รู้ก่อน "ร้อยไหม" ยกกระชับใบหน้า
กทม. 13 ก.ค.-ใครๆ ก็อยากดูอ่อนเยาว์อยู่ตลอดเวลา จึงต้องพึ่งพาการทำศัลยกรรมในรูปแบบต่างๆ และจากกรณีหญิงอายุ 72 ปี เสียชีวิตขณะใช้บริการร้อยไหมบริเวณใบหน้า ที่คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง เรามาทำความรู้จักเทคโนโลยีการร้อยไหมบนใบหน้า
เว็บไซต์ ม.มหิดล คณะเภสัชศาสตร์ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการร้อยไหมว่า การร้อยไหม คือ เทคนิคที่นำมาใช้ช่วยยกกระชับ ฟื้นฟูสภาพผิว ลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้าให้ดูเรียว ด้วยไหมละลายโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศเกาหลี หลักการของเทคนิคนี้ คือ การใช้ไหมเส้นเล็กจำนวนมากมาร้อยเป็นเครือข่าย บริเวณใต้ผิวหนังที่ร้อยไหมเข้าไปจะถูกกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ทำให้เกิดการสร้างเส้นเลือดใหม่ มีผลทำให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน ให้สร้างคอลลาเจนใหม่มาพันรอบแนวเส้นไหม มีผลให้เกิดการดึงรั้งผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าเต่งตึงและกระชับ พร้อมช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตมาเลี้ยงชั้นผิวหนังเพิ่มขึ้นด้วย
เส้นไหมชนิดที่นิยมใช้กันมาก ทำมาจากโพลีไดอ๊อกซาโนน (polydioxanone หรือ PDO) ซึ่งเป็นไหมที่นำมาใช้ในการทำศัลยกรรมเย็บเส้นเลือดหัวใจ มีโอกาสแพ้น้อยมาก ไม่มีปฏิกิริยาต่อผิวหนัง ผ่านการรับรองความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทั้งในและต่างประเทศ เส้นไหมจะถูกดูดซับโดยผิวหนังภายหลังจากการร้อยไหมผ่านไปหลายๆ เดือน ในขณะเดียวกันเส้นไหมจะสลายตัวได้เองภายใน 8 เดือน และจะให้ประสิทธิผลต่อผิวหนังในระยะเวลาประมาณ 2 ปี
การร้อยไหม เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 39-50 ปี และผู้ที่มีปัญหาการบกพร่องของผิว โดยที่ไม่มีเนื้อเยื่อยุบตัวมากเกินไป ถ้าอายุมากและมีผิวหย่อนคล้อยประกอบกับมีการยุบตัวของผิว การร้อยไหมอย่างเดียวอาจช่วยไม่ได้ ต้องใช้วิธีอย่างอื่นร่วมด้วย
ชนิดของเส้นไหมที่นิยมใช้ในประเทศเกาหลี มี 3 แบบ
เส้นไหมเรียบ (Mono threads) เป็นเส้นเรียบ ไม่มีเงี่ยงหรือปุ่มเหรือเกลียว ส่วนใหญ่จะใช้ร้อยไหมชนิดนี้บริเวณคอ หน้าฝาก และใต้ตา เส้นไหมชนิดนี้จะช่วยให้ผิวหนังเต่งตึงแต่ไม่ได้ช่วยยกชั้นผิวหนัง
เส้นไหมเกลียว (Screw threads) เป็นเส้นไหมเส้นเดียวหรือสองเส้นเกลียวเข้าด้วยกัน เส้นไหมชนิดนี้มีประโยชน์ช่วยเพิ่มปริมาตรบริเวณผิวหนังที่ยุบตัวหรือเป็นแอ่ง เส้นไหมเกลียวจะให้ผลแข็งแรงกว่าไหมเส้นเรียบ ส่วนใหญ่ไหมเกลียวเหมาะกับการยกชั้นผิวหนังที่หย่อนยาน
