ภาวะฮีทสโตรคในสัตว์เลี้ยง ไฮเปอร์เทอเมีย (Hyperthermia) หรือ ฮีทสโตรค (Heat Stroke) คืออาการที่อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น เนื่องจากร่างกายได้รับความร้อนจากภายนอกมากขึ้น หรือเนื่องจากร่างกายเกิดความร้อนภายในมากขึ้น หรือเนื่องจากการระบายความร้อนออกจากร่างกายน้อยลง
แมวเป็นสัตว์ที่ไม่ได้ทนต่อความร้อนไปได้มากกว่ามนุษย์ แมวจะระบายความร้อนด้วยการหอบ และมีต่อมเหงื่อเพียงแค่บริเวณแผ่นรองเท้าเท่านั้น เมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นแมวจะทรมานจากความเหนื่อยล้า และเกิดฮีทสโตรคตามมา หากไม่ลดอุณหภูมิร่างกายลงโดยเร็ว อวัยวะภายในจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง และส่งผลให้เสียชีวิตในที่สุด
อาการเบื้องต้นที่พบทั่วไปในแมวที่มีความเครียดจากความร้อน ได้แก่
1.พฤติกรรมกระวนกระวาย พยายามหาที่เย็น
2. หอบ เหงื่ออกที่อุ้งเท้า
3. พยายามเลียขนมากกว่าปกติเพื่อระบายความร้อน
4. อุณหภูมิร่างกายที่วัดได้จะอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
เมื่ออุณหภูมิร่างกายของแมวเริ่มสูงขึ้น อาการของความล้าจากความร้อนจะเริ่มแสดงให้เห็น ได้แก่
ชีพจรเต้นเร็วและหายใจเร็ว
ลิ้นและปากแดง
อาเจียน
อ่อนเพลีย
เดินโซเซ
อุณหภุมิร่างกายที่วัดได้มากกว่า 105°F
หลังจากนั้นอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้แมวหมดสติและอาจมีอาการชักจนเข้าสู่ภาวะโคม่า
สาเหตุ
- สาเหตุสำคัญก็คือการที่อากาศภายนอกร้อนจัดเป็นเวลานาน
- เกิดจากให้สัตว์ออกกำลังกายมากเกินไป โดยเฉพาะเมื่อขณะมีความชื้นในอากาศสูง
- สัตว์อ้วนเกินไป
- สัตว์มีขนดก หนา และจำเป็นต้องอยู่ในที่ที่การระบายอากาศไม่ดีพอ
การดูแลเบื้องต้น
1. หากแมวหมดสติในสิ่งแวดล้อมท
ี่มีความร้อนสูง จุ่มแมวให้เปียกทั้งตัวด้วย
น้ำเย็น (แต่ต้องไม่เย็นจัดจนเป็นน้
ำแข็ง) ระวังอย่าให้น้ำเข้าจมูกหรื
อปาก วางถุงน้ำแข็งระหว่างขาและพ
าไปพบสัตวแพทย์ทันที
2. หากแมวยังมีสติแต่แสดงอาการ
ของความเหนื่อยล้าจากความร้
อน ให้พาแมวไปที่ ๆ เย็นทันที ทำให้ตัวเปียกและให้ดื่มน้ำ
เท่าทีต้องการ แล้วพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
3. หากแมวเริ่มแสดงความเครียดจ
ากความร้อน พาไป
อยู่ในที่เย็น เงียบ และมีน้ำเพียงพอสำหรับดื่ม
4. หากคุณสามารถวัดไข้แมวของตัวเองได้อย่างปลอดภัย ให้วัดไข้ ดังนี้
100°-103°F เป็นอุณหภูมิปกติถึงสูงเล็กน้อย
103°-104°F อุณหภูมิเริ่มสูงและควรได้รับการประเมินจากสัตวแพทย์
มากกว่า 105°F เป็นอันตรายต่อชีวิตจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือทันที