ย้อนตำนาน!! เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ 1980 (คลาสสิค)
ยาวหน่อยนะ ค่อยๆ อ่าน...............
ภาพยนตร์ชุดทางทีวีเรื่อง “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้” ปี 1980 สร้างโดย TVB ฮ่องกง เรื่องนี้ถือกันว่าเป็นเวอร์ชั่นคลาสสิค เป็นภาพยนตร์อมตะยอดนิยมชุดที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดเรื่องหนึ่งทั้งในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออก มีการนำไปสร้างขึ้นใหม่อีกหลายเวอร์ชั่นทั้งที่ฉายในโรงภาพยนตร์และเป็นภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ และมีการนำไปใช้เป็นเรื่องราวอ้างอิงสืบเนื่องในภาพยนตร์เรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่อง เวอร์ชั่นล่าสุดที่มีการนำมาสร้างใหม่โดยจีนแผ่นดินใหญ่ใช้ชื่อในประเทศไทยว่า “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ หักเหลี่ยมมังกร” ก็ปรากฏว่าได้รับความนิยมมากเช่นกัน บทความนี้จะกล่าวถึงเวอร์ชั่นคลาสสิคปี 1980 ก่อน และจะกล่าวถึงเวอร์ชั่น “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ หักเหลี่ยมมังกร” ในโอกาสต่อไป
หนึ่ง ช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ที่อ้างถึงในภาพยนตร์
รูปที่ 1 สงครามฝิ่น (1856 – 1860) จีนประกาศสงครามกับบรรดาชาติตะวันตกที่บีบบังคับให้จีนเปิดประเทศ แล้วนำฝิ่นเข้าไปขายมอมเมาคนจีนและนำกำไรมหาศาลกลับประเทศของตน บรรดาชาติตะวันตกนักล่าอาณานิคมนำโดย สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และอังกฤษ จึงรวมหัวกันรุมรบรุมกินโต๊ะจีนประเทศเดียว หลังจากนั้นก็บังคับเอาแผ่นดินจีนตามชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกและเกาะต่างๆในทะเลไปเป็นอาณานิคมของพวกตนในรูปแบบของเขตเช่าต่างๆ
ในระหว่างปี 1856 - 1860 หลังจากที่บรรดาชาติตะวันตกใช้กองทัพเรือสมัยใหม่ปิดล้อมชายฝั่งทะเลของจีนและบังคับให้เปิดประเทศให้กับพวกตนแล้วนั้น ก็ได้นำฝิ่นซึ่งเป็นยาเสพติดที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกยุคนั้นเข้าไปเผยแพร่และขายในประเทศจีน ทำกำไรมหาศาลกลับประเทศตัวเอง โดยมีเจตนาบ่อนทำลายคนจีนและประเทศจีนให้อ่อนแอไปด้วยพร้อมกัน ในที่สุดจีนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงฮึดสู้และประกาศสงครามกับบรรดาชาติตะวันตกเหล่านี้ สงครามครั้งนี้เรียกกันในประวัติศาสตร์ว่า “สงครามฝิ่น” แล้วจีนก็ต้องพ่ายแพ้ต่อกองทัพและกองเรือรบสมัยใหม่ของบรรดาประเทศนักล่าอาณานิคมที่รวมหัวกันรุมรบจีนประเทศเดียวอย่างราบคาบ ทำให้จีนจำต้องยอมเสียดินแดนมากมายและต้องยอมรับสิทธิสภาพนอกอาณาเขตด้วย แล้วยังเสียค่าปรับอีกมหาศาลจนราชวงศ์แมนจูต้องล่มสลายลงในที่สุด เซี่ยงไฮ้เป็นแผ่นดินผืนหนึ่งที่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของพวกนักล่าอาณานิคมเหล่านี้ ในรูปแบบของเขตเช่าต่างๆเช่นเขตเช่าฝรั่งเศส เขตเช่าอังกฤษ เขตเช่ารวม ฯลฯ
เนื้อเรื่องในภาพยนตร์เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นโดยอิงกับสภาพเหตุการณ์บ้านเมืองในมหานครเซี่ยงไฮ้ที่เกิดขึ้นจริงในช่วงเวลาประมาณทศวรรษ 1930 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนสงครามโลกครั้งที่สองประมาณ 10 ปี (ปี 1939 เยอรมันบุกโปแลนด์ ถือเป็นการเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่ 2) โดยในช่วงเวลานั้นญี่ปุ่นได้เริ่มรุกรานจีนแล้วตั้งแต่ปี 1931โดยเป้าหมายแรกมุ่งไปที่แมนจูเรีย และเป้าหมายสุดท้ายคือยึดครองจีนทั้งประเทศ โดยอ้างว่าเพื่อปลดปล่อยเอเซียตะวันออกให้พ้นจากการยึดครองของบรรดาประเทศนักล่าอาณานิคมตะวันตกทั้งหลาย ยุคนี้เป็นยุคที่ลัทธิล่าอาณานิคมของบรรดาประเทศตะวันตกแพร่ระบาดไปทั่วโลก เนื่องจากบรรดาชาติตะวันตกเหล่านี้สามารถพัฒนาเทคโนโลยี่สมัยใหม่ไปได้ล้ำหน้ากว่าชาติอื่นๆในโลกมาก โดยเฉพาะในเรื่องของอาวุธปืน และเครื่องจักรสงคราม ในขณะที่ชาติอื่นๆในโลกยกเว้นญี่ปุ่นยังคงล้าหลังอยู่กับอาวุธสมัยดั้งเดิม ดาบ หอก ธนู และเรือรบโบราณที่อาศัยแรงคนและแรงลมในการขับเคลื่อน นักล่าอาณานิคมเหล่านี้ทั้งแข่งขันกัน ทั้งร่วมมือกัน และบางครั้งก็ถึงกับร่วมกันรุมรบรุมกินโต๊ะบรรดาประเทศที่ล้าหลังกว่าพวกตนในทุกพื้นที่ทุกทวีปในโลก ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย จีน อินโดจีน ตะวันออกกลาง ตะวันออกไกล อาหรับ ลาตินอเมริกา ฯลฯ ล้วนประสบชะตากรรมเดียวกันไปทั้งโลก จีนซึ่งเป็นชาติยิ่งใหญ่มานานนับพันปีก็ไม่พ้นที่จะต้องประสบชะตากรรมนี้เช่นเดียวกัน
รูปที่ 2 พวกนักล่าอาณานิคมเอายาฝิ่นซึ่งเป็นยาเสพติดที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกยุคนั้นไปมอมเมาจนแพร่หลายในหมู่คนจีน และโกยกำไรมหาศาลกลับประเทศของตน .โดยมีจุดมุ่งหมายต้องการบ่อนทำลายให้คนจีนและประเทศจีนอ่อนแอยิ่งขึ้นไปด้วยพร้อมๆกัน
