จะโกหกกี่ครั้งก็ไม่โกรธ เพราะคุณคือผู้ให้ดำเนิด
จะโกหกกี่ครั้งก็ไม่โกรธ เพราะคุณคือผู้ให้ดำเนิด
ใคร ๆ ก็เคยโกหก จริงไหม ? แต่จะเจ็บสุดเมื่อคนที่เรารักมากๆ เขาโกหกแล้ว แต่การโกหกมี 2 แบบ โกหกขาว กับ โกหกดำ งง กันไหมว่าทำไมถึงบอกว่า โกหกขาว กับ ดำ เพราะว่าการที่คนบางคนเขา โกหกเราแต่คำโกหกของเขาทำเพื่อให้เราสบายใจ เรียกกว่า การโกหกขาว แต่ถ้าหาเมื่อใดที่คนบางคน โกหกเราเพื่อความส่วนตัว หรือเรียกว่า เห็นแก่ตัว จึงต้องโกหก
วันนี้เรามีเรื่องมาเล่าเกี่ยวกับการโกหกที่ทำไปให้อีกคนสบายใจ ไม่ต้องกังวล ...
ครั้งแรก เรื่องราวได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ๆ ผมเกิดในครอบครัวที่ยากจน มีหลายครั้งทีเดียว ที่ไม่มีอาหารเพียงพอสำหรับทุกคน ทุกครั้งเมื่อถึงเวลากินข้าว แม่จะแบ่งข้าว ส่วนของแม่มาให้ผม และพูดว่า “ทานเยอะ ๆ นะลูก แม่ไม่ค่อยหิว” นี้เป็นครั้งแรกที่แม่โกหกผม
ครั้งที่สอง เมื่อผมเติบโตขึ้น คุณแม่ที่แสนขยันของผม มักจะหาเวลาว่างไปตกปลาที่แม่น้ำใกล้ ๆ บ้าน แม่หวังจะให้ผมได้รับอาหารที่มีประโยชน์ เพียงพอต่อการร่างกาย แม่มักจะต้มปลาที่ตกได้ทำเป็นอาหาร ซึ่งผมชอบกินมาก ในขณะที่ผมกินต้มปลา แม่จะนั่งข้างๆผมแทะกิน เศษเนื้อปลา ที่ติดอยู่ตามก้างปลาที่ผมกินไม่หมด ผมรู้สึกตื้นตันใจมากทุกครั้งที่เห็น ผมพยายามแบ่งเนื้อปลาให้แม่ได้ทานบ้าง แต่แม่ปฎิเสธและบอกผมว่า “ลูกกินเถอะ แม่ไม่ค่อยชอบกินเนื้อปลา” นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่แม่โกหกผม
ครั้งที่สาม เมื่อผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม แม่ต้องทำงานหนักกว่าเดิม เพื่อจะหาเงินมาให้เพียงพอสำหรับค่าเล่าเรียนของผม และค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน บางครั้งผมตื่นขึ้นมากลางดึก ผมเห็นแม่ยังคงนั่งทำงานอยู่ มีเพียงแสงจากเทียนเล่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อน “แม่ครับ..นอนเถอะครับมันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้แม่ต้องไปทำงานอีก” ผมบอกแม่ แต่แม่ยิ้มและพูดกับผมว่า “ลูกนอนก่อนเถอะ แม่ยังไม่ง่วง” นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่แม่โกหกผม
ครั้งที่สี่ ในวันสอบวันสุดท้าย แม่มาเป็นกำลังใจให้ผม คุณแม่ที่แสนเข้มแข็งนั่งรอผมท่ามกลางแสงแดดจ้า ของเที่ยงวันอยู่หลายชั่วโมง เมื่อระฆังดังส่งสัญญาณว่าการสอบสิ้นสุดลงแล้ว คุณแม่ จะส่งน้ำหวานเย็น ๆ ให้ผม จากกระติกที่แม่เตรียมเอาไว้ มันเป็นน้ำหวานที่มีรสเข้มมาก แต่ความรักของแม่ผมเข้มกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้ เนื้อตัวของแม่โชกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผมยื่นแก้วให้แม่และบอกให้แม่ดื่มด้วยกัน แต่แม่บอกว่า “ดื่มเถอะลูก แม่ไม่กระหาย” แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 4
