ประเพณีแต่ละจังหวัดของภาคอีสาน
๑. ประเพณีบุญข้าวจี่ (จังหวัดมหาสารคาม)
บุญข้าวจี่ เป็นงานบุญประเพณีของชาวอีสาน ที่กระทำกันในเดือนสาม จนเรียกว่า บุญเดือนสาม บุญข้าวจี่เป็นบุญประเพณีสำคัญที่มีกำหนดอยู่ในฮีตสิบสอง ดังรู้จักกันทั่วไปว่า เดือนสามคล้อยจั่วหัวปั้นข้าวจี่ เดือนสี่คล้อยจัวน้อยเทศน์มะที (มัทรี) บุญข้าวจี่นิยมทำกันในราวกลางเดือนหรือปลายเดือนสาม คือ ภายหลังการทำบุญวันมาฆบูชา (เดือนสาม ขึ้น ๑๔ ค่ำ) แล้ว ส่วนใหญ่จะกำหนดวันแรม ๑๓ ค่ำ และ ๑๔ ค่ำ เดือนสาม บุญข้าวจี่เป็นกิจกรรมร่วมของชุมชนหลายหมู่บ้าน นั่นคือ ชาวอีสานบางหมู่บ้านเรียกงานบุญนี้ว่า บุญคุ้ม จะทำกันเป็นคุ้ม ๆ หรือ บางหมู่บ้านก็จะทำกันที่วัดประจำหมู่บ้าน ล้วนแล้วแต่เป็น บุญข้าวจี่ หรือบุญเดือนสามนั่นเอง ชาวบ้านที่เป็นเจ้าภาพก็จะบอกบุญไปยังหมู่บ้านใกล้เคียงให้มาร่วมกันทำบุญ
๒.ประเพณีบุญผะเหวด (จังหวัดร้อยเอ็ด)
บุญผะเหวด หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า บุญมหาชาติ เป็นประเพณีบุญตามฮีตสิบสอง ของชาวอีสาน แต่ถ้าถือเป็นเรื่องทาน ก็เป็นประเพณีการบริจาคทานครั้งยิ่งใหญ่ ก็พอจะอนุมานได้ถึงสภาพทั่วไป ของชาวอีสานว่า ดอกจิก ดอกจาน บานราวต้นเดือน 3 พุทธศาสนิกชนจะเก็บดอกไม้เหล่านี้ มาร้อยเป็นมาลัยเพื่อตกแต่งศาลาการ เปรียญสำหรับบุญมหาชาติและในงานนี้ก็จะมีการเทศน์มหาชาติ ซึ่งถือว่าเป็นงานอันศักดิ์สิทธิผู้ใดฟังเทศน์มหาชาติจบภายในวันเดียวและบำเพ็ญคุณงามความดี จะได้อานิสงส์ไปเกิดในภพหน้า
๓.ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง (จังหวัดสกลนคร)
งานแห่ปราสาทผึ้งในเทศกาลออกพรรษาของชาวอีสาน แม้ว่าจะมีอยู่ทั่วไปในหลายจังหวัดแต่ก็ไม่จัดใหญ่โตและปฏิบัติต่อเนื่องเช่นของเมืองสกลนครการพัฒนารูปแบบปราสาท ทรงโบราณ เป็นทรงตะลุ่มทรงหอผึ้งแบบโบราณยังไม่พัฒนาเป็นรูปทรงปราสาทผึ้ง ดังกล่าวย่อมเกิดแง่คิดในหลายประเด็น โดยเฉพาะในด้านรูปแบบและเนื้อหา ว่ามีการอนุรักษ์ประยุกต์ดัดแปลงหรือสร้างใหม่อย่างไร
๔.การฟ้อนกลองตุ้ม (จังหวัดศรีสะเกษ)
การฟ้อนกลองตุ้มจะไม่มีการไหว้ครู พอเริ่มก็จะฟ้อนเลย ส่วนการถ่ายทอดนั้นนักฟ้อนรุ่นก่อนจะเป็นผู้ถ่ายทอดให้รุ่นต่อ ๆ ไป .สะท้อนให้เห็นความสามัคคี..และความพร้อมเพรียงกันของชาวบ้านที่มาฟ้อนรำกลองตุ้มประกอบประเพณีบุญบั้งไฟ ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมสืบทอดต่อกันมา การที่เด็กและเยาวชนในหมู่บ้านได้แสดงออกด้วยความสนุกสนาน นับว่าเป็นกุศโลบายในการสืบทอดประเพณีอันดี
๕.ประเพณีบุญบั้งไฟ (จังหวัดยโสธร)
ชาวจังหวัดยโสธรร้อยละ 85 ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ชาวยโสธรจึงจัดประเพณีบุญบั้งไฟเป็นการทำบุญประจำปีทุกปีในช่วงเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นช่วงก่อนฤดูกาลทำนาเป็นพิธีขอฝนจากพญาแถนให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล
