สิทธิการเลือกตั้งที่หายไปของนักบวช กับ ความล้มเหลวของประชาธิปไตยไทย

เพจ SPECTRUM โพสต์เรื่องราวนี้...

สิทธิการเลือกตั้งที่หายไปของนักบวช กับ ความล้มเหลวของประชาธิปไตยไทย
.
“การจะคืนสิทธิการเลือกตั้งให้กับพลเมืองที่มีสถานะนักบวช ดูจะเป็นเรื่องที่สร้างความกระอักกระอ่วนใจให้กับผู้รักประชาธิปไตยอยู่ไม่ใช่น้อย"
.
"ไม่ต้องกล่าวถึงในในกลุ่มคนที่เฉยชาต่อการมีหรือไม่มีประชาธิปไตย ซึ่งเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ต่างก็ต้องส่ายหน้า กรอกตาขึ้นลงวนไปมา ส่วนกลุ่มคนที่รังเกียจประชาธิปไตย นิยมชมชอบการอยู่ภายใต้ท็อปบู๊ทของอำนาจเผด็จการ จำต้องร้องแรกแหกกระเชอออกมาด้วยเสียงสูง ‘นี่สร้างกิเลสให้แก่พระเพิ่มความกระสันทะยานอยาก นี่บ่อนทำลายล้างความมั่นคงของพระพุทธศาสนา’”
.
”การห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ในกฎหมายสูงสุดของประเทศ เกิดขึ้นภายหลังการการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เพียง 6 เดือนเท่านั้น" 
.
”โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒๕๖๐ ซึ่งเขียนโดยคณะเผด็จการทหาร บรรจุมาตราประเด็นศาสนาซึ่งมีความย้อนแย้งลักลั่นในตัวมันเอง ไว้ถึง 6 มาตรา”
. 
“ด้วยกฎหมายสูงสุด 1 ฉบับและกฎหมายชั้นรองอีก 1 ฉบับ รวมทั้งระเบียบยิบย่อยที่องค์กรตามกฎหมายดังกล่าวทยอยเขียนออกมาเต็มอัตรา ผนวกกับการบังคับใช้ต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 8 ทศวรรษ ส่งผลให้ชนชั้นนำอุปโลกน์มายาคติลวงหลอกฝังหัวชาวไทยได้เป็นผลสำเร็จ เป็นต้นว่า ‘พระพุทธศาสนามีการปกครองที่คล้ายกับสมบูรณาญาสิทธิราชย์"
.
"กล่าวคือ พระสังฆราชมีอำนาจปกครองคณะสงฆ์ทั้งประเทศ พระปกครองผู้มีสมณศักดิ์สูงกว่า ตำแหน่งใหญ่กว่า มีอำนาจเหนือพระผู้มีสมณศักดิ์ต่ำกว่า ตำแหน่งเล็กกว่าเจ้าอาวาสเพียงลำพังผู้เดียวมีอำนาจจนกระทั่งสิ้นชีวิตในการบริหารวัดซึ่งเป็นสาธารณสถานและปกครองคณะสงฆ์ทั้งวัดอารามจำนวน 40,000 กว่าแห่งกระจายตัวอยู่ทั่วทุกหมู่บ้าน เป็นศูนย์กลางถ่ายทอดคติความเชื่อ ‘เผด็จการโดยธรรม’ ไปยังพุทธศาสนิกชนชาวไทยที่มีอยู่ถึงร้อยละ 94.6 ทำให้แม้แต่ผู้ที่ศรัทธาประชาธิปไตยในปัจจุบันก็ยังมีมุมมองไขว้เขวว่า"
.
"ภิกษุสามเณรเป็นผู้อยู่เหนือโลก เพราะฉะนั้นภิกษุสามเณรจึงไม่ควรมีสิทธิเลือกตั้ง, เผด็จการโดยธรรม นั้นมีจริงและเป็นสิ่งประเสริฐสูงสุด เพราะเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้า”
.
“คำสอนสมภารที่เกื้อหนุน โอบอุ้มระบอบเผด็จการ เชิดชูตัวบุคคลให้อยู่เหนือหลักการ ถูกผลิตซ้ำอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย โดยไม่อาจมีพระลูกวัดรูปใดๆ จะสามารถทัดทานคัดง้างได้ เนื่องจาก พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ๒๕๐๕ ให้นิติอำนาจแก่เจ้าอาวาสแต่เพียงผู้เดียว ในการอนุญาต–ขับไล่ พระลูกวัด ให้อยู่อาศัยหรือพ้นไปจากอาวาส”
.
