ทำไมลูกกอล์ฟต้องมีรอยบุ๋ม
ลูกกอล์ฟที่มีรอยบุ๋ม เพิ่งมาใช้กันในศตวรรษนี้เอง และทำให้โฉมหน้ากีฬากอล์ฟเปลี่ยนไปมาก ลูกกอล์ฟแบบนี้หากตีได้ดี จะลอยได้ไกลถึง 275 ม. ขณะที่ลูกกอล์ฟแบบกลมเกลี้ยงจะไปได้เพียง 65 ม. กีฬากอล์ฟริเริ่มเล่นกันในฮอลแลนด์และสก็อตแลนด์ในสมัยศตวรรษที่ 15 ลูกกอล์ฟยุคแรกๆ นั้นทำด้วยหนังยัดไส้ขนนก คำว่า "golf" ก็เป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำภาษาเยอรมันว่า "Kolbe" ซี่งแปลว่าไม้ตี ในศตวรรษที่ 19 มีการทำลูกกอล์ฟด้วยสารยืดหยุ่นคล้ายยางที่เรียกว่า กัตตา-เปอร์ชา (gutta percha) และค้นพบว่าลูกที่มีรอยบุบเพราะไม้ตีจะลอยไปได้ไกลกว่าลูกกลมเกลี้ยง จึงเริ่มทำลูกกอล์ฟให้มีรอยกากบาทเล็กๆ ต่อมาในปี ค.ศ. 1906 มีการทำลูกกอล์ฟยัดไส้ในเป็นก้อนยางกลมๆ และเปลือกนอกเป็นยางแข็งมีรอยบุ๋มตื้นๆ รูปกลมบ้างสี่เหลี่ยมบ้าง ฯลฯ
เหตุใดรอยบุ๋มบนลูกกอล์ฟ จึงทำให้ลูกลอยไปได้ไกลขึ้น ขณะที่ลูกกอล์ฟลอยอยู่ จะมีชั้นอากาศบางๆ มาเกาะที่ผิวด้านหน้า เมื่ออากาศนั้นเคลื่อนผ่านพ้นลูกไป จะทำไห้เกิดกระแสลมหมุนตามหลัง ลมนี้จะดูดเอาพลังจากลูกกอล์ฟและทำให้ลูกวิ่งช้าลง แต่ถ้าลูกกอล์ฟมีรอยบุ๋ม จะทำให้ชั้นอากาศเกาะติดผิวตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงหลังลูกได้ ดังนั้น เมื่ออากาศผ่านพ้นลูกไป กระแสลมหมุนที่เกิดตามหลัง จึงมีวงแคบลง และทำให้แรงดึงต่อลูกกอล์ฟลดลงด้วย รอยบุ๋มยังมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่งคือ ทำให้ลูกลอยในอากาศได้นาน ทั้งนี้เพราะลูกกอล์ฟจะเแบ็กสปินเมื่อไม้หวดมากระทบ ส่วนที่เป็นรอยบุ๋มจะประคองให้ลมขึ้นข้างบน อากาศด้านบนจึงเคลื่อนเร็วกว่าด้านล่าง ซึ่งทำให้ด้านล่างมีแรงดันมากว่าด้านบนดังนั้น จึงพยุงลูกกอล์ฟให้ลอยอยู่ในอากาศได้นานขึ้น
รอยบุ๋มบนลูกกอล์ฟ รอยบุ๋มบนลูกกอล์ฟมีขนาดลึก 0.01-0.25 มม. แต่ละลูกมีรอยบุ๋ม300-500 รอย เรียงเป็นลายได้ถึง 6 แบบ เช่น แบบ 480 รอยเรียงเป็นลายสามเหลี่ยมด้านเท่า 20 รูป แต่เรียงแบบไหนก็แทบไม่มีผลต่อระยะทางที่ลูกกอล์ฟจะลอยไปได้
ลดแรงดึง เมื่อลูกพ้นจากหน้าไม้ตีกอล์ฟ ชั้นอากาศบางๆ ที่เกาะติดผิวจะเคลื่อนจากด้านหน้าไปด้านหลังแต่รอยบุ๋มจะทำให้ลมหมุนที่เกิดตามหลังลดลงอากาศจึงเกาะติดลูกนานขึ้น และแรงดึงก็ลดน้อยลง
ขอขอบคุณข้อมูลจากเพจฟิสิกส์ราชมงคล