พิธีปลงพระศพพระเจ้ากาวิโรรส เเห่งเมืองเชียงใหม่ (1)
พิธีปลงพระศพพระเจ้ากาวิโรรส เเห่งเมืองเชียงใหม่
ในวันอาทิตย์ที่ ๕ ที่ผ่านมา มีงานใหญ่เกิดขึ้น ด้วยพระเจ้าเชียงใหม่ ประสูติในวันอาทิตย์ ดังนั้นจึงต้องส่งเสด็จพระองค์ในวันอาทิตย์ นอกจากวันสิ้นพระชนม์แล้ว แม้วันปลงพระศพ ก็กำหนดเองไม่ได้
การเตรียมพิธีปลงพระศพนั้น ไม่เฉพาะแต่ในเมืองที่ทรงปกครองเท่านั้น แต่ไพร่พลและราษฎรจากหัวเมืองใกล้เคียงก็มาช่วยเตรียมการนานถึงสามเดือน คงจำกันได้ว่า พระเจ้ากาวิโรรส สิ้นพระชนม์นอกกำแพงเมือง ดังนั้น พระศพจึงอัญเชิญเข้าเมืองไม่ได้เด็ดขาด อีกทั้งไม่ได้รับอนุญาตให้ประดิษฐานอยู่ในคุ้มหรือหอคำด้วย เป็นเรื่องไม่สมควรและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ที่พระศพเจ้านายชั้นสูงจะประดิษฐานอยู่ในอาคารสถานที่ไม่สมพระเกียรติเช่นนั้น
จารีตที่เคร่งครัดยังกำหนดอีกว่า ห้ามบุตรหลานหรือเจ้านายที่อยู่ในขบวนพระศพเข้ากำแพงเมืองเด็ดขาด จนกว่าจะปลงพระศพแล้วเสร็จ และอีกเรื่องหนึ่งที่เคร่งครัดไม่หย่อนไปกว่ากัน คือ ต้องเก็บพระศพไว้ ๑ ปี
สำหรับข้อแรก พวกเขามีข้ออ้างต่อจารีตว่า บ้านเมืองยังไม่สงบเรียบร้อย ไม่เป็นการดี หากปราศจากผู้ปกครองเป็นเวลานาน ดังนั้น ท้าวพญาผู้ใหญ่ จึงจัดพิธีอัญเชิญเจ้านายเข้าเมือง และพำนักอยู่ข้างในจนกระทั่งใกล้เวลาปลงพระศพ
ทันทีเมื่อสิ้นฝน สิ่งแรกที่ต้องทำในพิธีปลงพระศพ คือสร้างอาคารชั่วคราว หรือศาลาสำหรับบรรดาเจ้านายชั้นสูง ยามเมื่อประกอบพิธีปลงพระศพกลางลานกว้าง
บรรดาเจ้านายจากเมืองใกล้เคียงต่างมาร่วมงานเพื่อถวายพระเกียรติ แต่ละองค์ก็มีปะรำต่างหาก ดังนั้นปะรำซึ่งส่วนใหญ่สร้างจากไม้ไผ่จึงตั้งอยู่เต็มลาน กินเนื้อที่นับเอเคอร์ หลายหลังปูพื้นด้วยไม้กระดานอย่างดี
พระเมรุน่าสนใจมาก กระนั้น ข้าพเจ้าดูจากระยะไกล เข้าไปใกล้ไม่ได้ ตรงกลางสร้างเป็นยอดสูง แต่ไม่เหมือนยอดหอคอยของโบสถ์ และมียอดสูงเหมือนเจดีย์ขนาดเล็กรายรอบอีกชั้น ที่กำแพงสี่เหลี่ยมทำเป็นประตูทางเข้าสี่ทิศ ดูไกลๆ เหมือนปราสาทหรือวัดสีทองระยิบระยับจับตา แต่เมื่อเข้าไปใกล้อีกนิดก็รู้ว่า ภายในปิดกระดาษทองราคาถูก และติดกระจกเงาชิ้นเล็กๆ ให้สะท้อนแสงแดด พร่างพราวไปทั่วบริเวณ
นอกจากนี้ยังประดับรูปปั้นสัตว์ต่างๆ ทั้งจริง และในจินตนาการของชาวพื้นเมือง
พิธีปลงพระศพใช้เวลา ๘ วัน วันแรกเป็นขบวนอัญเชิญพระศพที่ยิ่งใหญ่ บรรดาเจ้านายและราษฎร ต่างช่วยกันชักลากพาหนะที่ประดับตกแต่งอย่างดงามเพื่อการนี้ จากนั้นจึงอันเชิญพระศพขึ้นประดิษฐานบนพระเมรุ
ตลอดทั้ง ๘ วัน ชาวเมืองต่างทำบุญ เลี้ยงพระ จากนั้นมีมหรสพหรือการละเล่นซึ่งไม่เหมาะสมกับงานเลย ตอนบ่ายมีการชกมวย กล่าวว่ามีมานานแล้วและผู้คนก็ชื่นชอบมาก คนมามุงดูแน่นขนัดมากกว่าการแสดงอื่นๆ
ศาลาชั่วคราวสร้างล้อมรอบลาน เต็มทั้งเนื้อที่ ๒ เอเคอร์ ดูเหมือนอัฒจันทร์ในสนามกีฬาของชาวกรีกไม่ผิด
บรรดาเจ้านายพำนักอยู่ในศาลา ส่วนชาวเมืองและพระสงฆ์เดินเตร็ดเตร่ไปรอบลาน
ทุกคืนมีการจุดพลุและดอกไม้เพลิงที่งดงามจำนวนมาก พระสงฆ์เป็นผู้ทำ ส่วนหลวงเป็นผู้สนับสนุนดินประสิว
วันปลงพระศพจริง จัดขึ้นในตอนบ่ายวันอาทิตย์ เมื่อใกล้ถึงเวลาพระราชทานเพลิง เราจึงเดินเข้าไปดู แต่เมื่อ ถึงพระเมรุ ก็เห็นว่า เจ้าพนักงานเชิญพระศพออกจากหีบ จากนั้นจึงประมวลพระอัฐิที่ยังคงเหลือจากการเก็บมา ๑ ปีใส่โกศทอง และจะเผาไปด้วยกัน
ข้าพเจ้าเห็นโกศมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ด้านนอกปิดทองคำเปลว เหมือนที่ปิดทองพระพุทธรูปอย่างนั้น
ข้าพเจ้าเดินเข้าไปดูข้างในอีกจนพอใจ แต่ก็ไม่มีอะไร เป็นอาคารที่ถือว่างดงามทีเดียว
เมื่อทุกอย่างจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว พระยาราชนิกูล ผู้แทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นผู้จุดเพลิงคนแรก กล่าวว่า เพลิงนั้นมาจากอสุนีบาต ส่วนโกศทองก็ส่งมาจากกรุงเทพฯ (มีต่อ)