เส้นไหมที่มีเงี่ยง (Cog threads) เป็นเส้นไหมเส้นเดียวแต่มีเงี่ยงตลอดแนวไหม เพื่อทำหน้าที่ยึดเกาะด้านในชั้นผิวหนัง เงี่ยงมีประโยชน์ทำหน้าที่คล้ายโครงสร้างที่จะช่วยยกเนื้อเยื่อหรือผิวหนังที่หย่อนยาน คอลลาเจนจะถูกกระตุ้นให้มีการสร้างขึ้นใหม่รอบเส้นไหมและบริเวณเงี่ยง เส้นไหมชนิดนี้เหมาะกับการยกกระชับบริเวณคาง ปรับรูปหน้าให้เรียว
ก่อนร้อยไหม แพทย์จะทายาชาร่วมกับฉีดยาชาในบางตำแหน่งก่อนร้อยไหม หลังจากนั้น แพทย์จะนำเส้นไหมที่อยู่ตรงปลายเข็มเข้าไปยึดตามเนื้อเยื่อผิว โดยจะใช้วิธีการร้อยเรียงเส้นไหมและแพทย์จะพิจารณาตามโครงหน้าของคนไข้เป็นหลักในเวลาเพียง 20-40 นาที ขณะทำจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย อาจพบรอยช้ำตามแนวรอยไหมได้บ้าง ร่วมกับอาการบวม แต่จะหายไปเองโดยไม่ต้องพักฟื้นภายใน 1-2 สัปดาห์ และจะเห็นผลชัดเจนในช่วงประมาณ 2 เดือนหลังร้อยไหม และอาจจะเห็นผลต่อเนื่องนานประมาณ 1-2 ปี หลังจากนี้ก็ต้องมาทำการร้อยไหมใหม่อีกครั้ง เนื่องจากการร้อยไหมละลายไม่ได้เย็บไหมไว้ด้านในชั้นผิวหนัง SMAS ซึ่งอยู่ลึกกว่าผิวชั้นหนังแท้ จึงไม่อาจทำให้เกิดความแข็งแรงเทียบเท่าการผ่าตัดดึงหน้า
ข้อควรระวังหลังจากทำร้อยไหม คือ ไม่ควรทำเลเซอร์ หรือหัตถการใดๆ กับใบหน้าประมาณ 2 สัปดาห์ และไม่ควรนวดหน้าแรงๆ ในตำแหน่งที่ร้อยไหมประมาณ 2 เดือน นอกจากนี้อาจจะมีการเกิดผิวหนังบวมแดง หรือตุ่มแดงตามแนวที่ร้อยไหมได้เนื่องจากเกิดการแพ้ไหมละลาย มีความเสี่ยงติดเชื้ออันมาจากการใช้เข็มสอดเส้นไหมจำนวนมากเข้าไปที่ผิวหนัง เช่นเดียวกับการฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ และอาจทำให้เกิดรอยบุ๋มของผิวหนัง หรือ ผิวหนังทั้งสองข้างยกกระชับไม่เท่ากัน อีกทั้งคอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นโดยไหมลละลาย อาจเป็นคอลลาเจนชนิดเดียวกับที่พบในแผลเป็นลักษณะคล้ายพังผืด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไหมละลายชนิด PDO จะได้การรับรองความปลอดภัยจาก อย. แต่นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยได้เปิดเผยว่า อย. ไม่อนุญาตหรือไม่รับรองวิธีการร้อยไหมเพื่อวัตถุประสงค์ของการกระชับผิว แต่อนุญาตให้ใช้ในการเย็บแผลเท่านั้น นอกจากนี้ การร้อยไหมเพื่อยกกระชับผิวยังไม่ได้รับการรับรองให้ใช้ในประเทศสหรัฐ หรือประเทศในทวีปยุโรป เพราะยังไม่มีผลการศึกษาทางการแพทย์ที่แน่ชัดถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระยะยาว