ขนส่งเอาจริง อายัดชำระภาษีใบสั่งค้างจ่าย อ่วม เจอจ่ายทั้งค่าปรับ ต่อภาษี พร้อมกัน
เรียกได้ว่า กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดแล้วในตอนนี้ สำหรับการที่กรมการขนส่งทางบก(ขบ.) และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) จับมือพัฒนาโปรแกรมการเชื่อมระบบอายัดการชำระภาษีประจำปีชั่วคราว กรณีที่ประชาชนยังค้างชำระค่าปรับ ในข้อหาที่กระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายจราจร ซึ่งจะเป็นการดัดหลัง พวกเบี้ยวจ่ายค่าปรับใบสั่งจราจรที่ขณะนี้มียอดใบสั่งค้างค่าปรับกว่า 5.4 ล้านราย โดยจะเริ่มดำเนินการอายัดการชำระภาษีชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ตามที่ ขบ. และตำรวจ ได้พัฒนาโปรแกรมการเชื่อมระบบอายัดการชำระภาษีประจำปีชั่วคราว ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 ทาง ขบ. และ ตำรวจ จะทำการทดสอบโปรแกรมในการเชื่อมข้อมูลระหว่างกันแบบเสมือนจริง โดยจะหากรณีตัวอย่างรถที่กระทำผิด แล้วได้รับใบสั่งจากตำรวจ จากนั้นจะมาต่อภาษีรถ สามารถดำเนินการได้ตามโปรแกรมที่ได้กำหนดไว้ เรียบร้อยสมบูรณ์หรือไม่
หากทดสอบแล้วพบปัญหาต้องเร่งแก้ไข เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานต่อไป เพราะโครงการดังกล่าวมีความล่าช้ามานานแล้ว แต่ยืนยันว่าระบบไม่มีปัญหา ขณะเดียวกันหากทดสอบแล้วไม่มีปัญหา จะดำเนินการเปิดใช้บริการต่อไป อย่างไรก็ตามในช่วงเดือน มิ.ย. ตำรวจจะประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนในเรื่องดังกล่าว กรณีที่ประชาชนต้องการทราบข้อมูลว่ารถตนเองถูกใบสั่งหรือไม่นั้น ตำรวจจะมีแอพพลิเคชั่นให้สามารถตรวจสอบได้ เพื่อจะได้เตรียมจำนวนเงินที่จะมาชำระค่าภาษีรถและค่าปรับให้พร้อม ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมา คาดว่าต้นเดือน ก.ค. จะเริ่มใช้ระบบเชื่อมข้อมูล โดยรถที่ติดค้างไม่ชำระค่าปรับตามใบสั่ง ถ้ามาต่อภาษีรถจะถูกเรียกเก็บให้ชำระค่าปรับตามใบสั่งที่ปรากฎอยู่ด้วย โดยสามารถชำระค่าปรับพร้อมกับภาษีรถได้ทันที เพื่อเป็นไปตามนโยบายที่ประชุมคณะทำงานติดตามผลการบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ต้องการให้บังคับใช้กฎหมายจราจรที่เข้มข้น
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. เปิดเผยว่า ตร. และ กรมการขนส่งทางบก ได้เชื่อมต่อระบบเสร็จแล้ว โดยจะเริ่มทดสอบระบบในวันที่ 24 พ.ค. ก่อนเริ่มใช้งานจริง ซึ่งยังไม่มีบังคับใช้กฎหมายแต่อย่างใด สำหรับการทดสอบระบบนี้ เพื่อนำข้อผิดพลาดไปแก้ไขปรับปรุง ก่อนจะเริ่มใช้งานจริงในวันที่ 1 กรกฎาคม 2562
เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น











