ทศพิธราชธรรมบทที่ ๒๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ทศพิธราชธรรมบทที่ ๒๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ขอบคุณภาพจาก Wikipedia / บทกลอนโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
วิริยะคือแก้วกล้าอุตสาหะ
ขัตติยะผ่านศึกอย่างฮึกหาญ
รบทัพใหญ่เจ็ดครั้งประจัญบาน
รบเชี่ยวชาญจนพม่าพ่ายแพ้ไป
หนึ่งสงครามเก้าทัพที่ยากยุ่ง
เจ้าปดุงยกพลอสงไขย
ได้แสนกว่ามาบุกทุกทิศไป
แต่ปราชัยไร้ผลทุกหนทาง
สองสงครามท่าดินแดงและสามสบ
สามวันจบค่ายพม่าไม่อาจขวาง
สามเจดีย์ถึงทีขึ้นระวาง
ใช่ด่านย่างยกทัพอีกต่อไป
สามสงครามปราบเมืองกระเดื่องด้าง
คือลำปางป่าซางวังปิงไหล
ได้พระพุทธสิหิงค์สิริชัย
อัญเชิญไว้ในกรุงเทพนคร
สี่สงครามครั้งแรกเรารุกล้ำ
ตีกระหน่ำเมืองทวายทรงสั่งสอน
รัตนโกสินทร์วงศกร
เปรียบสิงขรสิงหราชเจ้าสิงโต
ห้าสงครามขอสวามิภักดิ์
ร่วมพร้อมพรักสามเมืองเคยโยโส
มีมะริดตะนาวศรีทวายโว
ด้วยเดโชทรงช่วยทรงคุ้มครอง
หกสงครามหาเรื่องเมืองเชียงใหม่
ยกทัพใหญ่เจ็ดกองมาลองของ
เจ้าปดุงปฏิปักษ์สิ้นลำพอง
ปราชัยครองอีกคราวปวดร้าวทรวง
ครั้งที่เจ็ดไม่เข็ดหลาบคิดแก้แค้น
มุ่งยึดแดนล้านนาที่เมืองหลวง
ปโดงเมงบรรเลงเพลงคะนอง
ไร้ไตร่ตรองสยามใช่เคยอ่อนแรง
รัชกาลที่หนึ่งคือเริ่มต้น
พาลผจญพม่าสิ้นกำแหง
อาณาเขตขยายใหญ่ไร้ใครแซง
แตกแขนงแต่งประเทศทุกทิศทาง
มีสิบสองปันนาและไทยใหญ่
อีกรวมไว้เวียงจันทน์ไม่ขัดขวาง
อีกเขมรล้านนาหลวงพระบาง
ร่วมสรรสร้างดินแดนดุษฎี
ด้านทิศใต้ขยายไกลถึงเประก์
ด้วยเดชะปะลิสร่วมวาสี
กลันตันตรังกานูไทรบุรี
ทั้งหมดนี้คือขวานใหญ่ในขวานทอง
ทรงผจญทั้งศึกกายและศึกจิต
ไม่ลืมมิตรชื่อสินลืมเพื่อนผอง
ชาติกษัตริย์ต้องตัดใจตามครรลอง
ยอมขุ่นข้องหมองหทัยเพื่อแผ่นดิน