ด้วยกองทัพที่แข็งแกร่งและทันสมัยกว่ากันอย่างเทียบไม่ได้ ชาติตะวันตกเริ่มกดดันให้จีนต้องเปิดประเทศให้พวกตนเข้าไปค้าขายติดต่อและเผยแผ่ศาสนาได้ จากนั้นก็เพิ่มการรุกรานแทรกแทรงมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงขั้นนำฝิ่นซึ่งเป็นสารเสพติดที่มีโทษร้ายแรงที่สุดในโลกยุคนั้นเข้าไปขายและมอมเมาคนจีน นำกำไรมหาศาลกลับประเทศของพวกตนแล้วยังเป็นการบ่อนทำลายคนจีนและประเทศจีนให้อ่อนแอมากขึ้นเรื่อยๆไปด้วยพร้อมกัน จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1932 (จีนอยู่ในภาวะลำบากมากเพราะทางเหนือก็มีกองทัพญี่ปุ่นกำลังรุกรานแมนจูเรียอยู่) จีนทนไม่ได้ต่อการการที่พวกนักล่าอาณานิคมนำฝิ่นเข้าไปมอมเมาคนจีนในประเทศอีกต่อไป จึงได้ประกาศทำสงครามกับบรรดาประเทศตะวันตกนักล่าอาณานิคมเหล่านี้ สถานการณ์จึงยิ่งหนักหนาสาหัสขึ้นไปอีก เพราะนักล่าอาณานิคมทั้งหลายพร้อมใจกันรุมรบรุมกินโต๊ะจีนประเทศเดียว ด้วยกองทัพที่เหนือกว่าชนิดเทียบกันไม่ได้ (เสมือนฝูงหมาป่าหิวโซรุมกันขย้ำลูกแกะ ยังไงยังงั้น) ผลของสงครามทำให้จีนต้องสูญเสียดินแดนโดยเฉพาะด้านชายฝั่งทะเลตะวันออกจำนวนมากในรูปของเขตเช่าให้กับบรรดานักล่าอาณานิคมเหล่านี้ และก็มีการบีบคั้นคุกคามยึดเอาแผ่นดินเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ซึ่งก็มีญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศเดียวในเอเซียที่สามารถพัฒนาประเทศได้ทันกับชาติตะวันตกเข้ามาร่วมกินโต๊ะจีนด้วยอีกรายหนึ่ง เจตนารมณ์ของญี่ปุ่นนั้นไม่ได้ต้องการจะขอส่วนแบ่งจากชาติตะวันตกแต่ต้องการยึดครองประเทศจีน และประเทศอื่นๆในเอเซียตะวันออกเป็นของตนทั้งหมด และทำให้เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาในเวลาต่อมา (สงครามโลกครั้งที่สองในภาคพื้นเอเชียที่ญี่ปุ่นเป็นกำลังหลักในการต่อสู้กับฝ่ายสัมพันธมิตร)
รูปที่ 3 สวนสาธารณะประชาชนสวนนี้เมื่อสมัยอาณานิคม อยู่ในเขตเช่าของอังกฤษ อังกฤษทำเป็นสโมสรสำหรับพักผ่อน และติดป้าย “ ห้ามหมาและคนจีนเข้า” หลังจากกองทัพประชาชนจีนปลดปล่อยเซี่ยงไฮ้จากอังกฤษแล้ว จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นสวนสาธารณะประชาชน
เซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นเมืองท่าใหญ่และเป็นศูนย์กลางความเจริญในทุกๆด้านของจีน จึงหนีไม่พ้นต้องตกอยู่ภายใต้การยึดครองของบรรดานักล่าอาณานิคมต่างๆในรูปของเขตเช่า เช่นเขตเช่าฝรั่งเศส เขตเช่าอังกฤษ เขตเช่ารวม ฯลฯ พวกนักล่าอาณานิคมเหล่านี้เข้ามาตักตวงหาผลประโยชน์ในเซี่ยงไฮ้กันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการค้า อุตสาหกรรมการลงทุน ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย เช่นโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยสารพิษทำลายสิ่งแวดล้อมก็ย้ายจากประเทศของตัวเองเอามาตั้งไว้ในจีนแทน ฯลฯ สถานเริงรมย์ บ่อนการพนัน ยาเสพติด ซ่องโสเภณี ฯลฯ สารพัดเรื่องเลวร้ายหลายๆเรื่องที่ไม่ทำในแผ่นดินบ้านเกิดของตัวเองก็เอามาทำกันที่นี่ พวกนักล่าอาณานิคมปฏิบัติต่อคนจีนราวกับไม่ใช่คน ที่แสดงให้เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ สถานที่สวยงาม สถานที่ท่องเที่ยว หรือสิ่งก่อสร้างใดๆที่พวกต่างชาติพอใจใช้เป็นส่วนตัวก็จะติดประกาศว่า “หมาและคนจีนห้ามเข้า” เกลื่อนไปหมดในเซี่ยงไฮ้ ทำให้คนจีนคับแค้นใจมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ตามในท่ามกลางสภาพความปั่นป่วนวุ่นวายและสับสนนี้ทำให้มีโอกาสที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวได้อย่างรวดเร็วสำหรับคนที่มองเห็นช่องทางและมีความสามารถที่จะฉวยโอกาสได้ทัน เพราะเศรษฐกิจทั้งใต้ดินบนดินเคลื่อนไหวคึกคักมีเงินถูกกฎหมายและผิดกฎหมายหมุนเวียนมากมายมหาศาล จึงเกิดมีกลุ่มแก็งค์นักเลงอันธพาลทั้งท้องถิ่นและข้ามชาติขึ้นมากมาย เป็นเรื่องปกติที่มีการฆ่ากันตายมากมายหลายศพทุกวันในเซี่ยงไฮ้ และนี่เป็นสภาพบรรยากาศและฉากหลังของของเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้ดังที่จะกล่าวต่อไป
สอง เนื้อเรื่องในภาพยนตร์
รูปที่ 4 ต่อสู้เผด็จการ ต่อต้านคอรัปชั่น ขับไล่ต่างชาติออกไปจากแผ่นดินจีน
พระเอกในเรื่องคือสี่เหวินเฉียง เป็นคนมีอดีตที่สูญเสียและเจ็บช้ำ ซึ่งเขาอยากจะลืมให้หมด เขาเคยเป็นนักศึกษาผลการเรียนระดับเกียรติยมของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง แต่ด้วยอุดมการณ์รักชาติบ้านเมือง และความร้อนแรงของอารมณ์ในวัยหนุ่ม จึงได้เข้าร่วมกลุ่มเป็นผู้นำในการประท้วงความไม่เป็นประชาธิปไตย ต่อต้านคอรัปชั่น และเรียกร้องให้ขับไล่บรรดาประเทศจักรวรรดินิยมต่างชาติ นักล่าเมืองขึ้นทั้งหลายที่กำลังรุมกินโต๊ะประเทศจีนอยู่ในขณะนั้นออกไปพ้นแผ่นดินจีนให้หมด ผลที่ได้รับคือนักศึกษาถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายจนบาดเจ็บลัมตายและถูกจับกุมคุมขังเป็นจำนวนมาก นักศึกษาสาวเพื่อนสนิทซึ่งเป็นคนรักของเขาถูกทหารรัฐบาลตีจนตายในที่ประท้วงนั้นเอง ตัวเขาก็ถูกจับเข้าคุก 3 ปี
รูปที่ 5 นักศึกษาสาวเพื่อนสนิทของพระเอกถูกทหารตีตายในสถานที่ประท้วงนั้นเอง ตัวพระเอกถูกจับขังคุก 3 ปี
เมื่อสี่เหวินเฉียงออกมาจากคุกเขาพยายามลืมความหลังที่เจ็บปวดทั้งหมด เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาได้ทำมานั้นล้วนไร้สาระ เขาได้เสียสละให้กับอุดมการณ์ความรักชาติมากเกินไป เขาจะไม่ทำเช่นนั้นอีก และมุ่งหน้าไปแสวงหาชีวิตใหม่ที่เซี่ยงไฮ้ นครใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดทางเศรษฐกิจของจีนซึ่งขณะนั้นอยู่ในสภาพเป็นเขตปกครองของบรรดาประเทศนักล่าอาณานิคมชาติต่างๆ เขาตั้งใจว่าที่นี่เขาจะทำเพื่อตัวเองเท่านั้นจะไม่คิดถึงคุณธรรมความดีและชาติบ้านเมืองอีกต่อไป
ในวันที่เขามาถึงวันแรกก็ได้พบกับติงลี่คนหนุ่มหาบสาลี่ขายจากสลัมในย่านชานเมืองเซี่ยงไฮ้ เขาได้ขอไปพักในบ้านสลัมของติงลี่ก่อนเพื่อติดตามหาฟางเยี่ยนเหวินเพื่อนเก่าของเขาที่มาอยู่ในเซี่ยงไฮ้ก่อนหน้านี้ ติงลี่ให้การต้อนรับเขาเป็นอย่างดี เขาพบว่าติงลี่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นอย่างฝงจิ้งเหยา ซึ่งเป็นผู้ทีมีอิทธิพลมากที่สุดในเซี่ยงไฮ้ส่วนที่เป็นเขตเช่าของฝรั่งเศสในขณะนั้น
รูปที่ 6 บ้านในสลัมของติงลี่ เขาใฝ่ฝันอยากจะเป็นอย่างฝงจิ้งเหยาซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเขตเช่าฝรั่งเศสในขณะนั้น เขาตัดรูปฝงจิ้งเหยาติดไว้ที่ข้างฝาบ้าน และบอกสี่เหวินเฉียงว่า ฝงจิ้งเหยาก็เคยเป็นคนยากจนขายสาลี่หาบเร่ในวัยหนุ่มเช่นเดียวกัน
