คุ้มหลวงริมน้ำปิง
คุ้มหลวงริมน้ำปิงของเจ้าแก้วนวรัฐเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ที่ซื้อต่อจากหมอชี้คฝรั่งค้าไม้ ทำด้วยไม้สักยิ่งใหญ่อลังการที่อวดความร่ำรวยของผืนป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์พร้อมสร้างสะพานไม้ข้ามน้ำปิงสะพานหมอชี้ค ปัจจุบันที่แห่งนี้คือตลาดนวรัฐ
เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย ถึงแก่พิราลัยเมื่อ พ.ศ. 2482 (รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล) จนถึง พ.ศ. 2488 คุ้มหลวงแห่งนี้ก็ตกเป็นของ ชู โอสถาพันธุ์ (เถ้าแก่โอ้ว) และถูกรื้อลงเพื่อพัฒนาเป็นตลาดนวรัฐ (กาดเจ็กโอ้ว) ใน พ.ศ. 2500 ส่วนหนึ่งก็ด้วยความทรุดโทรมลงอย่างมาก
#กาดเจ๊กโอ้วหรือตลาดนวรัฐ ตั้งขึ้นตามชื่อของเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงองค์ที่ 9 (พ.ศ.2452-2482 ) ทั้งนี้เพราะตั้งอยู่ในบริเวณที่เคยเป็นคุ้มของเจ้าแก้วนวรัฐ ในปีพ.ศ. 2488 เถ้าแก่โอ้ว (นายชู โอสถาพันธุ์) ได้ซื้อคุ้มหลังนี้ และอพยพครอบครัวเข้าไปอยู่ ในปี พ.ศ. 2500 เถ้าแก่โอ้วได้รื้อคุ้มออกและพัฒนาพื้นที่ให้เป็นตลาด เพราะเห็นว่าบริเวณนี้อยู่ติดกับแม่น้ำปิง มีผู้คนสัญจรไปมามาก ประกอบกับตัวคุ้มเองก็ชำรุดและเสื่อมโทรมลงมากแล้ว
เมื่อแรกตั้งกาดทั้งสามยังเป็นลานโล่งๆ ติดตลาดไม่นาน เริ่มตั้งแต่เช้ามืดพอสายหน่อยแดดแรงก็กลับบ้าน เมื่อมีคนเข้ามาค้าขายมากขึ้น จึงมีการสร้างอาคารร้านค้าถาวรเรียงรายอยู่บนสองฝั่งถนน เป็นอาคารไม้บ้าง ตึกบ้าง ความน่าสนใจของกาดทั้งสามนี้คือ การทำมาหากินร่วมกันอย่างลงตัวระหว่างชุมชนต่างเชื้อชาติ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือชาวจีน ชาวพื้นเมือง และชาวซิกข์ ชาวจีนและชาวพื้นเมืองขายของจิปาถะทั้งของกินและของใช้อยู่ในตลาด ส่วนชาวซิกข์ ที่เรียกว่านายห้าง ตั้งร้านขายผ้าเมตรจากโรงงานอยู่รอบนอกตลาดจากตรอกเล่าโจ๊วอ้อมไปทางถนนช้างม่อยทั้งสองฝั่ง ชาวซิกข์กลุ่มนี้ย้ายมาจากแคว้นปัญจาบ ทางตอนเหนือของอินเดีย นับถือศาสนาซิกข์ ส่วนหนึ่งเป็นนิกายนามธารี ศูนย์กลางของชาวซิกข์กลุ่มนี้อยู่ที่วัดนามธารี บนถนนช้างม่อยตัดใหม่ใกล้ๆ กับกาดหลวงนี้เอง