เล่าสู่กันฟัง
.....เมื่อหลายปีก่อน.....น่าจะ 8 ปีได้แล้ว....
ดิฉันก็เป็นคนนึ่งที่ ทำงานมาตลอด ไต่เต้า มาจนได้เป็น ผจก..เขต(ภาคอีสาน) เก่งแฮ่ะ อายุแค่ 23 เอง 5555(ชมตัวเองก็เป็น)
คือดิฉันมีอาชีพเป็นเซลล์ บริษัทเอกชน แห่งหนึ่งค่ะ ผลงานได้ เลยได้เลื่อนตำแหน่งไว
......เรื่อง....มีอยู่ว่า ....
.....ฉัน เป็นคนที่ไม่คนรัก ทำแต่งาน มาตลอด เนื่องจาก จบตั้งแต่ อายุ 20 ก็ทำงานมาตลอด
เห็นเพื่อนมีเเฟนกัน แฟนหึงแฟนหวงก็ไปด่าไปว่าเค้า ว่าทำไมไม่เข้าใจ มากับเราห่วงอะไร ยุให้เค้าเลิกกันอีก
ไปซะอย่างนั้น เอาแต่ใจ คือ style ผู้หญิงเก่งไม่ง้อใครอ่ะค่ะ
.....พอดิฉันได้ มาประจำที่ จังหวัดหนึ่ง ในภาคอีสาน ได้มีโอกาส รู้จัก ผช คนนึ่ง ซึ่งเป็น ผช ธรรมดา
ไม่หล่อเท่าไร เป็นนักดนตรี มีทรัพย์สินมากมาย(ของพ่อ-แม่เค้า) เค้าก็มาจีบ มาตื้อ จนตกลงมาเป็นแฟนกัน
คบกันมาเรื่อยๆ ได้ตกลง อยู่ด้วยกัน คือดิฉันพักอยู่ หอพักของที่บ้านเค้า เราเลยได้รู้จักกัน
พ่อแม่เค้าก็ชอบดิฉัน เพราะบอกว่าดิฉันเก่ง ทั้งงานบ้านงานเรือน หาเงินเก่ง ซึ่งดิฉันไม่ทราบเลยว่า ทางแฟนของดิฉัน
ผ่านการแต่งงานมาก่อน มีลูก มาอีก 1 คน แต่ตรงนั้น ดิฉันไม่แคร์ เพราะเค้าได้เลิกรากันไปแล้ว
พอคบกันไปเรื่อยๆ ดิฉันต้องออกไปทำงาน คือเข้าหาลูกค้า แฟนดิฉันเค้าก็ หึงหวง ทะเลาะกัน เราทะเลาะกันรุนแรงมาก
เค้า ก็บอกเราหวงเพราะ เค้ารัก ถ้าไม่รักจะไม่หวงเลย ซึ่งดิฉันก็ยอมทุกครั้ง ที่ได้ยินคำนี้
จนหนักเข้า ไม่ให้ดิฉันไปทำงาน ไปรับไปส่ง ขับรถให้ตลอด มันทำให้ฉันอึดอัดมาก ทั้งงาน ทั้งแฟน
เข้ากทม มาประชุม ก็ต้องเปิดสายโทรศัพท์ ให้ได้ยินตลอดเวลา โทรไปต้องรับสาย ตลอด
อีเมลล์ HI5 MSN (เมื่อก่อนมี) เค้าเช็คหมด รู้ทุกอย่าง และทุกวันเค้าจะพูดเหน็บแนบตลอด
ซึ่งดิฉันก็เงียบมาตลอด ทำหน้าที่ แฟนให้ดีที่สุด เอารูปแฟนเก่า มาโยนใส่หน้า พูดใส่ ดิฉันร้องไห้ทุกวัน
อดทนมาตลอด เค้าไปเล่นดนตรีที่ไหน ดิฉันต้องไปด้วยทุกครั้ง ไม่รู้จะให้ไปทำไม ทำงานทำกับข้าว ก็เหนื่อยแล้ว
ยังต้องไปนั่งรอเค้าทำงานอีก
..... ต่อมา ทำแบบนี้มาเรื่อยๆ งานประจำเริ่ม ไม่ไหว ทาง บริษัท บอกให้พิจารณาตัวเอง ให้ย้ายไปเหนือ
ตายหล่ะที่นี้ ลดตำแหน่งหน้าที่การงาน จะไปไง ตอนนั้นห่วงความรู้สึกแฟนมาก คือรักเค้ามากแล้ว ถอนตัวยากแล้ว
ทำไงดี ตัดสินใจลาออก มาทำงานธุรกิจที่บ้านเค้า คือ รับ-ซื้อ ข้าวเปลือก มาช่วยที่บ้านเค้า ช่วยๆๆๆไป
เงินเดือนก็ไม่ได้ ลำบากสิที่นี้ ทางบ้านเราหล่ะ จะเอาที่ไหนมาจ่าย ทั้ง บ้าน ทั้งรถ ที่กทม ทำไง ตัดสินใจ บอกที่บ้านเค้าขอ
เงินเดือน(คำตอบที่ได้กลับมาจากแฟน ถึงกับหน้าชา)
......ผมช่วยคุณไม่ได้ คุณเลือกลาออกเอง ผมไม่ได้บังคับคุณให้ลาออกซะหน่อย.....