ฟางเยี่ยนเหวินดีใจมากที่ได้พบสี่เหวินเฉียงผู้ชายที่เธอรักมาตลอดชีวิต เธอรู้สึกแปลกใจที่สี่เหวินเฉียงเปลี่ยนแปลงไปมากจากคนที่เอ่ยปากแต่ละคำก็มีแต่คำว่าเสียสละ อดทน ทำเพื่อชาติบ้านเมือง กลายมาเป็นคนที่มุ่งหน้าแต่จะหาความก้าวหน้าในชีวิตที่เซี่ยงไฮ้ สี่เหวินเฉียงเพียงบอกเธอว่า “ทุกอย่างที่ฉันเคยทำมันไร้สาระ ฉันเสียสละให้มันมากเกินไป อย่าไปพูดถึงมันอีกเลย ฉันอยากเริ่มต้นใหม่ในเซี่ยงไฮ้” ขณะนั้นฟางเยี่ยนเหวินมีอาชีพเป็นหญิงโสเภณีชั้นสูงที่โด่งดังในนครเซี่ยงไฮ้แล้ว เธอมีลูกค้าขาประจำที่เป็นบุคคลมั่งคั่งร่ำรวยและมีอิทธิพลเป็นจำนวนมาก สี่เหวินเฉียงขอพักอาศัยอยู่กับเธอที่บ้านของเธอก่อน ซึ่งเธอตกลงและยังช่วยหางานให้สี่เหวินเฉียงทำอีกด้วย โดยสี่เหวินเฉียงได้ไปทำงานเป็นผู้จัดการโรงหนังเหม่ยหัวให้กับเถ้าแก่หลี่ซึ่งเป็นลูกค้าคนหนึ่งของฟางเยี่ยนเหวิน
รูปที่ 7 ฟางเยี่ยนเหวินดีใจมากที่ได้พบผู้ชายที่เธอรักมาตลอด สี่เหวินเฉียงขอพักอยู่ที่บ้านเธอก่อนซึ่งฟานเยี่ยนเหวินยินดีให้ความช่วยเหลือเขาและยังช่วยหางานให้เขาทำอีกด้วย
สี่เหวินเฉียงสามารถสร้างผลงานดีเด่นเป็นที่พอใจของเถ้าแก่หลี่มาก เช่นเขาสามารถแก้ปัญหาการถูกนักเลงโรงหนังข้างเคียงข่มขู่คุกขามได้อย่างเรียบร้อย สามารถนำฟีล์มหนังที่ถูกบุกแย่งคืนไปได้จากหัวหน้าแก็งค์ที่ขโมยไปได้ด้วยตัวเขาคนเดียวโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อใดๆ ผลงานครั้งนี้ทำให้สี่เหวินเฉียงมีชื่อเสียงขึ้นมาในวงการนักเลงในเซี่ยงไฮ้ว่าเป็นคนหนุ่มที่เฉลียวฉลาด และมีความกล้าหาญเป็นเยี่ยม
จากความสามารถของสี่เหวินเฉียงทำให้อาปิ่งลูกน้องเก่ามือขวาของเถ้าแก่หลี่ไม่พอใจและจ้างมือปีนคนนอกมาดักสังหารสี่เหวินเฉียง คนที่ถูกจ้างมาเผอิญเป็นติงลี่ซึ่งเมื่อพบว่าเป้าหมายเป็นสี่เหวินเฉียงเขาจึงชะงักการลงมือและทำงานไม่สำเร็จ เขาถูกอาปิ่งตามฆ่าปิดปากจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่สี่เหวินเฉียงก็ตามไปช่วยมาได้ จากนั้นสี่เหวินเฉียงก็ชวนติงลี่มาพักอาศัยทำงานเป็นผู้ช่วยเขา ติงลี่บอกว่าเขาไม่ได้เรียนหนังสือทำอะไรก็ไม่เป็นจะช่วยอะไรสี่เหวินเฉียงได้ สี่เหวินเฉียงบอกว่าไม่เป็นไร ติงลี่เป็นคนฉลาดเขาจะสอนติงลี่เอง ต่อไปพวกเขาสองคนจะยิ่งใหญ่เหมือนฝงจิ้งเหยา
สี่เหวินเฉียงดำเนินแผนการต่อด้วยเล่ห์เหลี่ยมเชิงชั้นที่แยบยล จนสามารถทำให้อาปิ่งลงมือสังหารเถ้าแก่หลี่ได้ จากนั้นสี่เหวินเฉียงก็สังหารอาปิ่ง เมื่อโรงหนังเหม่ยหัวขาดผู้นำ บรรดานักเลงในแก็งค์จึงพากันยกให้สี่เหวินเฉียงเป็นผู้บริหารโรงหนังเหม่ยหัวคนต่อไป ถึงจุดนี้สี่เหวินเฉียงและติงลี่ก็สามารถสร้างอาณาจักรเล็กๆของตนเองขึ้นมาได้แล้ว
จากการที่ทั้งสองคนเข้าครอบครองเป็นผู้บริหารโรงหนังเหม่ยหัวทำให้ได้มีโอกาสรู้จักกับฝงจิ้งเหยาซึ่งเป็นผู้มีอิทธิเก็บค่าคุ้มครองโรงหนังเหม่ยหัวอยู่ ฝงจิ้งเหยาได้ฟังเรื่องราวของสี่เหวินเฉียงมาว่าเป็นคนหนุ่มมีการศึกษาดี เฉลียวฉลาด เก่งกล้าสามารถจึงให้ความสนใจและแวะไปที่โรงหนังด้วยตนเองแต่ไม่พบ จึงได้เชิญทั้งสองคนไปร่วมงานปาร์ตี้ที่เขาจัดขึ้น ในงานปาร์ตี้เมื่อเฝิงจิ้งเหยาได้พบกับสี่เหวินเฉียงและติงลี่ เขาก็รู้สึกถูกชะตาชอบใจคนหนุ่มทั้งสองคนนี้ และก็พอดีมีเรื่องเกิดขึ้นกับแขกที่มาในงานซึ่งเป็นเพื่อนของฝงจิ้งเหยาซึ่งถูกตำรวจสอบสวนกลางของทางการจีนที่อยู่นอกเขตเซี่ยงไฮ้ติดตามจับกุมอยู่ในข้อหา “ขายชาติ” แม้จะเข้ามาในบ้านของฝงจิ้งเหยาไม่ได้แต่ก็ล้อมบ้านไว้เพื่อรอจับกุม สี่เหวินเฉียงจึงอาสาจัดการกับเจ้าหน้าที่ที่ล้อมนอกบ้านทั้งหมดให้ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฝงจิ้งเหยาดีมากขึ้นอีก ฝงจิ้งเหยาออกปากชวนให้ทั้งสองคนมาทำงานกับเขา แต่สี่เหวินเฉียงบอกว่าเขาอยากจะค่อยๆเรียนรู้งาน และไต่เต้าสร้างฐานะของเขาขึ้นมาเอง ซึ่งฝงจิ้งเหยาก็ไม่ว่าอะไรและคอยให้การสนับสนุนกิจการของสี่เหวินเฉียงอยู่ห่างๆ
รูปที่ 8 ฉิงฉิงลูกสาวของฝงจิ้งเหยา เดินทางกลับเซี่ยงไฮ้พร้อมกับเฉินฮั่นหลินเพื่อนนักเรียน และถูกมือปืนจับเป็นตัวประกันเมื่อแผนสังหารพ่อของเฉินฮั่นหลินล้มเหลว สี่เหวินเฉียงอาสาเข้าไปเจราจาและสามารถช่วยฉิงฉิงออกมาได้
ในระหว่างช่วงเวลานี้เอง เจ้าหน้าที่กงสุลฝรั่งเศสต้องการกว้านซื้อที่ดินผืนใหญ่ในเขตเช่าฝรั่งเศสแต่ติดปัญหาที่มีเจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งไม่ยอมขายไม่ว่าจะเสนอราคาเท่าใดก็ตาม ทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ของคนฝรั่งเศสเดินหน้าไม่ได้ เขาจึงขอให้ฝงจิ้งเหยาช่วยเจรจาซึ่งก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน ฝงจิ้งเหยาจึงใช้วิธีการจ้างมือปืนรับจ้างอาชีพภายนอกไปดักฆ่าเจ้าของโรงงานแห่งนี้ ซึ่งก็พอดีที่ลูกชายของเจ้าของโรงงานคือเฉินฮั่นหลิน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับฉิงฉิง ลูกสาวของฝงจิ้งเหยาและเรียนโรงเรียนเดียวกันด้วย ทั้งสองคนเดินทางกลับจากสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปลายพร้อมกัน ฝงจิ้งเหยาชวนสี่เหวินเฉียงที่เผอิญไปหาฝงจิ้งเหยาที่บ้านมาด้วยกัน ที่สถานีรถไฟสี่เหวินเฉียงสังเหตุเห็นมือปืนซ่อนปืนไว้ในมือเดินเข้ามาทางกลุ่มผู้ที่มารอรับจึงได้เข้าขัดขวางทำให้มือปืนทำงานไม่สำเร็จ มือปีนจึงจับฉิงฉิงที่เดินอยู่ใกล้ตัวไว้เป็นตัวประกัน สี่เหวินเฉียงได้อาสาเป็นผู้เจราจาต่อรองกับมือปืนอย่างสุขมรอบคอบ และชาญฉลาด จนสามารถช่วยฉิงฉิงออกมาได้
รูปที่ 9 ความรักระหว่างสองหนุ่มสาว สี่เหวินเฉียง กับ ฉิงฉิง เป็นโศกนาฏกรรมที่ผู้ชมส่วนใหญ่ยังคงร่วมเสียใจด้วยกับรักที่ไม่สมหวัง และจุดจบที่น่าเศร้าสลดของหนุ่มสาวทั้งสอง
