หญิงสาวแชร์ประสบการณ์ นอน รพ.จิตเวช ที่หลายคนไม่เคยรู้ และคิดว่าทุกคนต้องรับรู้
ไม่รู้ว่าต้องโทษใครดี กับการปลูกฝังภาพจำโรงพยาบาลว่าเป็นสถานที่แห่งความชั่วร้าย น่ากลัวมีผีนั่นนี่ โดยเฉพาะโรงพยาบาลจิตเวชที่เรามักคิดไปว่า มันต้องน่ากลัวสุด เต็มไปด้วยคนบ้าเหมือนในหนังแน่นอน แต่ความจริงแล้ว มัน ไม่ ใช่ เลย!!
ซึ่งปัจจุบันภาพจำเหล่านั้นจะเริ่มหายไปบ้างแล้ว ผู้คนเริ่มไม่กลัวที่จะเข้าไปปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตกันแล้ว ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณเจ้าของเรื่องในพันทิป ที่เคยมาแชร์ประสบการณ์ภายในโรงพยาบาลศรีธัญญาให้ฟัง จนเปลี่ยนแนวคิดให้กับใครหลายคนก็มาก คราวนี้เราลองมาดูฝั่งต่างประเทศกันบ้าง เมื่อผู้ใช้ชื่อ Out of Darkness ได้เผยประสบการณ์นอนโรงพยาบาลจิตเวชที่ผ่านมาให้ฟัง เพื่อสร้างพลังบวกและมาดูกันว่า ของบ้านเรากับของบ้านเขา เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง....
"เมื่อเร็วๆนี้ ช่วง ม.ค. ที่ผ่านมา ฉันมีความจำเป็นต้องเข้ารับปรึกษาด้านสุขภาพจิต หลังจากไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์นี้มานาน 2 ปีแล้ว วันนี้ฉันเลยขอแชร์ประสบการณ์กันหน่อย นี่คือห้องที่เขาให้ฉันมานอน ซึ่งดูดีและสบายใช้ได้เลย จะติหน่อยก็ตรงที่ร้อนและหน้าต่างก็เปิดได้กว้างสุดแค่นิ้วกว่าๆเอง เพื่อความปลอดภัย"
"มันก็เป็นห้องง่ายๆ มีพื้นที่ใช้สอยอยู่พอประมาณ น่าจะเอาไว้เข็นวีลแชร์สำหรับผู้ป่วยพิการอะไรประมาณนั้น และในห้องยังมีการติดคำพูดให้กำลังใจอยู่ตามมุมต่างๆ ด้วย และที่แปลกก็คือในห้อง จะมีรูเสียบปลั๊กเยอะมาก ทั้งที่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำสิ่งของประเภทเชือก เส้นด้าย สายไฟหรืออะไรทำนองนั้นติดตัวมาด้วย เพราะอะไรก็น่าจะรู้กันดี แต่ที่เขามีเต้าเสียบเยอะขนาดนี้ก็เพื่อให้แม่บ้านเสียบอุปกรณ์ทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถูห้องให้เรา"
"อันนี้คือภาพทางเดินนอกห้องฉัน ข้างล่างจะเป็นสวนหย่อมที่ลงไปผ่อนคลายได้ในช่วงกลางวัน ทางซ้ายมือจะเป็นห้องทำงานของพยาบาล เลยห้องพยาบาลไปก็จะเป็นโลกภายนอก วอร์ดที่ฉันอยู่จะเป็นวอร์ดแบบปิดล็อค ไม่สามารถหนีออกไปได้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากหมอ หากใครพยายามหลบหนีและถูกจับได้ คุณจะถูกพาไปอยู่ห้องพิเศษ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง หากคุณอยากออกไปเร็วๆ ก็ทำตัวดีๆ แสดงให้หมอเห็นว่าคุณพร้อมจะออกไปแล้วจริงๆ"
"อันนี้จะเป็นห้องนั่งเล่นรวมกับคนไข้คนอื่นๆ ห้องนี้ฉันมักหมดเวลาไปกับการระบายสีและพูดคุยกับคนไข้คนอื่น ที่ฉันไม่ได้ถ่ายรูปเพื่อนๆคนไข้มา เพราะกลัวว่าจะผิดกฎหมายและเพื่อความเป็นส่วนตัว ห้องนี้จะมีทีวีไว้ให้ดูด้วย และด้วยความที่มันอยู่ในกล่องไม้หน้าตาประหลาด บวกกับรีโมทหายอีก ทำให้เวลาจะเปลี่ยนช่องทีนึง ก็ต้องเรียกคนที่มือและแขนเรียวเล็ก ล้วงไปเปลี่ยนช่องอะนะ"
"อันนี้เป็นตู้เสื้อผ้าเล็กๆกะทัดรัดที่มีให้ทุกห้อง ด้านซ้ายมือของมันฉันก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะใส่มาเพื่ออะไร ในเมื่อเขาห้ามนำอะไรที่สามารถแขวน หรือมัดเป็นปมเข้าไปได้ ฉันเลยสังหารเวลาในแต่ละวันกับมันซะส่วนใหญ่ นั่งจัดนั่งเรียงเสื้อผ้าอยู่นั่นแหละ"
"นี่คือของอุปโภคบริโภคที่ทางโรงพยาบาลจัดมาให้ ชุดนอนฉันเอามาเอง ก็มีแชมพูสระผม เจลอาบน้ำ ลูกบอลบีบแก้เครียด และถุงใส่กลีบลาเวนเดอร์เพื่อให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย และก็เครื่องประทินผิวเล็กๆน้อยๆ ซึ่งของเหล่านี้ สำหรับผู้หญิงที่รักสวยรักงามแล้ว มันไม่พอหรอก ฉันเลยเอาโรลออน ของใช้ในห้องน้ำมาเองส่วนหนึ่งด้วย"
"และฉันก็เอาหนังสือมาอ่าน และเอาเกมปริศนาอักษรไขว้มาเล่นด้วย เพราะฉันขี้เบื่อมากและอยากหาอะไรมาสังหารเวลา ไอ้สีเขียวๆข้างหนังสือเป็นเหมือนของเล่นแก้ปริศนา ไว้ล่นตอนฉันรู้สึกวิตกกังวล"
"นี่คือผลงานของฉันในชั่วโมงระบายสี รูปซ้ายฉันไม่ได้วาดนะ แค่ลงสีเฉยๆ อีกสองรูปที่ดูหลอนๆนั่นแหละผลงานฉันเอง สิ่งที่อยู่ในหัวฉัน ฉันนึกภาพมิติที่ 4 ไว้ในหัวที่เหมือนมีดวงตา คอยจ้องมาที่ฉันอยู่ตลอด สุดท้ายหมอวินิจฉัยว่าฉันเป็น ภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดก้ำกึ่ง มีอารมณ์ขึ้นๆลงๆ อารมณ์รุนแรง หุนหันพลันแล่น มีความคิดและนิสัยไม่คงที่ และก็เคยคิดจะฆ่าตัวตายด้วย แต่ตอนนี้ฉันเริ่มดีขึ้นแล้ว และอยากบอกทุกคนว่า อย่าไปกลัวที่จะเข้าโรงพยาบาลจิตเวช มันไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรเพราะบางครั้งเราก็ต้องการคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญบ้าง เพื่อให้สุขภาพจิตเราดีขึ้น และกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ"
แหล่งที่มา: https://mekhaoduan.com/