาสั่งนี่อำนาจเอาถึงตายครับ
มีดหมอ
การถอนต้องใช้พระขันธ์ตัด เป็นพระขันธ์ทำจากเขาควายเผือกถูกฟ้าผ่าตายเอามาตัดคาถาถึงจะได้ ซึ่่งหาไม่ได้ง่าย ๆ ส่วนใหญ่จะสืบทอดกันมา
3.สายป้องกัน
พวกสักเสกเลขยันต์ หรือห้อยไว้คุ้มกันภยันอันตรายทั้งเภทภัยของมีคม แคล้วคลาด และพวกของคุณไสยด้วยกันจำพวกห้อยก็มีตะกุด ที่ทำจากแผ่นโลหะเช่น ทองแดง ทองเหลือง ดีบุก ตะกั่ว หนังสัตว์ก็มีจานด้วยเหล็กแหลมเป็นคาถา แล้วป้ายน้ำหมึก ม้วนพันแล้วเรียกเป็นดอก มีทั้งแบบโทน แบบแฝด แบบสามกษัตริย์คือทำจากทอง เงิน นากที่เก๋าสุดคงเป็นตะกุดโสฬสที่มีถึง 16 ดอกใช้ในเชิงอยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้าในพระมหากษัตริย์ซึ่งทรงออกรบในยุคโบราณ
ตะกุด
หรือปรอท ปรอทนี่ออกแนวของดำจริง ๆ ครับ ปรอทนีี่ไม่ใช่สารปรอท หรือปรอทวัดไข้ครับ แต่เป็นวัตถุลี้ลับในอากาศเป็นเกราะสายดำ ที่จะต้องทำการดัักปรอทไว้ด้วยเครื่องคาวของเน่า สิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ก่อน เมื่อได้ที่ก็จะชำระของเน่าออกเหลือแต่เมือกเหลือง ๆ แหวะ ๆ ไว้ก้นภาชนะ เค้าก็จะเอามาหุงครับ แล้วบริกรรมพิธีโดยใช้คนถึงเก้าคน เพื่ออุดทวารทั้งเก้า จากนั้นก็จะสวดเชิญวิญญาณต่าง ๆ มาสิงในปรอท เมื่อเสร็จพิธี ก็จะได้แท่งเหล็กดำ ๆ แต่อ่อน ๆ เค้าก็จะซอยเป็นชิ้น ๆ แบ่งกัน เชื่อว่าใครอมปรอทไว้ จะเดินหนหายตัวได้ หรือแคล้วคลาดจากปืนผาหน้าไม้ ฟันแทงไม่เข้า มักจะลองของกันทันทีที่ทำพิธีเสร็จ ทุกครั้งที่ปรอทสำแดงเดชจะเห็นเงาดำ ๆ ยืนด้านหลังคนมีปรอทครับ เหมือนเป็นอารักษ์คุ้มครอง ก็คือวิญญาณทั้งมวลที่เชิญมาสิงนั่นเอง สำคัญคือระหว่างทำพิธีต้องสยบวิญญาณให้อยู่ ไม่งั้นปรอทจะดื้อ ใช้งานไม่ค่อยได้และเป็นภัยครับ
ยันตร์เกราะเพรช กันคุณไสย
อีกเชิงหนึ่งก็เป็นเรื่องของยันตร์ ที่ผมอ่านแล้วทึ่งมากคือยันตร์เกราะเพรชเป็นการเสกเป่า ไม่ใช่การสัก เวลาเข้าตัวจะขึ้นบนหน้าผากแล้วหายไปคอยคุ้มครองอันตายจากคุณไสยแรง ๆ ต่าง ๆ หรือปืนผาหน้าไม้ก็ไม่ระคายมีเคสหนึ่งคนปล่อยหุ่นพยนต์มาหักคอ ก็กระเด้งหงายหลังหายไป แม้ตายไปแล้วยันตร์ก็ยังฝังติดอยู่กับกระโหลกหน้าผากครับ โคตรขลัง...