”ไม่มีมนุษย์คนใดอยู่เหนือการเมืองการปกครอง ในความหมายที่พลเมืองทุกคน ล้วนแต่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการออกกฎหมายของประเทศ เป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสนามการเมืองด้วยกันทั้งนั้น มันถึงเวลาหรือยังที่จะรื้อถอนมายาคติ ซึ่งฉุดรั้ง ถ่วงความเจริญของประชาชนออกไปจากสังคมไทยด้วยการคืนสิทธิการเลือกตั้งให้กับพลเมืองที่มีสถานะนักบวช ขุดรากถอนโคนเครื่องพันธนาการที่ฝังรากอยู่ในรัฐธรรมนูญมาเกือบ 9 ทศวรรษ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสุขภาวะโดยรวมของประชาธิปไตยไทย ชนิดเปลี่ยนโฉมหน้า พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินอย่างแน่นอน”
.
“จะเร็วจะช้า การแก้ไขหรือยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับคสช. จำต้องเกิดขึ้น เพื่อขจัดปัญหาดุลอำนาจที่บิดเบี้ยวขององค์กรต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญและปัญหารัฐราชการรวมศูนย์ซึ่งนักรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวผู้ใฝ่ประชาธิปไตยและสื่อมวลชน ได้ให้ทัศนะต่อสาธารณชนเรื่อยมา แต่ทว่า ประเด็นปัญหา “สิทธิการเลือกตั้งที่หายไปของนักบวช” กลับไม่มีใครพูดถึงมันและถูกทำให้เงียบหายไปกับสายลมโดยใครหรืออะไรซักอย่างที่ไม่อาจจะตั้งชื่อได้ จะมีก็เพียงสำนักข่าวต่างประเทศคือ บีบีซีไทยเท่านั้น ที่หาญกล้านำเสนอประเด็นปัญหานี้อย่างหนักแน่น เมื่อช่วงก่อนฤดูกาลการเลือกตั้ง มีนาคม 2562”
.
“โจทย์ก็คือว่า แม้แต่พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยเอง ซึ่งนำเสนอเงื่อนงำที่เป็นเงื่อนตายหรือทางตันในรัฐธรรมนูญฉบับ คสช.อยู่บ่อยครั้ง ก็ยังแขยงต่อการนำเสนอประเด็นศาสนา ไม่กล้า 'เอากระดิ่งไปแขวนคอแมว' ซึ่งสังคมมองว่า 'ศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและอ่อนไหว' ซึ่งนอกจากจะไม่ได้คะแนนเสียงเพิ่มแล้ว ก็อาจพลิกผันกลายเป็นประเด็นใหญ่โตให้ถูกนำมาบิดเบือน โจมตีเอาได้ง่ายๆ เพราะในสังคมกราบไหว้บูชา ขอพรโชคลาภจากสัตว์พิการ ต้นไม้ ท่อนซุง น้ำ(โสโครก)ผุดจากดินอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้”
.
“เราไม่เคยเห็นทหารเกณฑ์ออกมาเรียกร้องให้ปฏิรูปกองทัพ ตำรวจยศพันตำรวจโทต้อง(ถูก?)แขวนคอตายเพียงเพราะทำหนังสือทักท้วงคสช. ระดับพลตำรวจตรีซึ่งทำคดีค้ามนุษย์โรฮิงญายังต้องหนีตาย ลี้ภัยไปต่างประเทศ ฉันใด เราก็ไม่อาจได้เห็น พระลูกวัด ออกมาเรียกร้องให้ปฏิรูปกฎหมายปกครองคณะสงฆ์และรัฐธรรมนูญประเด็นศาสนา ฉันนั้น แล้วใครกันเล่าหนอ…จะเป็น ‘ผู้เปิดสวิตซ์’ ?”
.
คัดลอกบางส่วนจากบทความนี้ “สิทธิการเลือกตั้งที่หายไปของนักบวช กับความล้มเหลวของประชาธิปไตยไทย” โดย พระปัญญา คุณปญฺโญ สีสัน