พระพุทธรูปปางปลงอายุสังขาร
พระพุทธรูปปางปลงอายุสังขาร
พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางบนพระเพลา แบฝ่าพระหัตถ์ขวายกขึ้นประทับที่พระอุระอย่างกิริยาลูบพระกาย
ประวัติ
ในเวลาเช้าแห่งวันปัณณรสี เพ็ญเดือน ๓ มาฆมาส สมเด็จพระบรมโลกนาถทรงถือบาตรเสด็จโคจรบิณฑบาต ณ เมืองไพศาลี ครั้นกลับจากบิณฑบาตทรงภัตตกิจเสร็จแล้ว โปรดให้พระอานนท์เอาผ้านิสีทนะสำหรับรองนั่งไปยังปาวาลเจดีย์ เพื่อประทับพักสำราญในเวลากลางวัน เมื่อพระอานนท์ลาดผ้านิสีทนะถวายภายใต้ร่มไม้แห่งหนึ่งแล้ว ก็เสด็จประทับนั่งตามพระประสงค์แม้พระอานนท์ก็ได้เข้าเฝ้าถวายบังคมแล้วนั่งอยู่ในที่ใกล้
ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระประสงค์จะให้พระอานนท์กราบทูลอาราธนาพระองค์ ให้ทรงดำรงพระชนมายุอยู่ชั่วอายุกัปป์หนึ่ง หรือเกินกว่าอายุกัปป์หนึ่งนั้น จึงทรงแสดงโอฬาริกนิมิตร ให้แจ้งชัดโดยแสดงอานุภาพอิทธิบาทภาวนาว่า ผู้ใดได้เจริญอิทธิบาทภาวนาดีแล้วสามารถจะดำรงชีวิตอยู่ได้ถึงกัปป์หนึ่งหรือเกินกว่า ตรัสปริยายนิมิตรให้ชัด ดังนั้นถึง ๓ หน มารเข้าดลใดพระอานนท์เสีย ไม่สามารถจะรู้ทัน พระดำรัสที่ทรงพระประสงค์ได้ พระอานนท์จึงไม่ได้กราบทูลอาราธนาให้พระผู้มีพระภาคเจ้าดำรงพระชนม์อยู่ตลอดอายุกัปป์หนึ่งหรือเกินกว่า ต่อนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงรับสั่งให้พระอานนท์ออกไปเสียจากที่นี้ พระอานนท์ถวายบังคมแล้ว ออกไปนั่งอยู่ที่ร่มไม้ไม่ไกลจากพระผู้มีพระภาคเจ้านัก
ครั้นพระอานนท์หลีกออกไปแล้วไม่นาน มารได้ถือโอกาสเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วยกเนื้อความแต่ปางหลัง ครั้งแรกได้ตรัสรู้อภิสัมโพธิญาณประทับ ณ ควงไม้อชปาลนิโครธนั้น ได้ตรัสว่า "บริษัททั้ง ๔ เหล่าคือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ยังไม่ฉลาดสามารถแสดงธรรมย่ำยีปรับปวาทโดยสหธรรมและพรหมจรรย์ยังไม่ประกาศแพร่หลายบริบูรณ์ด้วยดี สำเร็จประโยชน์แก่ประชุมชนเป็นอันมาก ทั้งเทวดาและมนุษย์เพียงใดแล้ว ยังจักไม่ปรินิพพานก่อนเพียงนั้น" ดังนี้ บัดนี้ ปริสสมบัติและพรหมจรรย์ก็สมบูรณ์ดังพุทธประสงค์ทุกประการแล้ว ขอพระผู้มีพระภาคจงปรินิพพานเถิด สุคตจงปรินิพพานเถิด บัดนี้เป็นกาลปรินิพพานของพระผู้มีพระภาคแล้ว
เมื่อมารกล่าวดังนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคจึงตรัสห้ามมาร ว่าดูกรมารผู้มีใจบาป ท่านจงมีความขวนขวายน้อยเถิด ความปรินิพพานแห่งพระตถาคตจักมีไม่ช้า แต่นี้ไปอีก ๓ เดือน พระตถาคตก็จักปรินิพพาน
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพระสติสัมปชัญญะปลงอายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์ ก็เกิดอัศจรรย์ แผ่นดินไหวและขนชูชันน่าสพึงกลัว ทั้งกลองทิพย์ก็บันลือลั่นในอากาศ ครั้งนั้นพระอานนท์เกิดพิศวงเพราะอัศจรรย์เกิดมีเช่นนั้น จึงออกจากร่มไม้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคทูลถามถึงเหตุที่ทำให้เกิดอัศจรรย์ มีแผ่นดินไหวเป็นต้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูกรอานนท์ เหตุที่ทำให้แผ่นดินไหวนั้น มี ๘ ประการ คือ
๑. ลมกำเริบ ๒. ท่านผู้มีฤทธิ์บันดาล ๓. พระโพธิสัตว์จุติลงสู่พระครรภ์ ๔. พระโพธิสัตว์ประสูติ ๕. พระตถาคตเจ้าตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ๖. พระตถาคตเจ้าแสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตร ๗. พระตถาคตเจ้าปลงอายุสังขาร ๘. พระตถาคตเจ้าปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ เหตุ ๘ ประการนี้ แต่ละอย่างเป็นเหตุให้แผ่นดินไหว ต่อนั้นทรงนำเนื้อความหนหลัง ครั้งแรกได้ตรัสรู้พระสัมโพธิญาณเสด็จอยู่ ณ ควงไม้อชปาลนิโครธ ได้ตรัสแก่มารอย่างไรนั้นมาตรัสแก่พระอานนท์ แล้วรับสั่งว่า บัดนี้พระองค์ได้ปลงอายุสังขารแล้ว แผ่นดินจึงไหวเพราะเหตุนั้น
พระอานนท์จึงกราบทูลว่า ขอพระผู้มีพระภาคจงอยู่กัปป์หนึ่งเถิด เพื่อเกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่เทพยดามนุษย์ทั้งหลาย
พระผู้มีพระภาคตรัสห้ามว่า อานนท์ อย่าเลย เธออย่าได้วิงวอนพระตถาคตเลย บัดนี้มิใช่เวลาที่เธอจะวิงวอนพระตถาคตเสียแล้ว พระอานนท์ก็หาฟังไม่ ได้พยายามวิงวอนถึง ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า อานนท์ เธอยังเชื่อปัญญาความตรัสรู้ของพระตถาคตอยู่หรือ ?
