ส่อง โรงเรียนโซลาร์เซลล์ของพระครูวิมลปัญญาคุณ ทุ่มกว่า 3ล้านใช้โซล่าร์เซลล์ทุกอาคาร
"โรงเรียนศรีแสงธรรม" จ.อุบลราชธานี นำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ผ่านโซลาเซลล์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟ้า พร้อมเปิดอบรมการติดตั้งให้แก่ ชาวบ้าน และหน่วยงานต่างๆ
พระครูวิมลปัญญาคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม ที่บ้านดงดิบ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี หรือที่คนในละแวกเรียกท่านพระครูสั้นๆ กันว่า "พระอาจารย์" ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนศรีแสงธรรม มาตั้งแต่ปี 2553 ปัจจุบันเปิดสอนทั้ง ม.ต้น-ปลาย และล่าสุดได้พัฒนาต่อยอดให้โรงเรียนแห่งนี้ผลิตไฟฟ้าใช้เองจากแผงโซลาร์เซลล์จนถูกขนานนาม “โรงเรียนโซลาร์เซลล์” ด้วยเหตุจากโจทย์สำคัญก็คือ “ความขาดแคลน”
พระครูวิมลปัญญาคุณ เล่าถึงแนวคิดที่นำพลังงานจากแสงอาทิตย์มาแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้เองในโรงเรียน ว่าตอนนั้นเพิ่งย้ายเข้าเรียนในอาคารเรียนใหม่ โดยการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ กลับไม่มีอุปกรณ์การสอนเลย มองเห็นแต่ "แสงแดด" จึงคิดถึงการใช้ประโยชน์จากแสงแดด ซึ่งเป็นทรัพยากรที่ไม่มีวันหมด และในตอนนั้นมีเพียงแผ่นโซลาร์เซลล์เก่าๆ แตกๆ ที่พังแล้วมาซ่อม และทดลองใช้ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงได้เข้าไปร่วมประกวดโครงการงานต่างๆ จนกระทั่งได้รับรางวัล
ในที่สุดเราเดินหน้าติดตั้งโซลาร์เซลล์ขนาด 6 กิโลวัตต์ เพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งทำให้ค่าไฟลดลงอย่างมากจากเดือนละ 6,000 บาท เหลือเพียง 40 บาท รวมถึงโปรเจกต์ใหญ่ในขณะนี้ คือ การสู้กับภัยแล้งด้วยระบบสูบน้ำลึกพลังแสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในระบบประปาหมู่บ้าน ที่พระอาจารย์และน้องๆ ทำการติดตั้งให้กับ 2 หมู่บ้าน ใน อ.พิบูลมังสาหาร และ อ.สว่างวีรวงศ์ จ.อุบลราชธานี โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งสามารถลดค่าไฟได้ถึงเดือนละ 5,000 บาท
ผลงานดังกล่าวติดตั้งโซลาร์เซลล์เป็นที่ประทับใจของชุมชนอย่างมาก พวกเขาแทบไม่เชื่อด้วยสายตาว่าเด็กชั้น ม.ปลาย จะมีทักษะในการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ได้ อีกทั้งใช้เวลาแค่ 1 วันต่อ 1 โปรเจกต์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเร็วและสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านได้อย่างทันท่วงที ในฐานะอาตมาทำงานด้านพลังงานทดแทนมาเป็นเวลานาน สิ่งที่อยากเห็นมากที่สุด คือการที่รัฐรับซื้อไฟฟ้าจากครัวเรือน (Net Metering) เพื่อจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งชุมชน ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทยอย่างแท้จริง
"หากทุกบ้านสามารถสร้างรายได้จากหลังคาของตัวเอง ก็จะช่วยให้พวกเขามีรายได้และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แม้จะเพียงแค่เดือนละ 1,000-2,000 บาท แต่สำหรับคนบ้านนอกถือว่าเยอะมาก ถ้ามองภาพใหญ่ขึ้นไป มันคือการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรากหญ้าขึ้นมา หรืออาจให้เขาทำเป็นกลุ่ม คือกองทุนหมู่บ้านละล้าน เอาเงินมาลงทุนทำโซลาร์เซลล์ แล้วรัฐรับซื้อจากเขา ลองรัฐบาลรับซื้อ 7 ปี เชื่อว่าจะมีเงินทุนคืน เพราะขนาดอาตมาทำประมาณ 3 ปีก็ได้ทุนคืนแล้ว อีกทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ยังเป็นพลังงานสะอาด ไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐยังก้าวไม่พ้นพลังงานจากถ่านหิน ซึ่งเป็นอันตรายต่อประชาชนในทุกด้าน”
หากว่ารัฐมีการส่งเสริมให้แต่ละระดับสามารถผลิตไฟฟ้าได้เองตามศักยภาพ และรับซื้อพลังงานทุกรูปแบบ ตั้งแต่ระดับครัวเรือน หมู่บ้าน ตำบล ก็จะช่วยเพิ่มรายได้ต่อครัวเรือน ทำให้ระบบเศรษฐกิจดีขึ้น และหากภาคประชาชนสามารถผลิตไฟฟ้าได้เกินปริมาณที่ใช้อยู่ก็จะช่วยให้ระบบโครงข่ายไฟฟ้ามีไฟฟ้าในระบบเพิ่มมากขึ้น โดยภาครัฐไม่ต้องลงทุนการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเลย เราดูตัวอย่างจากประเทศที่ประสบผลสำเร็จด้านพลังงานแสงอาทิตย์ก็ได้ เช่น ประเทศเยอรมนี เขารับซื้อไฟทั้งหมดที่ผลิตได้จากประชาชน ก็ทำให้วิกฤติการขาดแคลนพลังงานหมดสิ้นไปภายในระยะไม่กี่เดือนและมีพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย อาตมาอยากเห็นประเทศไทยก้าวไปสู่จุดนั้นบ้าง" พระครูวิมลปัญญาคุณ กล่าวในที่สุด
โรงเรียนศรีแสงธรรม ตั้งอยู่เลขที่ 212 ม.5 บ.ดงดิบ ต.ห้วยยาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี 34220