เมื่อตุ๊กตายางทำหน้าที่ได้ดีกว่าเมีย

 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ New York Post รายงาน มาซายูกิ โอซากิหนุ่มโตเกียว วัย 45 ปี ที่แต่งงานมีครอบครัวพร้อมลูกสาวผันตัวมารักกับตุ๊กตาสาวไร้ชีวิต หรือที่เรารู้จักกันดีว่า “ตุ๊กตายาง” เพราะความรักที่จืดจางลงไประหว่างเขากับภรรยาสาวหลังจากที่เธอคลอดลูก ทำให้เขารู้สึกเหงา และตัดสินใจมารักกับตุ๊กตายางในที่สุด มาซายูกิเผยว่าเขาตกหลุมรักตุ๊กตายางตัวนี้ตั้งแต่ที่เห็นเธอในร้านจึงตัดสินใจซื้อมาและตั้งชื่อให้ว่ามายู แน่นอนว่าภรรยาของเขาไม่พอใจเป็นอย่างมากกับการกระทำของเขาในครั้งนี้รวมไปถึงตัวลูกสาวเอง แต่ในปัจจุบันเมื่อเวลาผ่านไป ภรรยาก็อดทนอยู่กับโอซากิได้แบบหวานอมขมกลืน และลูกสาวเองก็เริ่มแบ่งเสื้อผ้ากันใช้กับตุ๊กตายางมายูด้วย

“ผู้หญิงญี่ปุ่นเย็นชา” เขากล่าวเพิ่มว่า “พวกเธอเห็นแก่ตัว...ผู้ชายต้องการแค่บางคนที่คอยรับฟังพวกเขาโดยไม่ต้องมีใครมาคอยบ่นหลังจากที่เขากลับถึงบ้าน”

“ทุกๆ ปัญหาที่ผมเผชิญมายูอยู่ตรงนั้นเพื่อผมเสมอ ผมรักเธอมากจริงๆ และอยากจะอยู่กับเธอตลอดไป”

 ผู้เชี่ยวชาญเริ่มกังวลเกี่ยวกับอัตราการมีลูกของประชากรญี่ปุ่นที่อาจลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเพราะจำนวนแรงงานที่ลดลงตามไปด้วย

ทุกๆ ปีตุ๊กตายางราว 2,000 ตัวถูกขายในญี่ปุ่น ฮิเดโอะ ซึชิย่า กรรมการผู้จัดการการทำตุ๊กตายางในอุตสาหรกรรมโอเรียนท์กล่าวว่า “เทคโนโลยีก้าวหน้าไปมากตั้งแต่ตุ๊กตาเป่าลมออกวางขายในปี 1970” เขายังกล่าวอีกว่า “ผู้ชายซื้อตุ๊กตาเพิ่มขึ้นเพราะเขารู้สึกว่าเขาสามารถสื่อสารกับตุ๊กตาได้จริงๆ” 

นอกจากโอซากิแล้ว คุณเซนจิ นาคาจิมะ วัย 62 ปีเป็นอีกหนึ่งคนที่คอยอาบน้ำอย่างทะนุถนอมให้ซาโอริตุ๊กตายางตัวโปรดของเขา เขากล่าวว่า “หัวใจของผมพองโตทุกครั้งที่กลับบ้านมาเจอซาโอริ เธอไม่เคยทรยศผม และเธอทำให้ความกังวลของผมมลายหายไป”

เขาย้ำเช่นเดียวกันคุรโอซาจิว่าผู้หญิงญี่ปุ่นเป็นคนเย็นชา ไร้หัวใจ และเขายืนยันว่าเขาไม่เคยนอกใจเธอแม้แต่ครั้งเดียวเพราะเขามองเธอเป็นมนุษย์ไม่ใชตุ๊กตายาง