ครั้งที่ห้า หลังจากที่พ่อผมเสียชีวิตเพราะโรคร้าย คุณแม่ที่น่าสงสารของผม ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดตัวคนเดียว ชีวิตครอบครัวของเราดำเนินไปอย่างยากลำบากยิ่งขึ้น ไม่มีวันไหนที่ผ่านไปอย่างไม่ทรมาน เพื่อนบ้านหลายคนที่เห็นความเป็นไปของครอบครัวเรา ก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือบ้าง บางคนก็แนะนำให้แม่แต่งงานใหม่ แต่ แม่ก็ปฏิเสธตลอดพร้อมกับบอกว่า“ฉันไม่ต้องการความรักหรอก”แม่โกหกเป็นครั้งที่ 5 แล้ว
ครั้งที่หก หลังจากผมเรียนจบและได้งานทำแล้ว ถึงเวลาที่แม่จะได้พักผ่อนสักทีแต่แม่ดูเหมือนจะไม่ต้องการ แม่ ตื่นแต่เช้าไปขายผักที่ตลาดทุกวัน เพื่อจะมีเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับใช้จ่ายส่วนตัว แม่ ไม่เคยยอมรับเงินที่ผมให้ซึ่งทำงานอยู่ ในเมืองหลวง ส่งไปให้ แม่ถึงกับส่งคืนมาให้ผมด้วย แม่บอกว่า “แม่มีเงินพอใช้แล้วลูก” นี่เป็นครั้งที่ 6 ที่แม่โกหกผม
ครั้งที่เจ็ด ด้วยการสนับสนุนจากองค์กรแห่งหนึ่ง ผมเข้าเรียนต่อปริญญาโทในมหาวิทยาลัย ที่มีชื่อของประเทศ เมื่อผมเรียนจบ ผมก็ถูกรับเข้าทำงานด้วยเงินเดือนที่สูงลิ่ว ผมตั้งใจจะพาแม่มาใช้ชีวิต อย่างสุขสบายกับผมในเมืองหลวง แต่คุณแม่ที่แสนน่ารัก ไม่ต้องการจะรบกวนผม แม่ บอกกับผมว่า “แม่ไม่เหมาะกับชีวิต ในเมืองหลวง หรอกลูก” แม่โกหกผมอีกเป็นครั้งที่ 7
ครั้งที่แปด เมื่อแม่แก่ตัวลง เธอต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากโรคมะเร็ง เมื่อรู้ข่าว ผมก็รีบกลับมาหาแม่ที่รักของผมทันที แม่นอนอย่างอ่อนเพลียหลังจากการผ่าตัด แม่ดูแก่ลงไปมาก แม่มองผมด้วยสายตาที่บ่งบอกได้ว่าเธอรัก และปรารถนาจะได้เจอผมมากที่สุด แม่พยายามยิ้มให้กับผม แม่ผอมมาก และดูอ่อนแออย่างที่สุด โรคร้ายได้ทำลายร่างกายของแม่ไปมากแล้ว ผมมองแม่ด้วยน้ำตานองหน้า ความเจ็บปวดจับขั้วหัวใจของผม เพราะการได้เห็นคุณแม่ที่รักอยู่ในสภาพนี้ แต่แม่มองหน้าผมและบอกว่า “อย่าร้องไห้เลยลูกรัก แม่ไม่รู้สึกเจ็บเลย” ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 ที่แม่โกหกผม และ หลังจากที่แม่โกหกผม ดวงตาของเธอก็ปิดลงตลอดกาล
... ถึงแม่จะโกหกลูกสักกี่ครั้ง ลูกก็ไม่เคยที่จะโกรธแม่หรอก เพราะแม่ยังไงก็คือแม่ คนที่ให้กำเนินเลี้ยงดูให้เราอยู่ดีกินดี เพราะฉะนั้นในวันที่เติบโตเราต้องดูแลทดแทนท่าน ไม่ใช่แค่แม่คนเดียวแต่ต้องดูแลทั้งพ่อและแม่รวมถึงครอบครัวเรา ใช่ว่าเราจะสนใจท่านแค่ตอนที่เราเดือดร้อนเท่านั้น เช่น พอไม่มีเงินก็โทรหาอ้อนพ่อแม่เพื่อขอยืมเงิน หรือบางคนอาจจะขับรถกลับไปหาท่าน แต่พอยามมีเงินกลับเอาเงินไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ขับรถพาแฟนไปเที่ยว แทนที่พอมีเงินจะพาพ่อแม่ไปเที่ยวไปหาความสุข ...
แหล่งที่มา: https://cipatha.com/ruk/3589/