ฉิงฉิงประทับใจในตัวสี่เหวินเฉียงมาก จากนั้นสองหนุ่มสาวก็มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากขึ้นแม้ว่าสี่เหวินเฉียงจะพยายามควบคุมตัวเองและปฏิเสธความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดไม่ให้เกิดขึ้นแต่ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถห้ามหัวใจตนเองได้จนกลายเป็นความรักที่ซาบซึ้งผูกพันระหว่างกันขึ้นในที่สุด
ในระหว่างนั้นติงลี่เกิดไปหลงรักผู้หญิงที่เป็นเมียเก็บของนักเลงเจ้าถิ่นใกล้เคียงเข้าและเกิดปัญหาถึงขนาดไปฆ่านักเลงคนนั้นตาย ทำให้กลุ่มแก็งค์ต่างๆพากันใช้เป็นข้ออ้างร่วมมือกันกวาดล้างแก็งค์ของสี่เหวินเฉียงและติงลี่ โดยฝงจิ้งเหยาไม่สามารถยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือได้ เนื่องจากเป็นประเพณีปฏิบัติในวงการนักเลงเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น และสี่เหวินเฉียงก็ไม่ใช่คนของเขาอีกด้วย เขาได้แต่ปรามว่าขอให้พวกแก็งค์ต่างๆพยามเว้นชีวิตคนแซ่สี่ไว้เท่านั้น
พวกแก็งค์ต่างๆลงมือรวดเร็วมากในการกวาดล้างแก็งค์ของสี่เหวินเฉียง เหตุการณ์ในตอนนี้แสดงให้เห็นถึงคุณธรรมน้ำมิตรที่เป็นข้อยึดเหนี่ยวสำคัญของโลกตะวันออก และแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนมีคุณธรรมของสี่เหวินเฉียง ในภาวะอับจนดังกล่าวสี่เหวินเฉียงตัดใจได้และบอกกับติงลี่ว่า “ไม่เป็นไร ไหนไหนเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราสองคนจะรับมันด้วยกัน” ทั้งสองต้องหลบซ่อนด้วยความยากลำบาก จนในที่สุดฝงจิ้งเหยาก็ออกหน้าช่วยเหลือคนทั้งสองโดยรับเข้ามาทำงานให้กับเขา ทำให้แก็งค์ต่างๆต้องเลิกความพยายามในการติดตามสังหารคนทั้งสอง
ในการเข้ามาทำงานกับฝงจิ้งเหยาครั้งนี้ คนหนุ่มทั้งสองได้แสดงความสามารถและผลงานที่ยอดเยี่ยมในการทำงานให้สำเร็จได้ ทำให้ฝงจิ้งเหยาพอใจและไว้วางใจพวกเขามาก สี่เหวินเฉียงสามารถเจรจากับฝรั่งต่างชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และการจัดการกับนักเลงกลุ่มอื่นๆที่แข็งข้อได้อย่างดีโดยมีติงลี่เป็นกำลังสำคัญในการทำงาน ในระหว่างนั้นฝงจิ้งเหยาต้องการเข้าไปรับสัมปทานกิจการสาธารณูปโภคน้ำประปา แต่ก็ถูกฝรั่งอังกฤษหักหลังทำให้มีเรื่องขัดแย้งกัน แต่สี่เหวินเฉียงสามารถจัดการให้พวกอังกฤษต้องยอมทำตามสัญญาที่ให้ไว้ด้วยการมอบสัมปทานกิจการน้ำประปาให้ฝงจิ้งเหยา
ในระหว่างนี้ก็มีเรื่องต่างๆเข้ามาทำให้สี่เหวินเฉียงไม่สบายใจและมีปัญหาคุกรุ่นภายในกับฝงจิ้งเหยามากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องแรกก็คือหลูเชาเผิง เพื่อนเก่าของสี่เหวินเฉียงคนหนึ่งที่เคยต่อสู้ร่วมอุดมการณ์รักชาติมาด้วยกันสมัยเป็นนักศึกษา เขามาทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์ในเซี่ยงไฮ้ หลูเชาเผิงเป็นคนตรงที่ไม่ยอมก้มหัวให้อิทธิพลและอำนาจเงิน เขาเกาะติดและเขียนบทความโจมตีพฤติกรรมที่เลวร้ายของเฝิงจิ้งเหยา แม้สี่เหวินเฉียงจะพยายามเตือนให้เขาหยุดก็ตาม เรื่องสุดท้ายที่ทำให้ฝงจิ้งเหยาโกรธมากก็คือ เขาเขียนบทความโจมตีสี่เหวินเฉียงและฝงจิ้งเหยาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการล้มบอลที่ทำให้ทีมฟุตบอลญี่ปุ่นชนะทีมฟุตบอลจากอังกฤษได้ ทำให้ฝงจิ้งเหยาส่งคนไปสังหารหลูเชาเผยเสียชีวิต
ปัญหาต่อมาก็คือสหรัฐอเมริกาไม่ชอบใจประวัติที่อื้อฉาวของฝงจิ้งเหยา จึงขัดขวางไม่ให้ฝงจิ้งเหยาได้รับเลือกเป็นประธานคนจีนในเขตเช่ารวม ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ฝงจิ้งเหยาต้องการมาก ฝงจิ้งเหยาจึงต้องสานสัมพันธ์กับฝ่ายญี่ปุ่นซึ่งกำลังต้องการเข้ามามีอิทธิพลในเซี่ยงไฮ้มากขึ้น และมีเป้าหมายไกลไปถึงขนาดต้องการยึดครองประเทศจีนทั้งประเทศ
รูปที่ 10 คุณนายทากามาดะ นักธุรกิจผู้มีชื่อเสียงชาวญี่ปุ่น (เธอเป็นคนจีนแต่เติบโตในญี่ปุ่น) เบื้องหลังของเธอคือ ซากายูริ ผู้นำคนสำคัญคนหนึ่งของแก็งค์มังกรฟ้า ซึ่งเป็นองค์การลับของญี่ปุ่นซึ่งทำหน้าที่แทรกซึมเข้ามาในประเทศจีน และเธอยังเป็นมือสังหารชั้นยอดที่ได้ฆ่าคนจีนผู้รักชาติไปแล้วเป็นจำนวนมากอีกด้วย
ฝงจิ้งเหยาสร้างความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นทั้งทางการค้า และการประสานอิทธิพลเข้าด้วยกันโดยมีข้อแลกเปลี่ยนสำคัญคือให้ญี่ปุ่นช่วยสนับสนุนตนให้ได้ตำแหน่งประธานคนจีนในเขตเช่ารวม ซึ่งสหรัฐอเมริกาขัดขวางเขาอยู่ ประเด็นขัดใจครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อสายลับญี่ปุ่นที่มาเจรจางานกับสี่เหวินเฉียงถูกชาวจีนผู้รักชาติจากสำนักจิงอู่บุกสังหารแต่พลาดท่า ทำให้ญี่ปุ่นชักปืนจะยิงคนจีนผู้รักชาติคนนั้น สี่เหวินเฉียงจึงต้องลงมือช่วยคนจีนคนนั้นทำให้พวกญี่ปุ่นโกรธมาก เมื่อฝงจิ้งเหยาถามว่าทำไมถึงทำโง่ๆแบบนั้น เขาตอบว่า “ผมทนเห็นญี่ปุ่นฆ่าคนจีนตายต่อหน้าต่อตาไม่ได้”
เรื่องสำคัญที่สุดที่ทำให้สี่เหวินเฉียงทนไม่ได้อีกต่อไป ทั้งที่กำลังใกล้ถึงวันแต่งงานระหว่างเขากับฉิงฉิงแล้วก็ตาม คือการที่ฝงจิ้งเหยาสบคมกับญี่ปุ่นลักลอบนำอาวุธสงครามเข้ามาในประเทศจีน สี่เหวินเฉียงรู้ดีว่าอาวุธสงครามเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ฆ่าชาวจีนผู้รักชาติในพื้นที่ต่างๆที่ญี่ปุ่นกำลังขยายอิทธิพลรุกรานจีนอยู่ และที่สำคัญก็คืออาวุธล็อตแรกที่นำเข้ามานี้จะถูกนำไปใช้ฆ่าผู้คนในสำนักมวยจิงอู่ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้รักชาติที่ทำการต่อสู้กับอิทธิพลของญี่ปุ่นที่แทรกซึมเข้ามาในเซี่ยงไฮ้มาโดยตลอด สี่เหวินเฉียงแอบประสานงานกับเฉินฮั่นหลินซึงเป็นตำรวจสันติบาลในขณะนั้นให้หาทางจัดการกับอาวุธสงครามเหล่านั้นเสีย ซึ่งเฉินฮั่นหลินได้แอบเข้าไปเก็บอาวุธเหล่านั้นไปหมดแล้ว แต่เนื่องจากเขายังต้องการกวาดล้างแก็งค์มังกรฟ้า (องค์กรลับของญี่ปุ่น) ไปด้วยพร้อมกัน จึงบอกให้สำนักจิงอู่นำคนเข้ามาล้อมทำร้ายพวกญี่ปุ่นโดยไม่ทราบว่าสี่เหวินเฉียงก็อยู่ที่นั่นด้วย ผลการปะทะคือพวกญี่ปุ่นเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคุณนายทากาดามิหรือ (ซากายูริ ผู้นำคนสำคัญคนหนึ่งของแก็งค์มังกรฟ้าและยอดมือสังหารของญี่ปุ่นซึ่งได้ฆ่าคนจีนผู้รักชาติไปแล้วเป็นจำนวนมาก) เรื่องนี้ทำให้ฝงจิ้งเหยาและญี่ปุ่นโกรธมาก ฝงจิ้งเหยาสั่งการให้ฆ่าสี่เหวินเฉียงทันท
