เปิดเรื่องราวกลุ่มเขากะลา!! กับการเดินทางมายังเขากะลา .....ของมนุษย์ต่างดาว
จากข่าวร่างทรง มนุษย์ต่างดาว จนทางกลุ่มเขากะลา ออกมายืนยันมนุษย์ต่างดาว มีจริง เห็นกับตา คนตัวใหญ่มีเขาโผล่ขึ้นที่นั่น ย้อนไปดูเรื่องราว.........
การเดินทางมายังเขากะลา .....ของมนุษย์ต่างดาว
ข้อความส่วนหนึ่งของผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต
ถ่ายทอดข้อความเป็นคลื่นเสียงไว้ ณ เขากะลา นครสวรรค์
วันที่ 10 ตุลาคม 2541
.............................
“มนุษย์ต่างดาว ก็เป็นมนุษย์ที่มีกายเนื้อเหมือนอย่างพวกเจ้านี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคาร หรือจากดาวโลกุกะตาปากะดิกอง หรือว่าข้าพเจ้า
แต่ว่ากายเนื้อนั้นมันไม่ใช่ธาตุทั้ง 4 ซึ่งเป็นธาตุหยาบ หรือว่าจะเป็นเหมือนเจ้าแบบนี้ มันอธิบายไม่ถูกหรอกนะ เพราะธาตุของแต่ละมนุษย์ต่างดาวนั้นจะมีกายเนื้อ เจ้าเข้าใจไหม มีกายเนื้อนะ แต่กายเนื้อนั้น มันจะไม่มี ดิน น้ำ ลม ไฟ ผสมกันเป็นธาตุเหมือนกับพวกเจ้า มันจะเป็นกายเนื้ออีกแบบหนึ่ง แต่ละแบบกันไป มันจะมีรายละเอียดมากกว่านี้
พวกเจ้านี้เรียกกันว่าหยาบสุดละนะ ก็กายหยาบของเจ้าน่ะแหละ
เพราะฉะนั้น ในกายของมนุษย์ต่างดาว ไม่ว่าจะเป็นดาวอังคารเขาก็จะมีกายเนื้อของเขา และมีการที่จะถอดในกายละเอียดออกไปได้อีกส่วนหนึ่ง สำหรับข้าพเจ้าก็จะมีกายเนื้อ และจะมีกายละเอียดอีกส่วนหนึ่ง
แต่การที่มานี้ มีทั้งกายเนื้อ แต่ไม่สามารถที่พวกเจ้าทุกคนจะเห็นกันได้นั้น เพราะในกายเนื้อนั้นก็สามารถที่จะเข้าไปในมิติ หรือพวกเจ้าจะเรียกกันว่า มิติที่ 4 ก็ได้ ทำให้พวกเจ้าซึ่งเมื่อเขาบังมิติแล้วก็ไม่สามารถเห็นพวกเขาเหล่านั้นได้ .... เจ้าจะเข้าใจไหมล่ะ?”
…………………………
“...เดินทะลุกำแพงนั้น เป็นสิ่งที่เขาทำกายละเอียดทะลุกำแพง แต่ในกายละเอียดของเขานั้น ทำให้พวกเจ้าเห็น เจ้าเข้าใจไหม กายละเอียดของเขานะ สมมุติว่า.... สิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่าวิญญาณของพวกเจ้าน่ะแหละ เขาทำให้พวกเจ้าเห็นเป็นตัวก็ได้ถ้าเขามีฤทธิ์
เพราะฉะนั้น มนุษย์ต่างดาว เขาก็เป็นมนุษย์มีหลายประเภทด้วยกัน แต่สำหรับที่มาสื่อสาร และมาช่วยเหลือภัยพิบัติในครั้งนี้ อย่างเช่นข้าพเจ้านี้ ก็จะมีทั้งกายละเอียด และกายหยาบ แต่ในกายละเอียดนั้น สามารถทำให้เจ้าเห็นได้ หรือทำให้เจ้าไม่เห็นก็ได้และในกายหยาบนั้น สามารถที่จะบังมิติ ให้เจ้าเห็นก็ได้ ไม่เห็นก็ได้
เพราะฉะนั้น การที่มนุษย์ต่างดาวเดินทะลุกำแพง มันมีได้ 2ลักษณะ
คือ เอากายหยาบทะลุลงไป โดยการที่เรียกว่า “สลายมวลสาร” หรือว่า เอากายละเอียดของเขาทำให้เจ้าเห็น และก็เดินทะลุผ่านไป มันอยู่ที่ว่าสถานการณ์ไหน จะใช้สิ่งใดเหมาะสมที่สุด”
……………………………..
