อาจจะมาจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คาดปม 2 ผัวเมียดับปริศนา หรือเป็นเพราะแม่โพสต์รูปเงินลงโซเชียล
30 ม.ค.ที่ผ่านมา นายจรัญฐาธีนากร วงผาบุตร อายุ 23 ปี และ นางสาวทิพวรรณ สิมโสม อายุ 23 ปี ภรรยา ผูกคอตายที่ไร่มันสำปะหลังแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดลำปาง โดยญาติของผู้ตายไม่ปักใจเชื่อว่าผู้ตายจะฆ่าตัวตาย เนื่องจากไม่มีมูลเหตุ และการผูกคอตายก็มีลักษณะที่ยังคลุมเครือ รวมถึงยังมีข้อสงสัยหลายจุด อีกทั้งเงินที่ผู้ตายพกมา 4-5 หมื่นยังหายไป ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด มีรายงานจาก บริเวณบ้านพักกลางไร่มันสำปะหลังแห่งหนึ่ง เขตตำบลน้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง นายสุริยา พุดตาน พ่อของผู้ตาย ได้น้ำกิ่งไม้ เชือกฟาง และแกนข้าวโพดมาจำลองเหตุการณ์วันเกิดเหตุที่ทั้งคู่ผูกคอตายปริศนา รวมถึงข้อสงสัยของครอบครัวให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมยืนยันว่าลูกชายและลูกสะใภ้ไม่ได้ฆ่าตัวตายเองอย่างแน่นอน
พ่อของผู้ตาย ได้น้ำกิ่งไม้ เชือกฟาง และแกนข้าวโพดมาจำลองเหตุการณ์วันเกิดเหตุ
นางเพชรา วงษ์ผาบุตร อายุ 47 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นแม่ของผู้ตายทั้งสองคน ได้นำภาพซึ่งถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในภาพจะเห็นเงินแบงก์พันจำนวนหลายหมื่นบาทนำมาคลี่เป็นวงกลม และข้างๆ มีภาพของหลานชายวัยสองขวบซึ่งเป็นลูกของลูกชายกับลูกสะใภ้อยู่ข้างๆ พร้อมเปิดเผยว่า ก่อนที่ลูกจะผูกคอตายปริศนาประมาณ 1 อาทิตย์ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ตนได้นำภาพดังกล่าวโพสต์ลงในเฟซบุ๊กและลูกได้มีแท็กเข้ามา โดยอาจนำภาพไปโพสต์ต่อ ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร
จนกระทั่งมีญาติมาทักว่า ทำแบบนี้เหมือนนำโจรเข้ามาฆ่าลูก ซึ่งเหตุการณ์นี้ยังไม่ได้บอกให้ตำรวจทราบ เพราะไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นทำให้ลูกเสียชีวิต จนกระทั่งญาติมาทัก และเรื่องดังกล่าวอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกชายเสียชีวิตหรือไม่ โดยก่อนเกิดเหตุเห็นลูกชายและลูกสะใภ้เตรียมเงินประมาณ 4-5 หมื่น เพื่อจะนำไปฝากธนาคารช่วงที่ไปซื้อนมให้ลูก โดยเงินดังกล่าวได้มาจากการขายหัวมันสำปะหลัง ซึ่งบางส่วนเตรียมไว้จะจ่ายค่าเช่าที่ดิน
นอกจากนี้ หลังเกิดเหตุเงินจำนวนดังกล่าวได้หายไป โดยทางครอบครัวได้บอกตำรวจไปแล้วแต่ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการตรวจสอบว่าเงินหายไปไหน และหลังจากลูกเสียชีวิตไปแล้วทุกวันนี้ ตนนอนไม่ค่อยหลับ กลัวลูกจะตายฟรี และไม่มีกำลังใจที่จะทำงาน จะกลับไปอยู่ที่บ้านก็กลับไม่ได้ เพราะต้องเก็บหัวมันที่ยังเหลืออีกหลายสิบไร่
อีกทั้งยังต้องปลูกมันสำปะหลังรุ่นใหม่อีก หนี้สินก็ยังมีจึงต้องทนก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป ทั้งที่กลัวว่าครอบครัวจะไม่ปลอดภัย ตอนนี้ยอมรับว่าเหมือนคนเสียศูนย์ เครียดจัดเพราะคดีของลูกชายและลูกสะใภ้ก็เหมือนจะไม่คืบหน้า พยานหลักฐานก็หาลำบาก จึงอยากขอวิงวอนนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือลงมาดูคดีของลูกตนให้ได้รับความยุติธรรมด้วย.
แหล่งที่มา: https://www.sharenews168.info