สี่เหวินเฉียงได้รับบาดเจ็บและหนีไปซ่อนตัวที่สลัมบ้านเดิมของติงลี่ ติงลี่ตามไปแต่ไม่ฆ่าสี่เหวินเฉียงเขาเพียงตัดนิ้วก้อยไปให้ฝงจิ้งเหยา และยังให้เงินติดกระเป๋าและตั๋วรถไฟหนีออกจากเซี่ยงให้สี่เหวินเฉียงด้วย ฝงจิ้งเหยาโกรธติงลี่มากแต่ก็ไม่ฆ่าเขาเพราะยังเห็นความจำเป็นและประโยชน์ของติงลี่อยู่
รูปที่ 11 ฉิงฉิงไม่เชื่อว่าสี่เหวินเฉียงตายแล้ว เธอไปหาสี่เหวินเฉียงที่ฮ่องกงจนพบ สี่เหวินเฉียงต้องพามาที่บ้านเขาเพื่อให้ฉิงฉิงเชื่อว่าเขาแต่งงานแล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากฉิงฉิงกลับไม่นาน ฝงจิ้งเหยาซึ่งให้คนสะกดรอยฉิงฉิงตลอดก็ส่งมือสังหารมาฆ่าครอบครัวของสี่เหวินเฉียงตายหมด
ที่ฮ่องกงสี่เหวินเฉียงได้พบกับอาตี้และครอบครัว สี่เหวินเฉียงมองไม่เห็นอนาคตที่จะได้กลับไปเซี่ยงไฮ้อีก และพร้อมกันนั้นก็ตัดสินใจและต้องการจะใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบสมถะที่ฮ่องกง เขาจึงแต่งงานกับอาตี้ผู้หญิงพื้นบ้านที่น่ารักและมีอุปนิสัยดีงามที่พบที่นั่น ฉิงฉิง ไม่เชื่อว่าสี่เหวินเฉียงเสียชีวิตแล้วจนกระทั่งเดินทางไปฮ่องกงและพบว่าสี่เหวินเฉียงยังไม่ตายและได้แต่งงานแล้ว เธอพยายามตัดใจจากเขา แต่ก็ยังไม่สามารถรับรักจากติงลี่ที่แอบหลงรักเธอมานานแล้วได้อยู่ดี
อย่างไรก็ตามฝงจิ้งเหยายังคงอาฆาตสี่หวินเฉียงอยู่ และส่งมือปืนรับจ้างบุกไปฆ่าสี่เหวินเฉียงซึ่งเผอิญไม่อยู่บ้าน พวกมือปีนฆ่าอาตี้ น้องชายและ พ่อของอาตี้ตายอย่างทารุณ ทำให้สี่เหวินเฉียงเสียใจมากอีกครั้งหนึ่ง ทั้งๆที่เขาต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแล้วแต่ฝงจิ้งเหยาก็ยังตามมาทำร้ายเขาอีก เขาตั้งปฏิญาณว่า เขาจะต้องล้างแค้นฝงจิ้งเหยาให้ได้
รูปที่ 12 เนี๊ยเหยินหวังเป็นผู้ที่เข้ามาทาบรัศมีฝงจิ้งเหยาในเซี่ยงไฮ้ เขามีนายทหารในกองทัพจีนหนุนหลัง เอ่ยอ้างอุดมการณ์รักชาติบังหน้า แต่แท้จริงก็หวังผลประโยชน์ส่วนตัวไม่ต่างกับฝงจิ้งเหยา สี่เหวินเฉียงอาสาเข้ามาทำงานให้เขาเพื่อเป็นโอกาสที่จะได้แก้แค้นฝงจิ้งเหยาได้
ในช่วงเวลานั้นมีผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งจากปักกิ่งคือ เนี๊ยเหยินหวัง ต้องการเข้ามายึดครองพื้นที่ในเซี่ยงไฮ้แข่งกับฝงจิ้งเหยา คนคนนี้มีกองทัพจีนหนุนหลังและอ้างอุดมการณ์รักชาติบังหน้า แต่จิตใจจริงแท้ก็ไม่ได้ต่างจากฝงจิ้งเหยา สี่เหวินเฉียงจึงได้โอกาสกลับมาเซี่ยงไฮ้อีกครั้งโดยมาทำงานให้กับเนี๊ยเหยินหวัง ด้วยความที่สี่เหวินเฉียงรู้จุดอ่อนในกิจการของฝงจิ้งเหยาและกลไกการทำงานของฝงจิ้งเหยาเป็นอย่างดี เขาจึงสามารถช่วยเนี๊ยเหยินหวังค่อยๆทำลายกิจการค้า และอิทธิพลของฝงจิ้งเหยาให้ลดน้อยถอยลงเรื่อยๆได้
ติงลี่พยายามสร้างความสัมพันธ์กับฉิงฉิง เอาอกเอาใจดูแลนางอย่างดีที่สุด แล้วโอกาสของเขาก็มาถึงเมื่อพวกของเนี๊ยเหยินหวังวางแผนสังหารฝงจิ้งเหยา แต่กลับเป็นติงลี่และฉิงฉิงอยู่ในรถ ติงลี่ต่อสู้ปกป้องฉิงฉิงจนตัวเองได้รับบาดเจ็บเกือบเอาชีวิตไม่รอด ก่อนเขาจะเข้าสู่ห้องผ่าตัดนั้นเขาขอฉิงฉิงว่าถ้าเขาไม่ตายขอให้ฉิงฉิงยอมแต่งงานกับเขา ซึ่งฉิงฉิงรับปากเขาด้วยความสงสาร
รูปที่ 13 เมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆ สี่เหวินเฉียงกลับทำใจไม่ได้ เขาวิ่งไปที่งานแต่งงานของติงลี่กับฉิงฉิง และพยายามขอให้ฉิงฉิงเปลี่ยนใจแต่ไม่สำเร็จ
แม้ว่าฉิงฉิงจะแต่งงานกับติงลี่แล้ว แต่ในใจลึกๆนางก็ยังลืมสี่เหวินเฉียงไม่ได้ ในขณะเดียวกันติงลี่เองก็ไม่พอใจที่ได้พบความจริงข้อนี้ แต่แทนที่เขาจะใจเย็นๆค่อยๆปรับความเข้าใจกันเขากลับแสดงอาการหึงหวงและพูดจารุนแรงแสดงอาการไม่สุภาพกับฉิงฉิงอยู่บ่อยๆ ดังนั้นขณะที่ฉิงฉิงเองพยายามทำใจและพยายามปฏิบัติต่อติงลี่ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพบกับพฤติกรรมหึงหวงก้าวร้าวเกินเหตุเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจึงทำให้เธอเลิกคิดที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสกับสามี ในที่สุดทั้งสองคนก็แยกกันอยู่และไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศต่อกันเลย เพียงเป็นสามีภรรยาในนามเท่านั้น
รูปที่ 14 สี่เหวินเฉียงทำการปลุกระดมนักศึกษาในเซี่ยงไฮ้ และสหภาพแรงงานต่างๆให้ทำการประท้วงต่อต้านฝงจิ้งเหยาในฐานที่เขาเป็นสุนัขรับใช้ญี่ปุ่นในการเข้ามารุกรานยึดครองแผ่นดินจีนและเข่นฆ่าคนจีน
ด้วยอำนาจอิทธิพลที่เนี๊ยเหยินหวังมีอยู่ร่วมกับแผนการต่างๆของสี่เหวินเฉียงซึ่งรู้ข้อมูลภายในทางธุรกิจของฝงจิ้งเหยาเป็นอย่างดี พวกเขาสามารถสลายอิทธิพลบารมีของฝงจิ้งเหยาลงได้เรื่อยๆ ทางด้านการเมืองและภาพพจน์พวกเขาก็สามารถปลุกปั่นบรรดานิสิตนักศึกษา และสหภาพแรงงานต่างๆให้ออกมาเดินขบวนต่อต้านและประจานว่าฝงจิ้งเหยาเป็นคนขายชาติ เป็นสุนัขรับใช้ญี่ปุ่นเข่นฆ่าคนจีน ออกข่าวและบทความทางหนังสือพิมพ์เปิดโปงพฤติกรรมมาเฟียผิดกฎหมายต่างๆของฝงจิ้งเหยา ด้านการเงินก็ปล่อยข่าวทำลายความเชื่อถือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ของฝงจิ้งเหยาและประสานกับธนาคารต่างๆ ไม่ให้ปล่อยสินเชื่อให้ฝงจิ้งเหยา ที่สำคัญคือพยายามบีบคั้นให้ฝงจิ้งเหยาลงมือใช้กำลังบุกสังหารเนี๊ยเหยินหวัง ซึ่งติงลี่คัดค้านไม่เห็นด้วย แต่ฝงจิ้งเหยาก็ยังคงดำเนินการ ซึ่งแน่นอนมีการวางแผนตั้งรับไว้แล้วเป็นอย่างดี การลอบสังหารครั้งนี้เป็นการบุกสังหารในงานเลี้ยงระดับนานาชาติซึ่งทำไม่สำเร็จและมีพยานหลักฐานโยงไปถึงฝงจิ้งเหยา ทำให้ฝรั่งเศสเนรเทศฝงจิ้งเหยาออกจากเขตเช่าฝรั่งเศสและเป็นการสิ้นสุดความรุ่งโรจน์ในชีวิตของฝงจิ้งเหยา