“ข้าพเจ้ามาจากดาวพลูโต ในแผนที่จักรวาลก็มีนะ อยู่ในจักรวาลเดียวกัน มีดวงอาทิตย์ดวงเดียวกัน มีดวงดาราซึ่งเป็นสาขา และมีการใช้วงโคจรในแรงดึงดูดของสนามแม่เหล็กในแนวเดียวกันนะ
การเดินทางมาใช้เวลาไม่นาน เพราะอะไร? เพราะมีวิธีลัดน่ะ...วิธีลัดคือผ่านมิติมา อันนี้เป็นความรู้ชั้นสูง อธิบายก็คงไม่เข้าใจเรียกว่า... วิธีผ่านมิติก็แล้วกันนะ
เพราะฉะนั้น ถึงแม้ระยะเวลา ระยะทางไกลขนาดไหน ไม่ใช่สำคัญ เหมือนดวงจิตของพวกเจ้านะ นึกถึงอเมริกา กับนึกถึงบ้านของเจ้า เพราะฉะนั้น การนึกถึงก็เท่ากัน ไม่เกี่ยวกับระยะเวลา ไม่ใช่นึกถึงประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้ระยะเวลานานกว่าจะนึกถึงได้ คงไม่ใช่อย่างนั้นละนะ
เพราะฉะนั้น วิธีลัดของข้าพเจ้า หรือพระญาณของข้าพเจ้า หรือเทคโนโลยีราชองครักษ์ที่ข้าพเจ้าได้นำมาด้วยนั้น ก็จะใช้วิธีที่เรียกว่า “ผ่านมิติ” เข้ามา ใช้เวลาไม่นาน
แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าจะอยู่ช่วยเหลือพวกเจ้านั้น ได้เคยกล่าวไว้แล้วในกาลก่อน มีในบันทึกนะ ก็จะบอกอีกสักครั้งหนึ่งว่า ข้าพเจ้าจะมาช่วยทั้งเทคโนโลยี ซึ่งเป็นวัตถุที่เจ้าเห็นกัน และมาทั้งพระญาณซึ่งผ่านร่างที่เป็นมนุษย์เพื่อสื่อสาร
การอยู่ช่วยเหลือของข้าพเจ้า ก็จะช่วยเหลือตั้งแต่ก่อนเกิดภัยพิบัติ อย่างเช่นในขณะนี้ มาให้พวกเจ้าเห็น มาให้พวกเจ้าเชื่อตามแต่บารมี ท่านที่มีบารมีตามแต่วาระจิต ก็จะได้เห็นข้าพเจ้าในความชัดเจน
เจ้าคนที่ถามครั้งก่อนนี้ ก็ไปถามเขาดู เขาได้เห็นความชัดเจนมาก
และสำหรับการที่จะอยู่ช่วยเหลืออันดับแรกนอกจากในขั้นต้นนี่นะ.... มาให้พวกเจ้าเห็นกันนะ
...สงคราม โลกของพวกเจ้าก็ต้องได้รับความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว ไม่อย่างนั้นแล้ว โลกมนุษย์ของเจ้ามันคงพังพินาศกันไปมากกว่านี้ ถ้าไม่ได้รับการสกัดกั้นด้วยเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว จากจักรวาลโลกุกะตาปากะดิกอง และจักรวาล และจากพระญาณ และยานอวกาศของข้าพเจ้า
ส่วนที่ 3 ก็คือ ช่วงในการเกิดภัยพิบัติ จะมีความโกลาหลวุ่นวายมากมายกันเหลือเกินในโลกมนุษย์ของพวกเจ้า ตอนนี้ก็ถือดีกันอยู่ แต่พอตอนนั้นจะเหมือนลูกหมาตกน้ำ... หมดแล้ว...ลาภยศ...ไอ้ที่มันลดยาก มันจะลดลงไป หลุดลงไปเลย มันไม่มีแล้วเหลือแต่ตัว ตัวเองก็แทบจะมากันไม่ถึง เพราะฉะนั้น ผู้ที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก็จะกระเซอะกระเซิง เป็นที่น่าเวทนา
เพราะว่าพวกข้าพเจ้า เมื่อหลังเกิดภัยพิบัติ และจะอยู่ช่วยเหลือพวกเจ้าจนสามารถตั้งตัวกันได้ แล้วก็จะต้องถอนทัพกลับไปเพราะไม่สามารถจะอยู่ได้เลยตามกฎธรรมชาติ
เพราะฉะนั้น การมาช่วยเหลือนั้น ตั้งแต่ก่อนเกิด จนเกิดภัยพิบัติจะอยู่กับเจ้านี่แหละ.....และหลังจากเกิดภัยพิบัติ ก็จะอดอยาก ยากแค้น แร้นแค้นกันแล้ว เทคโนโลยีของข้าพเจ้า ก็จะนำมาให้พวกเจ้าในการดำรงชีวิตอยู่ในปัจจัย 4”
แหล่งที่มา: https://www.facebook.com/350512688368184/photos/a.438590149560437/1270487333037377