ลุ้นเพิ่ม 2 สถานที่ในไทยจะได้ขึ้นแหล่งมรดกโลกหรือไม่
สถานที่ที่จะได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนั้น จะต้องถูกคัดเลือกจากองค์การยูเนสโก(UNESCO) เพราะมีลักษณะสำคัญทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือด้านอื่น และได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายตามสนธิสัญญา สถานที่เหล่านี้ถือว่าสำคัญต่อประโยชน์โดยรวมของมนุษยชาติ ต้องมีการขึ้นทำบัญชีรายก่อน เรียกว่า บัญชีรายชื่อเบื้องต้น ถึงจะมีสิทธิได้รับการเสนอชื่อ
วันที่ 30 มิถุนายน – 10 กรกฎาคม 2562 นี้ กำลังมีการประชุมสมัยสามัญครั้งที่ 42 ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน ซึ่งรัฐบาลไทยนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมทั้ง 2 แห่ง ไปยังที่ประชุมคณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรมเพื่อขึ้นทะเบียนในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น โดยต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ซึ่งมี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน สถานที่ 2 แห่งนั้น ได้แก่
1. เมืองโบราณศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์
เป็นแหล่งเชื่อมรอยต่อวัฒนธรรมระหว่างภาคกลางและภาคอิสาน เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนสินค้าและเส้นทางการค้าในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สำคัญ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายต่อเนื่องจนถึงวัฒนธรรมเขมรโบราณ และอยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อระหว่างวัฒนธรรมทางพุทธศาสนาแบบทวารวดีจากภาคกลางของไทยและวัฒนธรรมเขมร
2. กลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำและปราสาทปลายบัด
ปราสาทหินทรายสีชมพู ตั้งอยู่บนยอดเขาใกล้กับปล่องภูเขาไฟเก่าที่ดับแล้วในแนวเทือกเขาพนมดงรัก โดยมีความเชื่อว่าสร้างเพื่อเป็นเทวาลัยของพระศิวะลัทธิไศวนิกายบน เสมือนประทับอยู่บนยอดเขาไกรลาศ แสดงให้เห็นภูมิปัญญาการเลือกที่ตั้งทางศาสตร์ผสมผสานความเชื่อด้านศาสนา การออกแบบสถาปัตยกรรมวางช่องประตู 15 ช่องตรงกันทางทิศตะวันออก เพื่อให้มองเห็นพระอาทิตย์ได้โดยตรงและส่องกระทบศิวลึงค์ที่ตั้งเป็นพระประธานในห้องกลางจำนวน 4 ครั้งต่อปี
สถานที่อื่น ๆ ที่ลงบัญชีรายชื่อเบื้องต้นไปก่อนหน้านี้แล้ว ได้แก่ พระธาตุพนม อนุสรณ์สถานแหล่งต่าง ๆ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเชียงใหม่ นครหลวงล้านนา วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
ในไทยตอนนี้มีแหล่งมรดกโลกแล้ว 5 แห่ง แบ่งเป็น
แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม 3 แห่ง ได้แก่
1. นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ขึ้นทะเบียนตั้งแต่ปี 2534
เนื่องจาก อยุธยาเคยเป็นเมืองหลวงของไทยในอดีต มีซากปรักหักพังต่าง ๆ ที่แสดงถึงภูมิปัญญาอารยธรรมและความเจริญรุ่งเรืองในอดีต
2. เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร ขึ้นทะเบียนตั้งแต่ปี 2534
สุโขทัยเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของชาวสยาม สิ่งก่อสร้างจำนวนมากแสดงถึงจุดเริ่มต้นของสถาปัตยกรรมไทย ประกอบด้วยอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร
3. แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ขึ้นทะเบียนตั้งแต่ปี 2535
ที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งตั้งสำคัญในยุคก่อนประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นถึงก้าวสำคัญของวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมสังคมและเทคโนโลยีของมนุษย์ อาทิ การเกษตร การผลิต และการใช้โลหะ
แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ 2 แห่ง ได้แก่
1. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ขึ้นทะเบียนตั้งแต่ปี 2534
ที่แห่งนี้ประกอบด้วยผืนป่าทุกชนิดที่มีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์นานาชนิดในธรรมชาติ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นส่วนใหญ่ เช่น ช้าง เสือ นอกจากนี้ประกอบด้วยนกขนาดใหญ่ และสัตว์มีกระดูกสันหลังอื่น ๆ แสดงถึงความอุมสมบูรณ์ของป่า ควรค่าแก่การรักษาดูแล
2. ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ขึ้นทะเบียนตั้งแต่ปี 2548
ภายในประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติ 4 แห่ง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 1 แห่ง เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์กว่า 800 ชนิด ได้แก่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำนวน 112 สายพันธุ์ (รวมทั้งสัตว์น้ำสองสายพันธุ์) สัตว์ชนิดนก 392 สายพันธุ์ และสัตว์เลื้อยคลานกว่า 200 สายพันธุ์
อุทยานแห่งชาติ 4 แห่ง ได้แก่
- อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
- อุทยานแห่งชาติทับลาน
- อุทยานแห่งชาติปางสีดา
- อุทยานแห่งชาติตาพระยา
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 1 แห่ง คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่
(นกเงือก)
และในปี 2559 รัฐบาลไทยได้เสนอคณะกรรมการมรดกโลก ในการประชุมครั้งที่ 40 พิจารณาการขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานขึ้นเป็นมรดกโลก มีการยอมรับคุณค่าสากลที่โดดเด่นของผืนป่าที่แห่งนี้ มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง
นอกจากนั้นยังพบสัตว์ป่าสงวนตามกฎหมายอีกหลายชนิด เช่น แมวลายหินอ่อน เก้งหม้อ เลียงผา และสมเสร็จ
พบการปรากฎของพืชเฉพาะถิ่น เช่น จำปีเพชร และจำปีดอย ซึ่งราชอาณาจักรไทยพบเฉพาะในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเท่านั้น มี จระเข้น้ำจืด ที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกแห่งอาเซียน เมื่อปี พ.ศ.2546
**แต่ถูกพิจารณาเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยในผืนป่า รวมถึงข้อพิพาทเกี่ยวกับการปักปันเขตแดนกับประเทศพม่า
กลุ่มป่าแก่งกระจาน
น้องแมวลายหินอ่อน
ปีที่แล้ว (2561) ไทยได้รับการขึ้นทะเบียน การแสดงโขน ในหมวดหมู่มรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ
น่าภูมิใจจริง ๆ ส่วนอีก 2 สถานที่ใหม่นั้น รอลุ้นกันต่อไปจ้า