สุทธิชัย โฟนอินกับ โจชัว หว่อง ประท้วงฮ่องกงยืดเยื้อ แนวทางตอกจีนหน้าหงาย
(21 ส.ค.62) นายสุทธิชัย หยุ่น อดีตประธานกรรมการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บรรณาธิการอำนวยการ เครือเนชั่น, นักหนังสือพิมพ์, นักเขียน, ผู้ร่วมก่อตั้ง หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น, กรุงเทพธุรกิจ, สถานีโทรทัศน์ไอทีวี, เนชั่นทีวี จัดรายการผ่านรายการ รายการหนึ่ง ผ่านช่องทางการไลฟ์เฟซบุ๊ก โดยช่วงหนึ่ง นายสุทธิชัย ได้โฟนอินกับ โจชัว หว่อง ในกรณีประท้วงยืดเยื้อฮ่องกงกล่าวถึกรณีนี้ว่า
Joshua Wong แกนนำการประท้วงที่ฮ่องกงบอกผมผ่านการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า แผนการต่อไปของฝ่ายประท้วงคือ
1. ให้นักศึกษามหาวิทยาลัยและมัธยมหยุดเรียนตั้งแต่ต้นกันยายนเป็นต้นไป
2. จัดการชุมนุมต่อเนื่องทุกเสาร์อาทิตย์จนถึงวันที่ 1 ตุลาคมเพราะเป็นวันชาติ และปีนี้ครบ 70 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนด้วย
ผมถามว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น? เขาตอบว่า "ถึงจุดนั้นค่อยว่ากันอีกที"
โจชัว หว่องบอกว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดตอนนี้คือจีนได้ระดมทหารและรถถังเตรียมพร้อมไว้ที่เสินเจิ้นตรงข้ามฮ่องกง และหากจีนตัดสินใจสั่งปราบผู้ประท้วงจริง ก็ไม่มีใครรับรองได้ว่าจะไม่เกิดการนองเลือด และนั่นจะทำให้ฮ่องกงหมดสภาพการเป็นศูนย์กลางทางการเงินและการลงทุนแน่นอน
ผมถามว่าเป้าหมายสุดท้ายของเขาคืออะไร?
”Free elections" หรือสิทธิการเลือกตั้งอย่างเสรีในการเลือก ส.ส. และผู้บริหารคนละหนึ่งเสียงเท่า ๆ กัน ไม่ใช่ระบบที่ปักกิ่งเป็นคนเลือกสรรมาให้คนฮ่องกงเลือกอีกทีหนึ่ง
ผมถามว่าโอกาสการเจรจามีหรือไม่?
เขาตอบว่า "เราไม่เจรจากับ Carrie Lam ผู้บริหารสูงสุดเพราะเธอไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ ทุกอย่างอยู่ที่ปักกิ่ง ดังนั้นถ้าจะมีการเจรจา และทางปักกิ่งอยากจะเจอกับตัวแทนผู้เรียกร้องประชาธิปไตย เราก็พร้อม แต่เรื่องใหญ่ตอนนี้คือการที่จีนเตรียมทหารจำนวนมากไว้ที่ชายแดน"
ผมถามว่าเขารู้ไม่ใช่หรือว่าอย่างไรเสียประธานาธิบดีสีจิ้นผิงก็คงไม่ยอมให้คนฮ่องกงมีสิทธิเลือกตั้งอย่างเสรีได้ เขาตอบว่า "แต่เรื่องสิทธิเลือกตั้งอย่างเสรีหรือ universal suffrage มีระบุไว้ใน Basic Law ที่เป็นข้อผูกพันระหว่างจีนกับคนฮ่องกง"
ผมถามว่าเขายังเชื่อในระบอบ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" หรือไม่ เขาบอกว่า "ตอนนี้มันเหลือหนึ่งประเทศ หนึ่งระบบครึ่งแล้ว"
เย็นนี้ สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ยืนยันจุดยืนอันแข็งขันของปักกิ่ง
เนื้อหาหลักคือความรุนแรงที่ฮ่องกงกำลังทำลายความเจริญรุ่งเรืองและชื่อเสียงของฮ่องกงในนานาชาติอย่างหนัก
ตอนหนึ่งของแถลงการณ์นั้นบอกว่า "สถานการณ์ในฮ่องกงได้วิวัฒนาการจากการชุมนุมอย่างสันติไปสู่การกระทำผิดทางอาญาโดยคนไม่กี่คนและวิวัฒนาการจากการแสดงความเห็นอย่างสันติไปสู่การท้าทายฟางเส้นสุดท้ายของหลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ"
แถลงการณ์นั้นอ้างว่ามีข้อเท็จจริงและหลักฐานเพิ่มมากขึ้นที่แสดงว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในฮ่องกงนั้น "มีผู้นิยมความรุนแรงอยู่แถวหน้า มีชาวเมืองที่หลงเชื่อคำชักชวนอยู่กองกลาง แต่เบื้องหลังกลับมีกลุ่มอำนาจ "ต่อต้านจีนและปั่นป่วนฮ่องกง" ทั้งในและนอกฮ่องกงสนับสนุนการใช้ความรุนแรง
แถลงการณ์ไม่ได้เอ่ยชื่อสหรัฐฯโดยตรง แต่อ่านแล้วไม่ต้องสงสัยว่าหมายถึงใครที่เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแทรกแซงและส่งเสริมให้เกิดความวุ่นวายในฮ่องกง
ข้อที่สามของแถลงการณ์นั้นประกาศชัดเจนว่า
"การหยุดความรุนแรง แก้ปัญหาความวุ่นวาย คืนความสงบเรียบร้อยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในเวลานี้..."
แถลงการณ์ยืนยันสนับสนุน Carrie Lam เป็นผู้บริหารสูงสุดต่อไป
"รัฐบาลกลางของจีนสนับสนุนให้แคร์รี่ หลั่มเป็นผู้นำของรัฐบาลเขตปกครองพิเศษเพื่อบริหารฮ่องกงตามกฎหมายต่อไป สนับสนุนให้ตำรวจฮ่องกงดำเนินตามกฎหมายอย่างเข้มงวดและเป็นธรรม สนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานด้านตุลาการของรัฐบาลฮ่องกงลงโทษผู้กระทำผิดโดยใช้ความรุนแรงตามกฎหมาย และสนับสนุนให้ชาวฮ่องกงที่รักชาติช่วยกันปกป้องระบบตุลาการของฮ่องกง"