รูปที่ 15 ติงลี่เปิดโอกาสให้สี่เหวินเฉียงเข้าถึงตัวฝงจิ้งเหยาได้ แต่ก็ให้โอกาสทั้งสองคนดวลปืนกันแบบรัสเซี่ยน รูเล็ต จนกระทั่งฝงจิ้งเหยาถูกสี่เหวินเฉียงยิงเสียชีวิตด้วยกระสุนนัดสุดท้ายที่อยู่ในวงรอบของเขา
ในสภาพการหมดสิ้นอำนาจและอิทธิพลของฝงจิ้งเหยานั้น ติงลี่ก็แสดงตัวตนจริงๆของเขาที่ซ่อนอยู่โดยไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเหนือชั้นกว่าที่ทุกๆคนคิดไว้มากนัก แม่เขา สี่เหวินเฉียง ฝงจิ้งเหยา ผู้คนรอบกายเขา ล้วนมีความเห็นว่าเขาเป็นคนบุ่มบ่ามทำอะไรไม่ค่อยยั้งคิด มักชอบใช่แต่กำลัง ไม่ฉลาดนัก คนที่รักเขาโดยเฉพาะแม่เขาและสี่เหวินเฉียงถึงกับกังวลว่าเขาจะดูแลชีวิตตัวเองต่อไปให้ดีได้อย่างไร? แต่เมื่อถึงเวลาที่ฝงจิ้งเหยาหมดสภาพลงและเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมแล้ว ติงลี่ก็แสดงตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมา เขาลอบยักยอกเงินทองทรัพย์สมบัติ โฉนดที่ดินต่างๆของฝงจิ้งเหยาเอาไว้เป็นของเขาเองจำนวนมาก รวมทั้งสร้างเครือข่ายขุมกำลังของตัวเองเอาไว้ด้วย แต่ฝงจิ้งเหยาก็ไม่ทำอะไรติงลี่เพราะไม่อยากให้ลูกสาวเขาเป็นหม้าย นอกจากนี้เขายังขอให้ฝงจิ้งเหยาเซ็นมอบอำนาจการบริหารกิจการทั้งหมดให้เขาด้วยซึ่งฝงจิ้งเหยาไม่ยอมเพราะต้องการให้ติงลี่ถอนตัวออกจากวงการนักเลงเพื่อให้สามารถดูแลลูกสาวของเขาให้มีความสุข
นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่เมื่อสี่เหวินเฉียงมาขอให้เขาเปิดโอกาสให้สี่เหวินเฉียงเข้าถึงตัวฝงจิ้งเหยาได้ เขาจึงเปิดโอกาสด้วยการวางแผนให้สี่เหวินเฉียงมีโอกาสเข้าถึงตัวฝงจิ้งเหยาได้ โดยเขาให้โอกาสทั้งสองคนดวลปืนกันด้วยเกมรัสเซี่ยนรูเล็ต ซึ่งทำให้สี่เหวินเฉียงสามารถสังหารฝงจิ้งเหยาล้างแค้นให้ครอบครัวของเขาได้
รูปที่ 16 หลังจากสังหารฝงจิ้งเหยาแล้ว สี่เหวินเฉียงกลับทำใจไม่ได้และไปของ้อฉิงฉิง ซึ่งแน่นอนฉิงฉิงปฏิเสธ โดยบอกเขาว่าเมื่อตอนที่เขามีโอกาสเขากลับปฏิเสธ แต่ตอนนี้โอกาสไม่มีแล้ว และเธอตัดสินใจเดินทางไปฝรั่งเศส
หลังจากที่สี่เหวินเฉียงฆ่าฝงจิ้งเหยาล้างแค้นได้สำเร็จแล้ว เขากลับควบคุมจิตใจตัวเองไม่ได้และกลับไปตามง้อฉิงฉิงอีก ซึงแน่นอนฉิงฉิงไม่ยอมกลับมาคืนดีกับเขาอีกและตัดสินใจเดินทางไปฝรั่งเศส อย่างไรก็ตามฉิงฉิงยังคงให้เขาไปส่งเธอที่สโมสรละครและยังคงเก็บหนังสือที่มีรูปถ่ายคู่ของทั้งสองคนไว้นำติดตัวไปฝรั่งเศส ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ในเวลาต่อมาให้สี่เหวินเฉียงตัดสินใจตามฉิงฉิงไปฝรั่งเศสก่อนที่เขาจะถูกยิงเสียชีวิตในที่สุด
เมื่อกำจัดฝงจิ้งเหยาแล้วเนี๊ยเหยินหวังก็ไม่เห็นประโยชน์ของ สหภาพแรงงานต่างๆ และพรรคจิงอู่ อีกต่อไป เขาตระบัดคำมั่นสัญญาต่างๆที่เคยให้ไว้กับคนเหล่านี้จนหมดสิ้น ทำการกวาดล้างเข่นฆ่าผู้นำสหภาพแรงงานต่างๆ พรรคจิงอู่ และจะกำจัดสี่เหวินเฉียงเป็นคนต่อไปหลังจากที่ใช้สี่เหวินเฉียงกำจัดติงลี่ลงได้แล้ว ในขณะนั้นเป็นช่วงที่เกิดสุญญากาศขึ้นในเซี่ยงไฮ้จากการล่มสลายของฝงจิ้งเหยาซึ่งเนี๊ยเหยินหวังกำลังก้าวขึ้นมาแทนที่ สี่เหวินเฉียงกับติงลี่จึงได้ตกลงร่วมมือกันสู้กับเนี๊ยเหยินหวังและสามารถสังหารเนี๊ยเหยินหวังได้แต่ก็เป็นสาเหตุให้ฟางเยี่ยนเหวินเสียชีวิต
ภายหลังจากการเสียชีวิตของฝงจิ้งเหยา ฉิงฉิงก็เดินทางไปฝรั่งเศส สี่เหวินเฉียงร่วมกับติงลี่เข้าครองอำนาจในเซี่ยงไฮ้แทนฝงจิ้งเหยาทั้งหมด ติงลี่ได้เป็นประธานคนจีนในเขตเช่ารวมแทนฝงจิ้งเหยา สถานการณ์ในเซี่ยงไฮ้สงบเงียบมาก สี่เหวินเฉียงไม่ต้องการอยู่เซี่ยงไฮ้ต่อไปเพราะเขาคิดจะตามไปง้อฉิงฉิงที่ฝรั่งเศสและเขาคิดว่าถ้าอยู่เซี่ยงไฮ้ต่อไปนานๆอาจเกิดปัญหากับติงลี่ก็ได้เพราะว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ วันสุดท้ายก่อนไปจากเซี่ยงไฮ้เขาไปกินมื้อค่ำฉลองกับติงลี่และบอกติงลี่ว่าเขากำลังจะไปจากเซี่ยงไฮ้แต่ไม่บอกว่าจะไปไหน เมื่อเขาเดินพ้นประตูไนท์คลับออกมา ก็ถูกกลุ่มคนร้ายบนรถเก๋งที่จอดรออยู่วิ่งผ่านมาใกล้และรัวยิงด้วยอาวุธสงครามใส่สี่เหวินเฉียงจนล้มลงและสิ้นใจในวงแขนของติงลี่ที่ตามออกมา ก่อนตายเขาจึงค่อยบอกติงลี่ว่าเขากำลังจะไปฝรั่งเศส
รูปที่ 17 สี่เหวินเฉียงตัดสินใจจะไปจากเซี่ยงไฮ้เพื่อไปหาฉิงฉิง แต่ชะตาชีวิตคนเราหาความเที่ยงแท้แน่นอนอะไรไม่ได้ ทะเลไม่เคยสงบฉันใดการแย่งชิงอำนาจในมวลหมู่มนุษย์ก็ไม่เคยสงบได้เช่นกัน เมื่อสี่เหวินเฉียงเดินพ้นจากประตูไนท์คลับออกมา ก็มีมือสังหารซึ่งน่าจะมีแก็งค์ข้ามชาติร่วมอยู่ด้วยระดมยิงด้วยอาวุธสงครามแล้วหลบหนีไป สี่เหวินเฉียงสิ้นลมในวงแขนของติงลี่พร้อมกับประโยคสุดท้ายที่บอกกับติงลี่ว่าเขากำลังจะไปฝรั่งเศส
สาม ข้อคิดเห็นต่อภาพยนตร์เรื่องนี้โดยทั่วไป
ในประเทศไทยได้มีการนำภาพยนตร์เรื่องนี้มาฉายครั้งแรกทางโทรทัศน์ประมาณปี 1981 จำได้ว่าเป็นหนังชุดที่ฮิตที่สุดในช่วงเวลานั้น พอถึงเวลาประมาณตอนค่ำๆในระหว่างเดินทางกลับบ้าน ผมจะรู้สึกว่าถนนหนทางเงียบลงกว่าปกติและได้ยินเสียงเพลงประกอบภาพยนตร์ (ลอง ปัน หลอง เลา หม่าน เลย โถว โถ้ว ก๊วย สุย หวิน ปั๊ก เยา เพา โจน หลีว ไซ ก๋าน ซี วัน โจว โฮว ...) ดังมาจากบ้านเรือนริมถนน เป็นระยะๆ มีการนำภาพยนตร์เรื่องนี้มาฉายซ้ำอีกหลายครั้ง ทั้งในประเทศไทยและประเทศต่างๆในแถบเอเชียตะวันออก ประเด็นที่น่าพิจารณาคือ “ทำไมภาพยนตร์เรื่องนี้จึงได้รับความนิยมมากขนาดนี้”
