หวังให้เป็นอุทาหรณ์ หนุ่มป่วยหนังเน่า ซึมซาบสารเคมี หลังรับจ้างฉีดยาฆ่าหญ้า
นับว่าเป็นเรื่องราวที่ต้องย้ำเตือนให้ระวังกันมากขึ้นสำหรับเกษตรกรที่นิยมใช้สารเคมีในการกำจัดวัชพืช และแมลง ให้สวมชุดป้องกันอย่างมิดชิด จากกรณีที่มีข่าวเผยแพร่ในโลกโซเชียล ว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคผิวหนัง ด้วยเหตุมาจากแพ้สารเคมีจากยากำจัดงัชพืช และแมลง และฐานะครอบครัวยากจน กำลังได้รับความทรมานจากโรคที่เป็นอยู่
ซึ่งผู้ป่วยดังกล่าวคือ นายวิโรจน์ นุชเจ็ก อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 733 หมู่ 7 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก โดยมีภรรยา ชื่อ นางจันทร์จิรา หลำชาวนา อายุ 52 ปี นายจรูญ นุชเจ็ก อายุ 30 ปี บุตรชายคนโต ด.ญ.พรนภา นุชเจ็ก หรือน้องเพลง เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนแก่งสฤษดิ์เสนาอุปถัมภ์ บุตรสาวคนเล็ก และ น.ส.สมคิด นุชเจ็ก อายุ 40 ปี น้องสาวของนายวิโรจน์ เฝ้าดูแลอยู่ภายในห้องพักผู้ป่วยที่แยกออกต่างหากจากผู้ป่วยทั่วไป
นางจันทร์จิรา หลำชาวนา อายุ 52 ปี เปิดเผยว่า สามีกับตนมีบุตรด้วยกัน 3 คน คือนายวิโรจน์ ที่มาเฝ้าดูอาการสามีด้วย นายณัฐพล นุชเจ็ก อายุ 23 ปี ทำงานรับจ้างก่อสร้างและตัดอ้อยอยู่ต่างจังหวัด และ ด.ญ.พรนภา หรือน้องเพลง ปกติประกอบอาชีพทำไร่ข้าวโพดพอว่างงานก็หางานรับจ้างทั่วไปทำกัน ที่บ้านอาศัยกันอยู่เพียงสามีกับตนและน้องเพลงเท่านั้น ส่วนนายวิโรจน์ มีอาชีพรับจ้างก่อสร้างแยกออกไปอยู่กับครอบครัวและมีบุตรชายที่ต้องรับผิดชอบ 1 คน นายณัฐพลก็มีครอบครัวแล้วเช่นกัน ช่วงที่ทำไร่ข้าวโพดได้กู้เงินมาจากสหกรณ์การเกษตร อ.วังทอง จำนวนหนึ่งเพื่อลงทุน แต่ประสบภัยแล้งจนไม่มีเงินใช้หนี้ ปัจจุบันเป็นมีหนี้เงินกู้สะสมอยู่กว่า 1 แสนบาทแล้ว ต้องหายืมเงินจากญาติและแบ่งปันจากรายได้ของลูกชายทั้งสองคน ซึ่งก็ไม่ค่อยมีกันอยู่แล้ว ส่งดอกเบี้ยสหกรณ์เดือนละ 4 พันกว่าบาท
ก่อนที่นายวิโรจน์สามีตนจะป่วยเป็นโรคทางผิวหนัง หรือทางการแพทย์เรียกกันว่าโรคเม็ดเลือดขาวกินเม็ดเลือดแดง หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าโรคหนังเน่านั้น ได้เกิดแพ้สารเคมีขณะไปทำงานรับจ้างฉีดยาฆ่าหญ้า ฆ่าแมลงในสวนลำไย สวนเงาะ เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีตุ่มพองแล้วแตกกลายเป็นแผล แรกๆ ก็หายและแห้งไป แต่ต่อมาเริ่มเป็นมากขึ้นไปทั่วตัว จนไม่สามารถทำงานได้ การรักษาจะไปรับยาจากแพทย์ที่โรงพยาบาลพุทธชินราชมารับกิน หากช่วงใดกินข้าวไม่ได้ถ้าเป็นตุ่มพองแล้วแตกที่บริเวณปาก ก็จะให้น้ำเกลือแทนแต่ก็ให้มากไม่ได้เพราะทำให้ผิวหนังเปื่อยเน่าง่าย ทำให้สามีทุกข์ทรมานมาก บ่นเจ็บปวด แสบและคันตามแผล ล่าสุดอาการหนักขึ้นจนเป็นแผลไปทั้งตัวจึงเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลวังทองเมื่อวานนี้ เพราะเป็นโรงพยาบาลใกล้บ้าน ซึ่งแพทย์จะส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลพุทธชินราช อ.เมืองพิษณุโลก ในวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) เพราะมีแพทย์เฉพาะทาง
เนื่องจากสามีเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นคนหารายได้มาใช้จ่ายในแต่ละวันและใช้หนี้เงินกู้สหกรณ์ พอมาป่วยอย่างนี้ ซึ่งตนต้องเฝ้าดูแลสามีทุกวัน เนื่องจากน้องเพลงไปเรียนหนังสือ ได้อาศัยเพียงวันเสาร์ อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ออกไปทำงานรับจ้างทั่วไปได้วันละ 250–300 บาท แล้วแต่นายจ้างจะจ่ายให้ เพราะวันหยุดน้องเพลงสามารถดูแลพ่อได้ดีเช่นเดียวกับที่ตนคอยดูแล
แหล่งที่มา: http://doo24.com