ความเป็นมาของ วันโกหก April fool day
มีตำนานเล่ากันมาว่า สมัยก่อน พวกฝรั่งเขาก็มีวันขึ้นปีใหม่ใกล้ ๆ บ้านเรานี่แหละ คือเดือนเมษายน แต่แล้วทางการมีการเปลี่ยนวันปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคม บังเอิญยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ ก็ยังคงส่ง ส.ค.ส.
ให้กันในวันที่ 1 เมษายน พวกเขาก็เลยเรียกพวกนี้ว่าพวก "เมษาหน้าโง่" แล้วก็มีการแกล้งกันโดยไม่บอกความจริงเพื่อความสนุกสนาน จนกลายเป็นเทศกาลที่รู้จักและเล่นกันในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส สกอตแลนด์ อิตาลี สเปน โปรตุเกส สวีเดน เยอรมนี นอร์เวย์ ญี่ปุ่น ฯลฯ โดยแต่ละประเทศอาจมีวันโกหกไม่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน เสมอไป
อย่างไรก็ตาม มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับความเป็นมาของวันโกหก April Fool's Day บ้างก็ระบุว่า เริ่มจากพวกโรมันโบราณ มีเทศกาลที่เรียกว่า "Cerealia" จัดในช่วงต้นเดือนเมษายน เรื่องเล่านี้มีว่า เทพเจ้าชื่อ Ceres ทรงได้ยินเสียงสะท้อนของพระธิดา Proserpina ตะโกนมาว่า เธอถูกจับตัวไปอยู่ใต้ผืนดินโดยเทพพลูโต Ceres จึงตามเสียงลูกสาวไป และได้พบความจริงที่ว่า การตามเสียงสะท้อนเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลย เหมือนว่าพระองค์ทรงถูกหลอกนั่นเอง
นอกจากนี้ ยังมีอีกทฤษฎีที่เชื่อว่า วันโกหก April Fool's Day เกิดจากช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หนุ่มสาวจะออกตามหาความรัก และเป็นช่วงที่พืชเจริญเติบโต ในขณะที่สัตว์ต่าง ๆ ก็หาคู่ด้วย กลุ่มนักบวชจึงพยายามหลอกล่อวิญญาณของความชั่วร้ายอย่างสุดความสามารถ เพื่อไม่ให้มาขัดขวางความรักของทั้งหนุ่มสาว พืช และสัตว์ ดังนั้น จึงเป็นเดือนที่นักบวชจะต้องสวดเพื่อหลอกเหล่าวิญญาณร้ายนั่นเอง
วิธีการเล่นในวัน April Fool's Day คือ...
วันที่ 1 เมษายน ซึ่งเป็นวัน April's Fool Day เป็นวันที่คนแกล้งหลอกกันด้วยการแต่งเรื่องอะไรก็ได้มาหลอกให้คนอื่นหลงเชื่อ จากนั้นค่อยเฉลยในตอนท้าย ซึ่งเรื่องที่เอามาหลอกนั้นจะต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับเลือดตกยางออก และคนที่ถูกหลอกจะต้องไม่โกรธด้วย เพราะถือว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ ยกเว้นให้หนึ่งวัน
อย่างไรก็ตาม จะกุเรื่องอำใคร หรือแกล้งใคร ก็ขอให้อยู่ในความพอดีสักหน่อย เดี๋ยวจะบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ไป และจะขำกันไม่ออกนะคะ