อย่าตื่นตูม"ซิฟิลิส"มารู้จักสาเหตุและวิธีการป้องกันก่อนจะสาย
กลายเป็นข่าวหน้า 1 ในชั่วข้ามคืน เมื่อมีแพทย์ออกมาเตือนว่า "ซิฟิลิส" กลับมาอีกครั้ง วันนี้มาทำความเข้าใจและป้องกันก่อนสายเกินแก้กันดีกว่า
ซิฟิลิส คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema Pallidum เมื่อเป็นจะไม่แสดงอาการในขั้นแรกและสามารถติดต่อกันได้โดยไม่รู้ตัว
ติดต่อได้ 3 ทาง ดังนี้
-ทางเพศสัมพันธ์ผ่านทางเยื่อเมือก(เช่น เยื่อบุช่องคลอด ท่อปัสสาวะ)
-ทางการสัมผัสแผลที่มีเชื้อ เช่น ผิวหนัง เยื่อบุตา ปาก (จูบ)
- จากครรภ์มารดาสู่ลูก โดยปกติจะแสดงอาการหลังคลอด 3-8 สัปดาห์โดยมีอาการผื่น หรือแสดงอาการตอนโต
ใครบ้างเสี่ยงเป็นซิฟิลิส?
แน่นอนว่าเกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ฉะนั้นคนที่เสี่ยงคือคนที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย ชาว fwb ชาว ons หรือชาวยสตน อย่างไรก็ตามควรตรวจเลือดสม่ำเสมอทุก 3 เดือน เพื่อจะได้รักษาทันท่วงที หรือคู่รักที่วางแผนจะมีลูกควรตรวจเลือดก่อนเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน
อาการของโรคเป็นอย่างไร?
อาการมี 4 ระยะ ดังนี้
1) ระยะแรก เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายนั้นจะแสดงออกคือเป็นแผลที่อวัยวะเพศหรือริมฝีปาก ขอบนูนแข็งแต่ไม่เจ็บ หลังจากนั้นประมาณ10 วัน ถึง สามเดือนตุ่มแดงจะแตก ถ้ารักษาในระยะนี้ยังทันเวลา
2) ระยะที่สอง แต่ถ้ายังไม่ได้รับการรักษาเชื้อจะกระจายไปตามกระแสเลือด ทำให้ร่างกายอ่อนแอ เป็นไข้ ปวดเมื่อยตามข้อ
หรืออาจมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ผมร่วง มีผื่นแดงที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ปาก คอ หรือบริเวณใต้ร่มผ้า ที่อับชื้น ระยะนี้กินระยะเวลา 1-3 เดือนและหายไปเองและอาจกลับมาใหม่ได้
3)ระยะสามหรือระยะแฝง ระยะนี้อาจกินเวลาหลายปี ถ้าตรวจเลือดจะตรวจสอบได้ว่าเป็นโรคนี้หรือไม่
4)ระยะที่สี่ เชื้อจะเข้าไปทำลายอวัยวะต่างๆ ทำลายระบบหัวใจ หลอดเลือด ระบบประสาทอาจร้ายแรงถึงขั้นหูหนวก ตาบอด กระดูกหักได้ ถ้ามารดาตั้งครรภ์อยู่ในระยะนี้ลูกอาจเสียชีวิตได้
ตัวอย่างรูปแสดงอาการซิฟิลิส
จะรู้ได้ไงว่าเป็นหรือไม่ คือ การตรวจเลือด ชัวร์สุด
แนวทางการรักษา คือ การฉีดยาปฏิชีวนะจากแพทย์เพื่อรักษาโรค
สุดท้ายนี้ ความเสี่ยงจากการมีเพศสัมพันธ์ยังมีโรคอื่น ๆ เช่น กามโรค เอดส์ เริม หนองในแท้ หนองในเทียม ควรรีบป้องกันก่อนที่จะสายเกินไปตามวิธีที่แนะนำข้างต้น สำหรับคนที่มีรสนิยมเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ หมั่นตรวจเลือดและเตรียมรับผลในกรณีที่อาจเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญคือถ้าใครมีอาการหรือไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ ไม่ต้องอายหมอนะจ๊ะ รีบไปตรวจก่อนจะสายเกินเยียวยา ไม่ต้องเขิน ไม่ต้องอาย เพราะหมอเขาเห็นมาเยอะแล้ว เขาพร้อมช่วยรักษาเสมอจ้ะ ^^
แหล่งที่มา: http://www.pulse-clinic.com