ผมคิดว่าน่าจะมาจากความยอดเยี่ยมของทุกๆองค์ประกอบในภาพยนตร์ที่ดีเยี่ยมและเหมาะสมเข้ากันได้อย่างพอดี เนื้อเรื่องที่ครบทุกรสไม่ว่าจะเป็น ตื่นเต้นโลดโผน ดุเดือดเลือดพล่าน โรแมนติค รักซาบซึ้งตรึงใจ ความสุข ความโศกเศร้า โศกนาฏกรรม การชิงไหวชิงพริบ บุญคุณความแค้น เรื่องราวของความยึดมั่นในคุณธรรม มิตรไมตรี และอุดมการณ์ความรักชาติ ฯลฯ ที่เดินเรื่องรวดเร็วต่อเนื่อง เร้าใจ ต้องติดตามดูชนิดตาแทบไม่กะพริบ
รูปที่ 18 ภาพยนตร์เรื่อง The Godfather ซึ่งเป็นภาพยนตร์ต้นแบบของการสร้างภาพยนตร์ชุดเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ของ TVB ฮ่องกง
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่สร้างสืบเนื่องและล้อตาม “The God Father” เป็นต้นแบบ ระดับของบทบู๊ ตื่นเต้น โลดโผน ต่อสู้ตะลุมบอนนั้น เทียบเคียงกันได้ดีไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน แต่ในรายละเอียดนั้นเหนือกว่าของฝรั่งอีกด้วยโดยเฉพาะในเรื่องการใช้หมัดใช้มีด การต่อยตี ตะลุมบอนกันนั้น ศิลปะการต่อสู้แบบจีนมีให้ดูมากรูปแบบกว่าเยอะ มาดการข่มขู่ คาดคั้นแบบเจ้าพ่อนักเลง สี่เหวินเฉียงในเรื่องก็ทำได้ดีมากๆ ทั้งสง่างาม และน่าเกรงกลัว ส่วนการหักเหลี่ยมเฉือนคมก็แพรวพราวตลอดเรื่อง เริ่มตั้งแต่ตอนที่สี่เหวินเฉียงวางแผนชิงฟิล์มภาพยนตร์คืนจากแก็งค์อื่น ตอนวางแผนให้อาปิ่งลงมือฆ่าเถ้าแก่หลี่เพื่อชิงอำนาจการบริหารโรงภาพยนตร์ เรื่อยไปจนถึงตอนที่ติงลี่เปิดเผยธาติแท้ลึกๆที่ไม่มีใครคาดถึงเลย ไม่วาจะเป็นแม่ของเขาเอง สี่เหวินเฉียง หรือฝงจิ้งเหยา กว่าฝงจิ้งเหยาจะรู้ตัวติงลี่ก็เข้าครอบครองทรัพย์สินและอำนาจของเขาไปมากแล้ว ชนิดที่ว่าแม้ฝงจิ้งเหยาจะล้มไปแล้ว ติงลี่ก็ยังสามารถยืนหยัดด้วยตัวเองต่อไปได้ เขาไม่ได้เป็นคนหนุ่มซื่อบื้อ มุทะลุตึงตังเอาแต่คิดต่อยตีอย่างที่แม่เขาและสี่เหวินเฉียงเป็นห่วงเลย ฯลฯ สรุปว่าในประเด็นเรื่องของภาพยนตร์ประเภทเจ้าพ่อมาเฟียนั้น ยกเกรดเอ บวกให้ได้เลย ไม่เป็นสองรองใครแน่ๆ
เรื่องราวความรักที่ไม่สมหวังของพระเอกนางเอกในเรื่องก็ให้ความรู้สึกประทับใจและเศร้าเสียใจไปด้วยกับหนุ่มสาวทั้งสอง การดำเนินเรื่องของความรักที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างงดงามสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายๆเหตุการณ์ในเรื่องน่าประทับใจมาก ในช่วงแรกที่สี่เหวินเฉียงพยายามหักห้ามใจหยุดระดับความสัมพันธ์กับฉิงฉิงไว้ เนื่องจากเห็นว่าเส้นทางชีวิตของตนเองนั้นหาความแน่นอนอะไรไม่ได้จะถูกฆ่าตายในวันไหนก็ยังไม่รู้
จนถึงขนาดบอกปฏิเสธการนัดหมายหลายครั้ง และแสดงอาการไม่สนใจผ้าพันคอที่นางเอกซื้อมาให้เป็นของขวัญ จนกระทั่งในที่สุดฉิงฉิงตัดสินใจไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสเขาก็ไม่ไปส่ง แต่ปรากฏว่านางเอกเป็นฝ่ายใจอ่อนไม่ไปฝรั่งเศส และมาหาเขาที่บ้านพักจึงได้พบว่าพระเอกกำลังนั่งเศร้าสวมผ้าพันคอที่ตัวเองซื้อไว้ให้อยู่ นางเอกบอกพระเอกคำเดียวว่า “ฉันไม่กลัวเป็นหม้าย” หลังจากนั้นสองหนุ่มสาวก็มีความรักที่เปี่ยมสุขจนกระทั่งใกล้ถึงวันแต่งงานแล้ว แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ทำให้ทั้งสองคนต้องพลัดพรากจากกันและพบกับบั้นปลายชีวิตที่เศร้าสลดด้วยกันทั้งคู่ สำหรับฉิงฉิงนั้นเท่าที่ทราบจากผู้ที่เคยชมภาคสองของภาพยนตร์ชุดนี้บอกว่าเมื่อเธอกลับมาเซี่ยงไฮ้อีกครั้งนั้น ติงลี่ปลุกปล้ำขืนใจเธอ และหลังจากนั้นเธอก็ได้ตัดสินใจบวชชีฝรั่งไปจนตลอดชีวิต
ดาราแสดงนำในภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงได้ยอดเยี่ยมทุกคน โจวเหวินฟะ (สี่เหวินเฉียง), หลี่เหลี่ยงเหว่ย (ติงลี่) จ้าวหย่าจือ (ฉิงฉิง) ได้กลายเป็นดารายอดนิยมระดับซุปเปอร์สตาร์หลังจากแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเฉพาะหลี่เหลี่ยงเหว่ยนั้นเขาได้แสดงเป็นพระเอกในตอนที่ 2 และ 3 ของภาพยนตร์ชุดนี้ต่อไปและได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน ทั้งนี้รวมถึงเพลงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ด้วยซึ่งยังคงได้รับความนิยมอยู่จนถึงปัจจุบันกลายเป็นบทเพลงอมตะควบคู่ไปกับตัวภาพยนตร์ก็ว่าได้
ประเด็นสำคัญที่จะต้องพูดถึงสำหรับภาพยนตร์ชุดนี้ก็คือ เนื้อหาเรื่องราวตลอดจนบุคลิกของพระเอกในเรื่องช่วยตอกย้ำและกระตุ้นคุณธรรมความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ทั้งในระดับคุณธรรมน้ำมิตรระหว่างบุคคล และอุดมการณ์ความรักชาติได้เป็นอย่างดียิ่ง ภาพยนตร์จีนและญี่ปุ่นในสมัยประมาณ 15 ปีก่อนหน้านี้ขึ้นไป มักมีเนื้อหาบทบาทในภาพยนตร์ส่งเสริมคุณธรรมความดีในมนุษย์เป็นสำคัญ แต่มาในระยะหลังนี้การเน้นในเรื่องดังกล่าวแทบจะหายไปหมดแล้ว เคยดูภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง เลือดมังกรดำ เนื้อหาเป็นเรื่องของแก็งค์ยากูซ่าสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง
พระเอกเป็นลูกชายคนเดียวของแก็งค์มังกรดำ “ซันชีโร่”ได้รับการศึกษาทั้งวิชาบุ๋นและบู๊ และการศึกษาตามรูปแบบมาอย่างดี ต่อมาพ่อเขาถูกแก็งค์อื่นฆ่าตาย เขาต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยกลับมารับตำแหน่งแทนพ่อ ในช่วงเวลานั้นญี่ปุ่นกำลังประกาศสงครามกับรัสเซียพอดี แทนที่เขาจะนำกำลังคนไปล้างแค้นให้พ่อเขา เขากลับประกาศยุบแก็งค์มังกรดำชั่วคราว และให้ทุกคนไปอาสาสมัครเป็นทหารรบกับรัสเซีย เขาบอกว่า “เรื่องของชาติบ้านเมืองสำคัญกว่าเรื่องส่วนตัว ในเวลานี้ถ้าคนญี่ปุ่นจะต้องหลั่งเลือด จะต้องหลั่งเลือดให้กับชาติบ้านเมืองต่อสู้กับศัตรูคือรัสเซีย ไม่ใช่มาหลั่งเลือดฆ่าคนญี่ปุ่นด้วยกันเอง”