เชื่อพระเจ้าข้า
ก็เมื่อเธอเชื่อแล้ว ไฉนยังมาบีบคั้นแค่นได้พระตถาคตถึง ๓ ครั้งเล่า
เพราะข้าพระองค์ได้รับฟังจากพระองค์มาโดยเฉพาะว่า อิทธิบาทภาวนา ๔ ประการนี้ เมื่อผู้ใดเจริญ ทำให้มากดีแล้ว ผิว่าผู้นั้นประสงค์จะดำรงอยู่ด้วยรูปกายนี้แล้ว ผู้นั้นก็สามารถจะอยู่ได้กัปป์หนึ่งหรือเกินกว่าก็อิทธิบาทนี้พระตถาคตได้เจริญแคล่วคล่องชำนาญดีแล้ว ถ้าพระตถาคตเจ้าปรารถนาจะดำรงอยู่ด้วยสรีระกายนี้ ก็สามารถจะดำรงอยู่สิ้นอายุกัปป์หนึ่งหรือเกินกว่าได้ ฉะนั้น ข้าพระองค์จึงกราบทูลวิงวอนถึง ๓ ครั้ง เป็นกำหนดฉะนี้
อานนท์ เธอเชื่ออานุภาพของอิทธิบาทภาวนาหรือ ?
เชื่อพระเจ้าข้า
อานนท์เมื่อเธอเชื่อแล้ว ไฉน เมื่อพระตถาคตแสดงโอฬาริกนิมิตร ประกาศอานุภาพของอิทธิบาทภาวนาให้อานนท์ฟังถึง ๑๖ ครั้ง ในสถานที่ ๑๖ แห่ง คือเมืองราชคฤห์ ๑o แห่ง เมืองไพศาลี ๖ แห่ง แล้วพระผู้มีพระภาคได้ทรงแจงสถานที่ทั้ง ๑๖ แห่ง ให้พระอานนท์ฟัง แล้วรับสั่งว่า ในสถานที่ทั้ง ๑๖ แห่งนี้ ถ้าอานนท์สามารถจะรู้ทันความประสงค์ของพระตถาคตในขณะฟังนั้น และพึงวิงวอนพระตถาคตให้ดำรงอยู่ตลอดกัปป์หนึ่งหรือเกินกว่าสักครั้งหนึ่งในสถานที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งยังเป็นเวลาอยู่ พระตถาคตก็จะรับคำวิงวอนของอานนท์ แต่แล้วอานนท์ก็ไม่สามารถจะรู้ ไม่วิงวอนให้อยู่ ข้อนั้นเป็นความผิดของอานนท์ผู้เดียว
เพื่อบันเทาความเศร้าใจความเสียใจของพระอานนท์ ที่ไม่สามารถรู้ทันและไม่ทันได้อาราธนาให้ทรงดำรงอยู่กัปป์หนึ่ง พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า อานนท์ เราได้บอกแล้วแต่เดิมมิใช่หรือว่า บรรดาสัตว์และสังขารที่รักใคร่เจริญใจทั้งปวง ย่อมต้องพลัดพลากเป็นอย่างอื่นไป ไม่คงทนถาวรอยู่ได้ตามใจประสงค์ อานนท์ การจะหาสิ่งที่พึงใจและถาวรมั่นคงในสังขารนี้ จะได้ที่ไหน สิ่งใดอาศัยปัจจัยแต่งขึ้น สิ่งนั้นจะต้องแตกสลายไปเป็นธรรมดา อานนท์ การจะร่ำร้องปรารถนาว่า ขอสิ่งนั้นจงตั้งอยู่ อย่าพินาศเลย ไม่เป็นฐานที่ผู้ร่ำร้องจะพึงได้ดังใจประสงค์
อานนท์ก็สิ่งใดแล ที่พระตถาคตได้สละแล้ว คายเสียแล้ว ปล่อยเสียแล้ว ละเสียแล้ว วางเสียแล้ว อันพระตถาคตจะเอาสิ่งนั้นคืนกลับมาอีก เพราะเหตุแห่งชีวิตข้อนั้นไม่เป็นฐานะที่จะพึงมีได้ แสดงว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าจะต้องเสด็จดับขันธปรินิพพาน นับแต่นี้ไปอีก ๓ เดือน คือในวันเพ็ญเดือนวิสาขมาสโดยแท้แล
ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ
ข้อมูลจากหนังสือ "ตำนานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ" นิพนธ์ของ พระพิมลธรรม ราชบัณฑิต (ชอบ อนุจารีมหาเถร)