ดิฉันเงียบ...ตามเคย หางานใหม่ค่ะ แล้วก็ได้ จริงๆ งานเซลล์ เหมือนเดิม แต่ต้องมา ฝึกงานที่ กทม 1 เดือน
ระหว่างนั้น ทะเลาะกันตลอด ทุกวัน โทรตามจิก ด่าฉันกับเพื่อนที่ บริษัท ฉันอายมาก อายจน ต้องพิจารณาตัวเอง อีกครั้ง
แต่ยังค่ะ ยังไม่เข็ด
กลับไปหาเค้าอีกรอบ เอาสิ เอาสักตั้ง ฉันไม่มีงาน ไม่มีเงินเหมือนเมื่อก่อน จะรักฉันมั๊ย...
ดิฉันก็ไม่ทำงานเลยค่ะ ให้เค้าหาเลี้ยงเลย..... ทำงานช่วยที่บ้านเค้า...ไปพลางๆ
สุดท้ายเค้า ไม่ไหว คือง่ายๆ เป็นคนไม่เอาถ่าน เป็นลูกแง่ ตอนนี้ ที่บ้านเค้าเริ่ม ด่าดิฉัน ว่าดิฉัน ใส่ร้าย ต่างๆ นานา
ว่าดิฉัน ไปกับ ชายอื่น แม่เห็น เค้าโมโห ก็มาตบตีดิฉัน ด่าว่า ด่าทอ จนสุดท้าย ดิฉันไม่สบายมาก
นอนโทรม ไม่มีแม้หมา มาดู เอาเงินดิฉันไป บัตรทุกอย่าง (กลัวฉันจะหนีอ่ะค่ะ เก็บเรียบ) เป็นไข้ หนักมาก ดิฉันตัดสินใจ
ชีวิตนี้ คงไม่มีอะไร ต้องเสียดีกแล้ว เลย มีแรงฮึดสู้ ด้วยเงิน 50 บาท กลับบ้านที่ กทม. โดยนั่ง รถไฟฟรี นั่งรถเมล์ฟรี ถึงบ้านเลยค่ะ
ฉันถามตัวเองเสมอ ว่าที่ผ่านมาฉันทำอะไร อดทนกับคนแบบนี้เพื่ออะไร
ตอนเข้าบ้านก็กลัวพ่อกับแม่จะด่าจะว่า แต่ไม่เลย ท่านพาไปหมอ ดูแลอย่างดี แล้วไม่ถามสักคำ บอกว่า กลับบ้านเริ่มต้นใหม่ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ไม่ต้องจำ ให้ผ่านไป
****แต่กระนั้น ดิฉันก็ต้องขอบคุณเค้า****
.......ที่ทำให้ดิฉัน มีความอดทน เป็นแม่บ้านที่ดี ตลอดเวลา 4 ปี มีความใจเย็น ใส่ใจคนรอบข้าง เค้ามีข้อดีอย่างคือ เค้าเป้นนักดนตรี เค้าไม่เคยนอกใจดิฉันเลย แล้วจะไม่ขอว่าใครอีก เพราะสิ่งที่ฉันว่าเพื่อน มันเข้าตัวดิฉันหมดเลย.......
.....ถึงทุกวันนี้ เค้ายังมาง้อ มาขอคืนดี แต่คงไม่กลับไปแล้วหล่ะค่ะ เพราะฉันรู้แล้ว ว่าชีวิตที่เหลือ ฉันจะทำเพื่อใคร.....
ขอบคุณ ที่มาอ่าน คงจะเป็นอุทาหรณ์ ให้สาวๆ ได้บ้างนะค่ะ ว่าอย่ารักใครมากกว่าตัวเอง