ไล่เรียงเหตุการณ์ สาววัย 15 โดนหลอกทำกระทง จ่อคดีพลิก
กลายเป็นกระแสที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจากผู้คนได้ให้ความสนใจอย่างมาก กรณีเด็กหญิงวัย 15 ปีคนหนึ่ง ถูกตัวแทนลิขสิทธิ์บริษัทการ์ตูนแห่งหนึ่ง ดำเนินการล่อซื้อจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากประดิษฐ์กระทงขายโดยติดรูปตัวการ์ตูนชื่อดัง โดยเรียกเงินกว่า 50000 บาท แลกกับการไม่ดำเนินคดี วันนี้ทีมงานสยมทอปปิกจึงได้รวบรวมไล่เรียงเหตุการณ์ดังกล่าว
ภาพจาก อินเทอร์เน็ต
น้องเอ นามสมมุตติ อายุ 15 ปี หารายได้พิเศษจ่ายเป็นค่าเล่าเรียน ด้วยการทำกระทงข้าวโพดกรอบขายในเฟซบุ๊กราคา 29 บาท
ต่อมา ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งติดต่อสั่งให้น้องเอ ทำกระทงจำนวน 136 ชิ้น ซึ่งให้กระทงแต่ละอันติดรูปภาพการ์ตูนดัง เช่น คุมะ และ แมวการ์ฟิลด์ และให้ค่ามัดจำมาก่อน 200 บาท
เมื่อได้รับคำสั่งซื้อเรียบร้อยแล้ว น้องเอจึงเร่งทำกระทงตั้งแต่เช้า เวลาแปดโมงเช้า จนถึงเวลา ตีหนึ่งครึ่งของอีกวัน เพื่อให้ทันส่งให้ลูกค้า
วันที่ 3 พฤศจิกายน ถึงเวลานัดพอดี น้องเอจึงได้นำกระทงจำนวน 30 ชิ้น ไปส่งให้กับลูกค้าคนดังกล่าว โดยเพิ่งทราบว่า ลูกค้าคนดังกล่าวเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ของบริษัทการ์ตูน น้องเอ จึงถูกล่อซื้อจับกุม และถูกนำตัวมาดำเนินคดีที่ สภ เมืองนครราชสีมา ซึ่งตัวแทนมี 4 ถึง 5 คน พอน้องเข้าห้องดำแล้วพูดขู่ให้เซ็นสารภาพ และได้โทรหาแม่น้องเอให้หาเงินมาเสียค่าปรับ 50000 ถึง 400000 บาท แต่แม่น้องเอบอกไม่มีเงิน
ตัวแทนลิขสิทธิ์ อ้างเข้าใจ แล้วลดค่าปรับให้เหลือ 1 หมื่นบาท แต่แม่น้องเอไม่มีเงินให้ เนื่องจากเดือนหน้าต้องคลอดลูกในท้องอีกคน น้องเอจึงยอมขอติดคุกทั้งน้ำตา เพราะสงสารแม่ แต่สุดท้ายแล้วการเจรจาทั้งหมดก็จบลงด้วยการจ่ายค่าปรับ 5000 บาท ตัวแทนลิขสิทธิ์จึงยอมถอนแจ้งความ
ต่อมาไม่นาน ได้มีการแชร์ภาพดังกล่าวในโลกออนไลน์ เป็นภาพเด็กหญิงวัย 15 ปีคนหนึ่ง ถูกตัวแทนลิขสิทธิ์ดำเนินการล่อซื้อจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากประดิษฐ์กระทงขายโดยติดรูปตัวการ์ตูนชื่อดัง จนทำให้คนวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก
น้องเอ เปิดใจหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว กลับบ้านมาร้องไห้ตลอดทั้งคืน เพราะไม่เคยโดนคดีอะไรที่ร้ายแรงแบบนี้มาก่อน
ในวันเดียวกันนั้น ทางบริษัทตัวแทนลิขสิทธิ์ดังกล่าว ได้มีการแชร์โพสต์ข้อความชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า ไม่ได้มอบหมายให้ผู้ใดทำการจับลิขสิทธิ์ผิดกฎหมาย ตอนนี้ได้ทำการปรึกษาฝ่ายกฎหมายและมอบหมายให้ทนายความดำเนินการสืบหาความจริงในกรณีที่เกิดขึ้น เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม พลตำรวจเอกคเชนท์ เสตะปุตตะ ผกก สภ เมืองนครราชสีมา ได้เผยว่า เรื่องการดำเนินคดีนั้น ผู้ร้องทุกข์ได้ถอนแจ้งความไปแล้วตั้งแต่วันเกิดเหตุ แต่ขณะนี้เกิดประเด็นที่ว่า บริษัทลิขสิทธิ์ดังกล่าวไม่เคยมอบอำนาจให้ใคร ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ต้องเช็กเอกสารให้ละเอียดอีกครั้ง โดยตอนนี้ติดต่อทนายบริษัทลิขสิทธิ์ดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ หากตรวจสอบแล้วว่าผู้ที่มาแจ้งความ ปลอมแปลงเอกสารดังกล่าว ต้องโดนดำเนินคดีปลอมแปลงเอกสารและแจ้งความเท็จ โดยขอเวลารวบรวมหลักฐานให้เร็วที่สุด ส่วน น้องพิมมี่ ยังคงมีโอกาสที่จะได้เงิน 5000 บาทคืนเช่นกัน