หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ทำความรู้จักกับปัญหา Heat Stroke... คนรักส้ตว์ต้องอ่าน!!

โพสท์โดย KhaoJee

ก่อนจะไปทำความรู้จักกับปัญหา Heat Stroke...
เรามาเริ่มจากหลักการระบายความร้อนออกจากร่างกายของสัตว์แต่ละชนิดกันก่อนดีกว่า
.
สุนัข 🐶
สุนัขมีต่อมเหงื่อ (sweat gland) แค่บริเวณปลายจมูกและฝ่าเท้า ซึ่งก็ไม่ได้ทำหน้าที่ในการระบายความร้อนแต่อย่างใด (ผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่า การที่ภายนอกจมูกของสุนัขชุ่มชื้น จะช่วยให้ดักจับสารเคมีและรับกลิ่นได้ดีขึ้น ส่วนต่อมเหงื่อที่ปลายเท้า คาดว่าทำหน้าที่เกี่ยวกับการยึดเกาะพื้นเท่านั้น) ดังนั้นการระบายความร้อนของสุนัขจึงทำได้ผ่าน
📍 การหอบหายใจ ซึ่งเป็นการพาความร้อน (convection; เป็นการถ่ายเทความร้อนด้วยการเคลื่อนที่ของอะตอมและโมเลกุลของสสารซึ่งมีสถานะเป็นของเหลวและแก๊ส กล่าวคือ เมื่อมีอากาศพัดผ่านปลายลิ้น ก็จะพาความร้อนออกไปนั่นเอง) 
📍 การนำความร้อนโดยตรงผ่านผิวหนังบริเวณที่ไม่มีขน (การนำความร้อน หรือ conduction; เป็นการถ่ายเทความร้อนจากโมเลกุลไปสู่อีกโมเลกุลหนึ่งซึ่งอยู่ติดกันไปเรื่อยๆ จากอุณหภูมิสูงไปสู่อุณหภูมิต่ำ หลักการเดียวกับที่เราจับหม้อร้อนๆ แล้วมือของเราก็รู้สึกร้อนไปด้วย) นั่นคือบริเวณหน้าท้องนั่นเอง เป็นเหตุให้สุนัขมักนอนหมอบกับพื้นเวลาอากาศร้อนๆ
.
**ดังนั้นการตัดขนสุนัขจนเกรียน.. จึงไม่ได้ช่วยคลายร้อนแต่อย่างใด แถมยังทำให้ผิวหนังขาดการปกป้องอีกด้วย
.
แมว 🐱 
แมวมีต่อมเหงื่อแค่บริเวณปลายจมูกและปลายเท้าเช่นเดียวกับสุนัข และไม่ได้ทำหน้าที่ในการระบายความร้อนเช่นกัน อย่างไรก็ตามเรามักไม่เห็นแมวอ้าปากหอบหายใจ (ถ้าพบ แสดงว่าอันตรายแล้ว) แต่แมวจะใช้การดื่มน้ำ และเลียขนตัวเองให้เปียก เพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย ซึ่งถือเป็นหลักการ “พาความร้อน (convection)” ด้วยน้ำ น้ำลาย และลมที่พัดผ่านร่างกายให้น้ำระเหยไป หลักการเดียวกับที่เราเช็ดตัวเพื่อลดไข้นั่นเอง
.
กระต่าย และ หนูตะเภา (guinea pig) 🐹🐰
เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ กระต่ายและหนูตะเภาไม่มีต่อมเหงื่อเช่นกัน แต่กระต่ายจะใช้การพาความร้อน และการแผ่รังสีความร้อน (radiation; เป็นการถ่ายเทความร้อนไปรอบๆ ทุกทิศทาง โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง เช่น เวลาที่เราอยู่ใกล้เปลวไฟ เราจะรู้สึกร้อน เพราะเปลวไฟนั้นแผ่รังสีคลื่นความร้อนออกมานั่นเอง) ผ่านเส้นเลือดแขนงบริเวณใบหูนั่นเอง ดังนั้นในวันที่อากาศร้อน เราจะเห็นกระต่ายหายใจเร็วขึ้น และขยับหูไปมาบ่อยๆ นั่นเอง ส่งผลให้กระต่ายสายพันธุ์แคระ (dwarf) ที่มีใบหูขนาดเล็ก หรือพันธุ์หูตก (lop-eared) จึงเสี่ยงต่อการเป็น Heat Stroke ได้ง่าย
.
