ทะเลาะวิวาทบ่อย!! ตร.ภูธร’บุรีรัมย์’ ชี้แจง ไม่ได้สั่งห้าม ‘รถแห่’ แต่ต้องมีการรักษาความปลอดภัย
จากกรณีโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพหนังสือวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ด่วนที่สุด) เลขที่ 0018 (บร.).(18)/_ จาก รอง ผกก.ป.สภ.ประโคนชัย ถึง ร้อยเวร 20 , สายตรวจรถยนต์ , สายตรวจรถจักรยานยนต์ , สายตรวจตำบลทุกตำบลในปกครอง ลงวันที่ 6 มิ.ย. 2562 รวมถึงหนังสือที่ 0018 (บร.). (ศอ.จร.)/120 จากตำรวจภูธรจังหวัด (ภ.จว.) บุรีรัมย์ ลงวันที่ 29 พ.ค.2562 พร้อมกับระบุว่าที่ จ.บุรีรัมย์ ตำรวจสั่งห้ามประชาชนใช้รถแห่จัดกิจกรรมงานรื่นเริงต่างๆ นั้น
ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 20.20 น. วันที่ 7 มิ.ย.62 พ.ต.อ.รุทธพล เนาวรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องนี้ว่า กรณีหนังสือของ สภ.ประโคนชัย ที่ระบุห้ามใช้รถแห่จัดกิจกรรมต่างๆ นั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยทางตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์นั้นไม่ได้ห้าม แต่ได้สั่งการให้เข้าไปกวดขันเพื่อให้เจ้าภาพที่จ้างรถแห่มาใช้ในงานนั้นต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยด้วย หลังเกิดเหตุวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้ง
โดยรถแห่ในที่นี้หมายถึงรถคันใหญ่ๆ มักเป็นรถบรรทุก 6 ล้อบ้าง 10 ล้อบ้าง ติดลำโพง 10 – 20 ตัว และมีเวทีให้แสดงดนตรีบนรถได้ นิยมใช้งานต่างๆ เช่น งานบวชที่จะมีขบวนแห่นาคจากบ้านไปวัด ระหว่างทางก็จะเปิดเพลงให้คนเต้นกัน ที่ผ่านมายังไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยเมื่อเทียบกับงานวัดหรือเวทีหมอลำที่มีเวทีตั้งอยู่นิ่งๆ โดยจะมีเจ้าหน้าที่กระจายอยู่โดยรอบ ไม่เกี่ยวข้องกับรถขนาดเล็กที่ใช้เครื่องขยายเสียงประกาศโฆษณาแต่อย่างใด
“สมมติคุณจะบวชลูก คุณจ้างรถแห่ ต้องมีมาตรการ เช่น ต้องขออนุญาต เราก็จะต้องประสานกับทางอำเภอ กับทางเทศบาล ดูว่าจะมีผู้มาร่วมงานกี่คน สมมติว่า 300 คน ควรจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เป็น อปพร. เป็นตำรวจบ้าน เป็นตำรวจ อะไรแบบนี้ประมาณกี่คน เราจะวางมาตรการตรงนี้ ไม่ใช่ว่ามี 300 คน ก็ไม่มีการรักษาความปลอดภัย มา 1,000 คน มา 2,000 คนก็ไม่มี เวลาเกิดปัญหาขึ้นมามันก็จะไม่มีใครรักษาความสงบตรงนั้น” รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าว
พ.ต.อ.รุทธพล กล่าวย้ำว่า เรื่องนี้จะไม่กระทบกับวิถีชีวิตของชาวบ้านรวมถึงการประกอบอาชีพเพราะตนก็เข้าใจเรื่องนี้ เพียงแต่อยากให้ทำให้ถูกต้องทั้งเจ้าภาพและผู้ประกอบการรถแห่ ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ไปพูดคุยกับผู้ประกอบการว่ามีมาตรการอย่างไรบ้าง ไม่ใช่รับจ้างแล้วก็รับเงินก่อนจะออกไปโดยทิ้งปัญหาให้ชุมชน
แหล่งที่มา: ttps://www.khaosocial.net