ยอมใจพี่ชายคนนี้ เจอ’เด็กหนุ่ม’เดินตากแดดริมถนน ไม่รอช้าตัดสินใจเข้าสอบถาม
นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวสุดประทับใจ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่ได้ไปพบเจอเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินไปเรื่อยๆบนถนน โดยเขาเลยตัดสินใจเดินตามไปและได้รับรู้ว่าเด็กหนุ่มคนดังกล่าวกำลังจะไปหาแม่ที่พระประแดง เขาจะเดินไปเรื่อยๆเพื่อขึ้นรถมล์ แต่เขาเดินมาไกลประมาณหนึ่งแล้ว ชายคนดังกล่าวเลยถามว่ามีเงินมั้ย หนุ่มคนน้ันเลยเปิดกระเป๋าเงินให้ดู กลับพบเป็นเรียน 50 สตางค์อยู่เป็นจำนวนมาก เขาเลยตัดสินใจ เรียกแท็กซี่ และจ่ายค่ารถและให้เงินติดตัวๆไปสองร้อยบาท โดยให้รถแท็กซี่ไปขึ้นรถตู้ที่บางใหญ่
โดยเรื่องราวดังต่อไปนี้มาจากผู้ใช้ เฟซบุ๊กชื่อ หมีชง ที่ได้ระบุข้อความทั้งหมดเอาไว้ว่า “ตอนที่กำลังเขียนเรื่องนี้เวลาเกือบตีหนึ่ง ฝนเพิ่งซา ทำให้ผมนึกถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งได้เจอเขาเมื่อตอนเย็นวันนี้หลังจากปิดร้าน ผมกลับบ้านโดยใช้เส้นทางราชพฤกษ์มุ่งหน้าไปยังถนนสายสามสี่ห้าก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนตัดใหม่ที่จะไปเจอถนนกาญจนาภิเษก”
“ช่วงที่รถกำลังวิ่งข้ามสะพาน ผมก็ตกใจเมื่อเห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนสะพาน ซึ่งเอาเข้าจริงสะพานนั้นพื้นที่แทบทั้งหมดก็คือถนนที่รถกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง ชายคนนั้นเดินอยู่ชิดริมสะพาน ท่าทางการเดินรับรู้ได้ว่าเขาคือคนพิการ ผมพยายามจะชะลอรถเพื่อสอบถามและช่วยเหลือเขา แต่สภาพการจราจรบนสะพานตอนนั้นที่รถแต่ละคันวิ่งด้วยความเร็วสูง และผมอยู่เลนกลาง จึงทำให้ไม่สามารถชะลอรถได้ โชคดีที่พอรถลงสะพานมีปั้มน้ำมัน ผมจึงเลือกที่จะจอดรถในปั้มเพื่อรอดูว่าชายคนนั้นเดินลงมาจากสะพานได้หรือไม่ ซึ่งถือว่าเขาเดินเร็วมาก เพราะเมื่อผมจอดรถเสร็จและเดินออกมาที่ริมถนน เขากำลังเดินผ่านปั้มน้ำมันนั้นไป“
“ผมจึงตัดสินใจเดินตามเขาไป และได้เห็นเขาชัดๆ ว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่แต่งตัวเรียบร้อย ชายเสื้อยืดสีมอมแมมสวมไว้ในกางเกงขายาวสีเข้ม สวมรองเท้าผ้าใบ ผมเผ้าหวีเป็นระเบียบ แต่ขาข้างหนึ่งและแขนข้างเดียวกันนั้นพิการผมถามเด็กหนุ่มว่าจะเดินไปไหน เขาตอบผมว่าจะไปหาแม่ที่พระประแดง โดยจะเดินไปขึ้นรถเมล์แถวบางแคผมตกใจกับคำตอบที่ได้ และยิ่งตกใจเมื่อรู้ว่าเขาเดินมาไกลพอสมควรแล้ว (จากถนนสายสามสี่ห้า) เขาตั้งใจจะเดินไปเรื่อยๆ ไปบางแคผมถามเขาว่ามีเงินค่ารถไหม เขาจึงล้วงเงินจากกระเป๋าใบเล็กๆ ที่สะพายออกมาให้ผมดู เศษเหรียญสลึงและเหรียญห้าสิบสตางค์อยู่เต็มมือของเขา“
“ผมจึงมอบเงินให้เด็กหนุ่มคนนั้นไปสองร้อยบาท และเรียกแท็กซี่พร้อมจ่ายเงินค่าแท็กซี่อีกหนึ่งร้อยบาทเพื่อให้ไปส่งที่ท่ารถตู้แถวบางใหญ่ ผมไม่แน่ใจว่าผมทำถูกไหม หรือช่วยเหลือถูกวิธีหรือไม่ แต่ในจังหวะเวลาขณะนั้นและภาพที่เห็นจึงทำให้ผมตัดสินใจช่วยด้วยวิธีการแบบนั้นออกไป ตัวเงินอาจไม่มากนัก แต่ผมคิดว่าอย่างน้อยก็ช่วยลดทอนความทุกข์”
"ยากลำบากของเด็กหนุ่มคนนั้นให้ลดลงได้แม้จะเล็กน้อยและเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตามตอนที่ผมส่งเด็กหนุ่มขึ้นรถแท็กซี่ ผมภาวนาในใจว่าขอให้เขาเดินทางโดยสวัสดิภาพ ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะผมนึกถึงคำถามของน้องผู้ชายและหญิงสองคนที่แวะมาทานกาแฟที่ร้านในช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งน้องถามผมว่าทำไมผมถึงมาชงกาแฟ ผมไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนมากนัก เพราะจู่ๆ ก็นึกคำตอบไม่ออก”
“แต่ตอนที่ผมมองแท็กซี่ที่เด็กหนุ่มคนนั้นนั่งไป ทำให้ผมได้คำตอบที่ผมยังไม่ได้ตอบน้องผู้ชายและหญิงสองคนนั้นว่า ผมชงกาแฟเพราะมันคือ“การแบ่งปัน" การชงกาแฟ เราแบ่งปันความตั้งใจที่เราชงกาแฟแก้วนั้นส่งมอบในรูปเครื่องดื่มให้แก่ลูกค้าที่ซื้อกาแฟ และเงินค่ากาแฟของลูกค้า(ในวันนี้) เราได้แบ่งปันให้แก่เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้เดินทางไปหาแม่ที่พระประแดงต่อไป ความรู้สึกของการแบ่งปันนี่ล่ะที่หล่อเลี้ยงจิตใจเราให้มีแรงใจในการใช้ชีวิตต่อไป”
แหล่งที่มา:www.esannews.khaosaan.com