นก 🐦
แม้ว่าสัตว์ปีกจะเป็นสัตว์เลือดอุ่น ที่มีอุณหภูมิปกติของร่างกายสูงกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่ก็ไม่มีต่อมเหงื่อเช่นเดียวกัน และยังเสี่ยงต่อ Heat Stroke ได้ ตามปกติหากอุณหภูมิภายนอกหนาวเย็นเกินไป เราจะเห็นนกพองขน (feather insulation) เพื่อกักเก็บมวลอากาศร้อนไว้ภายในช่องว่างระหว่างเส้นขน ในทางตรงกันข้าม ในวันที่อากาศร้อน นกจะดื่มน้ำมากขึ้น หรืออาจลงเล่นน้ำในชามน้ำเพื่อช่วยถ่ายเทความร้อนออกจากร่างกาย กางปีกออกเพื่อให้อากาศถ่ายเท และหายใจเร็วขึ้น
.
สังเกตอาการ Heat Stoke
📍 อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น หอบ อ้าปากหายใจ สีเหงือกแดงจัด น้ำลายไหลมากหรือน้ำลายฟูมปาก ใบหูร้อนแดง เลือดกำเดาไหล ชัก หมดสติ 
📍 ใครที่เลี้ยงนก ในช่วงแรกอาจสังเกตเห็นว่าเริ่มกางปีก เพื่อระบายความร้อน ต่อมาจะเริ่มอ้าปากหายใจ ปีกห้อย พองขน แสดงให้เห็นว่าร่างกายเริ่มไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้แล้ว
📍 ในกระต่ายและหนูตะเภา อาจสังเกตเห็นหยดน้ำควบแน่นบริเวณจมูก แต่หากพบเลือดออกจากจมูกหรือเริ่มซึม คล้ายง่วงนอน ไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้า แสดงว่าเข้าขั้นอันตรายแล้ว
.
Heat Stoke First Aid : 
หลักการปฐมพยาบาลเมื่อสัตว์เกิดภาวะ Heat Stroke
.
1. พยายามลดอุณหภูมิร่างกายของสัตว์เลี้ยงลง โดยการใช้ผ้าชุบน้ำอุณหภูมิห้อง เช็ดตัวสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง เพราะเป็นบริเวณที่ร่างกายระบายความร้อนได้ดีที่สุด ที่สำคัญคือหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเย็นหรือน้ำแข็ง เพื่อป้องกันการช็อกจากอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากเกินไป)
.
2. นก กระต่ายขนาดเล็ก และหนูตะเภา ให้ใช้ foggy พ่นละอองน้ำไปที่ตัวสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะบริเวณใบหูและฝ่าเท้า (ขาและกรงเล็บ)
.
3. หากสัตว์อยู่ในภาวะช็อกหรือหมดสติ หลีกเลี่ยงการป้อนน้ำหรือของเหลวทุกชนิด เพื่อป้องกันอาการสำลักเข้าหลอดลม ซึ่งจะทำให้อันตรายยิ่งกว่าเดิม
.
4. ให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในสภาพอากาศที่ถ่ายเท คือต้องมีลดพัดผ่านตลอด หรือเปิดพัดลม เพื่อให้น้ำที่เราเช็ดตัวให้สามารถระเหยและ “พาความร้อน” ออกจากร่างกายได้
.
5. นำสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด
.
ดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างไร ในวันที่อากาศร้อน
.