4. สายโจมตี
เป็นจำพวกหุ่นปั้นพยนต์เสกครับ เช่นที่เรารู้ก็วัวธนู ควายธนู กุมารทองพราย หรือหุ่นพยนต์สามอย่างแรกคงคุ้น แต่อย่างหลังนี่ทำจากฟางข้าวครับ ผูกเป็นตัวคนเขียนชื่อเหยื่อแล้วว่าคาถาก่อนจะปล่อยมาในคืนเดือนมืด ลักษณะของหุ่นพยนต์คือจะเป็นคนนี่แหละครับแต่มันเดินทื่อ ๆ ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนหุ่นยนตร์ ตรงเข้าทำร้ายเหยื่ออย่างเดียวสามารถผูกไว้เฝ้าบ้านได้ครับ คือแขกไปใครมาจะเห็นมีคนเดินไปมาในบ้านตลอด
ถ้าคนเสกไม่เชื่อ คนโดนเสกใส่ไม่เชื่อ ของก็ไม่สำแดงเดชแต่ถ้าเชื่อ ทำให้เชื่อ เข้าใจว่าเชื่อ มันก็จะมีอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาถามว่าจะทำให้เกิดความเชื่อนี้ยังไง นั่นก็คือองค์ประกอบของการสร้างคุณไสยครับเช่น ต้องมีวัตถุดิบที่คนเชื่อว่ามีอาถรรพ์ เป็นของอัปมงคล พวกตะปูฝาโลงดินโป่งเจ็ดป่าช้า ผ้าตราสังฆ์ศพตายโหงต้องมีพิธีกรรมต่อเนื่องยาวนานข้นขลังด้วยพลังน่าเกรงขามพอทำแล้วเกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ขึ้นมาจริง ด้วยความเชื่อเหล่านี้ล้วนมาจากพลังงานของมนุษย์ทั้งสิ้น บวกกับพวกวิญญาณเหนือความเข้าใจเราด้วยวิญญาณก็มีหลายแบบ ทั้งชั้นภูตผีปิศาจ หรือเทวดา เทวดาก็มีทั้งสัมมาทิฐฐิ และมิจฉาทิฐฐิต่างกันไป อำนาจจึงเกิดขึ้นได้กระนั้นก็ดีครับ ใครเล่นของ เล่นไสยดำ กลับต้องมีข้อปฏิบัตริเคร่งครัดรัดกุมมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปเพราะเหมือนดาบสองคม หรือเลี้ยงงูเห่าไว้ ควบคุมไม่ได้ก็จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวคนทำของจึงต้องมีข้อยึดถือเคร่งครัดกว่าคนทั่วไปข้อห้ามเยอะ การเดินเหินนั่งนอน กินอยู่ ถ่ายท้อง ล้วนมีข้อกำกับเช่นห้ามเดินลอดราว ลอดใต้ถุน ห้ามกินฟักแฟงแตงร้านห้ามพูดจาขณะถ่ายทุกข์ เป็นต้นหรือในวันที่ต้องปล่อยของ ก็ต้องทำพิธีปล่อยของที่ร้อนรุ่มในกายออกไปเพราะคนฝึกทำคุณไสย ไม่ได้ใช้ ก็จะร้อนวิชา ร้อนในตัวครับต้องปล่อยออกไป เป็นที่มาของคำว่า ลมเพลมพัด คือลมเพลมพัดก็จะมาจากการที่คนเล่นของนั้นระบายของหรือปล่อยของออกไปตามลมใครดวงตกก็จะโดนของนั้นเข้าตัวไป จึงมึคำห้ามไว้ว่ากลางค่ำกลางคืนโดยเฉพาะวันโกนวันพระอย่าออกมาเตร็ดเตร่หรือถ้าใครเรียกกลางค่ำกลางคืน อย่าไปขานรับซี้ซั้วอาจจะเป็นของที่เขาปล่อยมา มันจะเข้าตัว
มีเคสนึงที่ผมอ่านมา เขาบอกว่าได้ยินเสียงหวี่ ๆ ๆ หึ่ง ๆ ๆ เหมือนแมลงบินแปลก ๆเลยออกไปดูทั้งที่ก็รู้ว่าอันตรายว่ามีอะไรแปลก ๆ อย่าซี้ซั้่วออกไปแต่ด้วยความอยากรู้ก็เลยออกไป ปรากฏว่าไม่เจออะไร ได้ยินแต่เสียงแล้วจังหวะนั้นพออ้าปากหาว ก็มีอะไรผลุบเข้าไปในปากจากนั้นมาก็ป่วยกระเสาะกระแสะ กินไม่ได้นอนไม่หลับมีอาการผิดปกติ ปรากฏว่าโดยสายสิญจน์เสกครับ ขับออกมานี่เหม็นเน่าเป็นศพเลย นั่นแหละครับโดนของเค้าปล่อยมาเล่นงานหรือการปล่อยของบางทีก็ใช้การฝังที่ทางสามแพร่งด้วยอันนี้ก็อันตราย สัญจรไปมาระวังด้วยนะครับ