สงครามครั้งนั้นเป็นครั้งแรกในโลกยุคนั้นที่ประเทศในเอเชียสามารถเอาชนะชาติที่ยิ่งใหญ่ในยุโรปเช่นรัสเซียได้ จะเห็นได้ว่าภาพยนตร์ของฝรั่งตะวันตกนั้นไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องของคุณธรรมน้ำมิตรส่วนบุคคล และอุดมการณ์ความรักชาติเท่าใดนัก แม้กระทั่งในภาพยนตร์สงครามส่วนใหญ่ก็เน้นในเรื่องของการรบ และความสนุกสนานตื่นเต้นของเรื่องราวและบทบาทดารานำแสดงในภาพยนตร์มากกว่า อาจเป็นได้ว่าในประวัติศาสตร์ระยะใกล้ที่ผ่านมา ชาติตะวันตกส่วนใหญ่ไม่เคยต้องตกเป็นเมืองขึ้นของใครมีแต่ไปยึดครองบ้านเมืองของคนอื่นเขาไปทั่วโลก จะมีบ้างก็ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่เยอรมันเข้ายึดครองยุโรปตะวันตกเกือบทั้งหมดแต่ก็เป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น ไม่เคยพบกับความขมขื่นถึงขนาด “หมาและคนจีนห้ามเข้า” ความสำนึกในเรื่องอุดมการณ์ความรักชาติจึงมีไม่มากนัก ในภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ดเองส่วนใหญ่ก็เน้นความเป็นประชาธิปไตย สิทธิมนุษย์ชน และความยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เป็นฐานให้เกิดความรักชาติ ความภาคภูมิใจในชาติ ซึ่งเป็นคนละแนวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งน่าจะให้ความเข้มข้นกับความรู้สึกมากกว่า
ในมุมมองเรื่องรักโรมแมนติคนั้น โดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็น ฝรั่ง เกาหลี ไทย อินเดีย จีน ในปัจจุบันก็แสดงให้เห็นถึงความไม่สนใจในเรื่องของคุณธรรมจริยธรรมเท่าใดนัก ภาพยนตร์รักโรแมนติคของฝรั่งส่วนใหญ่ พระเอกนางเอกพอเจอคนอื่นที่ถูกใจก็เปลี่ยนใจได้ง่ายๆทันที แบบที่เรียกกันว่า “ใจดำมาก” ละครเกาหลีที่นิยมกันมากๆในบ้านเราก็ทำนองเดียวกัน ซึ่งถ้าพิจารณาในประเด็นเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ในบทบาทของพระเอกนางเอกแล้ว เรื่องราวความรักในภาพยนตร์ชุดนี้ซาบซึ้งตรึงใจและให้ความประทับใจมากกว่าภาพยนตร์รักโรแมนติดทั่วไปอย่างเทียบกันไม่ได้เลย
เพราะได้นำเรื่องราวความรักในหลายๆรูปแบบที่ล้วนทรงคุณค่าด้วยกันทั้งสิ้นเข้ามาเกี่ยวข้องร้อยรัดผูกพันกันได้อย่างซาบซึ้งตรึงใจ ไม่ว่าจะเป็นความรักระหว่างหญิงกับชาย ความรักระหว่างพี่กับน้อง เพื่อนกับเพื่อน ความรักความผูกพันกับครอบครัว และความรักที่มีต่อชาติบ้านเมือง ในนวนิยายจีนกำลังภายในสมัยก่อนนั้นที่ผมเคยอ่านหลายเรื่องเช่นมังกรหยกภาค 2 เรื่องราวความรักระหว่างเอี้ยก้วย กับ เสียวเล้งนึ้ง ก็เป็นเรื่องราวที่โรแมนติค ซาบซึ้ง และประทับใจ โดยที่ไม่ใช่เรื่องความรักระหว่างหญิงกับชายเท่านั้นแต่ได้รวมเรื่องราวของความรักในมิติอื่นๆและความรักชาติเข้ามาผสมผสานได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งเหนือกว่านิยายรักในปัจจุบันอย่างเทียบกันไม่ได้
เคยมีเพื่อนผมบางคนบอกว่าการดู (หรืออ่านหนังสือจีนกำลังภายใน) ภาพยนตร์จีนกำลังภายในสมัยก่อนตั้งแต่วัยเด็ก เช่น มังกรหยก, แปดเทพอสูรมังกรฟ้า, ผู้กล้าหาญคะนอง, ฤทธิ์มีดสั้นฯลฯ เป็นการช่วยปลูกฝังคุณธรรมความดี ไว้ในจิตใจ และสมควรใช้ภาพยนตร์และนิยายจีนกำลังภายในเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการอบรมเลี้ยงดูเด็กๆให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีพื้นฐานคุณธรรมความดีอยู่ในหัวใจ หรืออย่างน้อยที่สุดแม้ว่าเขาอาจจะต้องปรับตัวเพื่อให้เลวร้ายสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในโลกปัจจุบัน เพื่อที่จะได้อยู่รอดและเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้ (คนล้นโลก ผู้คนต้องกระเสือกกระสนแย่งกันกิน แย่งกันใช้ ฯลฯ อย่างที่คัมภีร์พระเวทของอินเดียโบราณบอกว่ายุคนี้เป็น กาลียุค) ในเบื้องลึกของจิตใจเขาก็ยังอาจสำนึกถึงคุณธรรมความดีอยู่บ้าง ผมเคยเห็นเด็กเล็กๆที่กำลังเริ่มโตเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งบอกกับญาติของเขาถึง ความประทับใจในพระเอกเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้าว่า ในภาวะคับขันที่พระเอกต้องพ้นจากการเป็นประมุขพรรคขอทานนั้น พระเอกเอามีดฟันตัวเองหลายแผล แต่ละแผลเป็นการรำลึกถึงบุญคุณของคนในพรรคแต่ละคนที่เคยมีต่อเขามา
เด็กอีกคนหนึ่งที่เคยพบพูดถึงเอี้ยก้วยในภาพยนตร์เรื่องมังกรหยกภาคสองว่า ในขณะที่เอี้ยก้วยคิดแต่จะฆ่าก๊วยเจ๋งเมื่อทั้งสองตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูนั้น ก๊วยเจ๋งแม้จะบาดเจ็บเพียงใด ทุกขณะก็มุ่งแต่จะปกป้องเอี้ยก้วยยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง หนึ่งคำก็ว่าลูกก้วยหนีไป สองคำก็เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า ... จนกระทั่งเอี้ยก้วยถึงกับต้องฉุกใจคิดว่า คนๆนี้ไม่น่าจะเป็นคนเลวร้ายอย่างที่เราคิด เท่าที่เห็นมาเขามีพฤติกรรมองอาจกล้าหาญเปี่ยมด้วยคุณธรรมมาโดยตลอด หรือเป็นเราคิดผิด ....ผมเชื่อว่าเด็กที่มีความประทับใจในพฤติกรรมอันเปี่ยมด้วยคุณธรรมเมตตาธรรมเหล่านี้จากภาพยนตร์ที่เขาได้ดูตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ จะมีพื้นฐานคุณธรรมอยู่ในเบื้องลึกของหัวใจ ไม่ว่าเมื่อเขาโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่จะต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดให้สอดคล้องกับโลกที่เลวร้ายรอบตัวเขาอย่างไร อย่างน้อยเขาก็ยังน่าจะมีความรู้สึกในเบื้องลึกรับรู้ถึงความผิดถูกชั่วดีอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นอาจจะเหมาะสำหรับเด็กที่โตแล้วเท่านั้น เพราะแม้จะมีเนื้อหาเน้นหนักในเรื่องคุณธรรมความดีและอุดมการณ์ความรักชาติ แต่ก็เป็นเรื่องราวในวงการนักเลง อาชญากรรม ที่มีภาพตัวอย่างที่ไม่ดีหลายๆอย่างที่ไม่เหมาะสมจะให้เด็กๆได้สัมผัสตั้งแต่ในวัยเยาว์
แหล่งที่มา: http://www.iseehistory.com/
https://th.wikipedia.org/wiki/เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้