สุนัขและแมว 🐶🐱
📍 ให้สัตว์เลี้ยงอยู่ภายในบ้านหรือในที่ร่ม เปิดเครื่องปรับอากาศหรือพัดลม ให้แช่น้ำหรือพาไปว่ายน้ำ ใส่น้ำแข็งลงในชามน้ำ หากสังเกตว่าสุนัขเริ่มหายใจหอบ น้ำลายไหลมาก ลิ้นสีแดงมากกว่าปกติ หรือนอนลงบนพื้น ควรหยุดกิจกรรมออกกำลังกายต่างๆ ในทันที และให้สุนัขได้พัก
.
กระต่าย หนูตะเภา และนก 🐹🐰🐦
📍 ไม่แนะนำให้ใส่น้ำแข็งลงไปในน้ำ แต่ให้ดื่มน้ำอุณหภูมิห้อง 
📍 การวางชามเซรามิกหรือชามดินเผาไว้ในกรง จะช่วยลดอุณหภูมิได้ 
📍 วางชามน้ำเอาไว้ในกรงนกเพื่อให้นกสามารถเล่นน้ำได้ (แต่ระวังอย่าให้ระดับน้ำสูงจนเกินไป) 
📍 ให้กินผักผลไม้ที่มีน้ำมาก 
📍 หลีกเลี่ยงการคลุมกรง เพราะจะทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เปิดพัดลมเพื่อให้มีอากาศถ่ายเท (แต่อย่าเปิดพัดลมโดยตรงใส่ตัวสัตว์) 
📍 หลีกเลี่ยงการวางกรงไว้ในที่แดดส่อง 
📍 นอกจากนี้มีรายงานว่าการให้กระต่ายกินพืชสมุนไพรบางชนิด อาจมีส่วนช่วยลดอุณหภูมิร่างกายได้ เช่น lemon balm (Melissa officinalis), common sorrel (Rumex acetosa), ใบสตรอเบอร์รี่ (Fragaria sp.), ผักกาดน้ำ หรือหญ้าเอ็นยืด (Greater Plantain; Common plantain; Plantago major), ใบ dock leaves (Rumex obtusifolius)
.
รู้หรือไม่?
📍 สัตว์เลี้ยงสายพันธุ์หน้าสั้นมีแนวโน้มเป็น Heat stoke ได้ง่ายกว่าพันธุ์อื่นๆ เช่น Pug, Bulldog, Persian, Shih Tzu, กระต่ายพันธุ์ Netherland dwarf, Lionhead ฯลฯ เนื่องจากสัตว์เหล่านี้มักมาพร้อมกับปัญหาด้านการหายใจ จึงส่งผลต่อการระบายความร้อนออกจากร่างกาย
📍 สัตว์เลี้ยงที่มีขนยาวและหนา สัตว์ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ โรคอ้วน โรคทางระบบทางเดินหายใจ อายุมาก มีแนวโน้มเป็น Heat stoke ได้ง่าย

โพสท์โดย: Pukpuy
แหล่งที่มา: https://www.facebook.com/vpn.magazine.online
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
KhaoJee's profile


โพสท์โดย: KhaoJee
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ป่วน ! 3 จว.ใต้ ใบปลิวเกลื่อนยะลา ขณะที่ชาวบ้านไปละหมาดวันศุกร์
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
แล้งหนัก...ประปาไร้น้ำ เกาะพีพีต้องซื้อน้ำใช้ช็อตฮาประชาชี : บ้านญาติบรรยากาศแบบนี้ ต้องหาคนมานอนเป็นเพื่อนหน่อยเน่อ ไม่งั้นหลอนแน่ๆอดีตผู้บริหารหญิง Google ไทย เมาแล้วขับ ลาออกเมื่อต้นปี..ทั้งนี้ยังมาก่อเหตุซ้ำอีก!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
Huawei ทวงคืนบัลลังก์! ขึ้นแท่นอันดับ 1 ตลาดสมาร์ทโฟนจีนอีกครั้ง"ภาวะโลกเดือด" การปรับตัวในยุคที่ท้าทายสุดขีดของมนุษย์!!วิธีใช้ " ปลั๊กพ่วง " ให้ถูกวิธีกินอย่างไรไม่ให้เป็น (เบาหวาน)
ตั้งกระทู้ใหม่