๖.การแข่งเรือพิมาย (จังหวัดนครราชสีมา)
การแข่งเรือเป็นรูปแบบของการเล่นในฤดูน้ำหลากที่สร้างความสามัคคีของคนในหมู่บ้านและคนต่างหมู่บ้านได้พบปะกันเป็นการสร้างความสมานสามัคคีของสังคมได้ทางหนึ่ง
๗.ประเพณีไหลเรือไฟ (จังหวัดนครพนม)
เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทที่ประทับไว้ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานทีในแคว้นทักษิณาบทประเทศอินเดีย, เพื่อบูชาท้าวผกาพรหม, เพื่อขอขมาลาโทษแม่น้ำที่เราทำให้สกปรก, เพื่อเอาไฟเผาความทุกข์ให้หมดไปแล้วลอยไปกับแม่น้ำ
๘.งานเทศกาลไหม ประเพณีผูกเสี่ยว (จังหวัดขอนแก่น)
“ประเพณีผูกเสี่ยว” ก็เป็นประเพณีสำคัญที่จัดขึ้นพร้อมกันกับงานเทศกาลไหมโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คนในท้องถิ่นและคนในชาติมีความรักใคร่กลมเกลียวสมัครสมานสามัคคีและช่วยเหลือเกื้อกูลกันคำว่า "เสี่ยว" เป็นภาษาถิ่นอีสาน แปลว่า มิตรแท้ เพื่อนแท้ เพื่อนตาย มีความผูกพัน ซื่อสัตย์ และจริงใจต่อกัน
๙.การเบิกน่าน้ำ (จังหวัดมุกดาหาร)
เนื่องจากจังหวัดมุกดาหารตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง จึงมีประเพณีการแข่งขันเรือพายขึ้นในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ เรียกว่า งานออกพรรษา ประเพณีการแข่งเรือถือว่าเป็นการบูชาพญานาค ๗ ตระกูล และเชื่อมความสัมพันธไมตรีระหว่างชาวมุกดาหารกับชาวสวันเขต ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประ ชาชนลาว
๑๐.มหกรรมโปงลางแพรวา กาฬสินธุ์ (จังหวัดกาฬสินธุ์)
งานมหกรรมโปงลาง แพรวาและงานกาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นงานประเพณีท้องถิ่นของจังหวัดที่จัดเป็นประจำทุกปีเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยชาวต่างประเทศต่างให้ความสนใจกับงานเทศกาลนี้ ประเพณีศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นนี้สร้างขึ้นจากคำขวัญของจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ว่า “โปงลางเลิศล้ำ” วัฒนธรรมภูไทยผ้าไหมแพรวาผาเสวยภูพาน มหาธารลำปาว ไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปี" ที่แสดงถึงความรักสามัคคี ความพร้อมเพรียง การรวมใจเป็นหนึ่งของผู้คนที่จะช่วยกันจรรโลง เชิดชูเกียรติ ชื่อเสียงและเอกลักษณ์ของเมืองกาฬสินธุ์ให้เป็นที่รู้จักสืบไป
๑๑.ประเพณีแห่นาคโหด (จังหวัดชัยภูมิ)
ประเพณีแห่นาคโหด ที่บ้านโนนเสลาถือเป็นประเพณีโบราณและปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาหลายร้อยปีหลายชั่วคนที่มีแห่งเดียวในโลก เพื่อที่ชาวบ้านจะได้มาร่วมกันจัดงานอุปสมบทหมู่ให้กับคนหนุ่มบุตรหลานในหมู่บ้านที่มีอายุครบ ๒๐ ปี ถือเป็นวันขึ้น ๑ ค่ำ แรม ๑๕ ค่ำ ของเดือนหกเป็นประจำทุกปี
๑๒.ประเพณีแซนโฎนตาบูชาบรรพบุรุษ (จังหวัดสุรินทร์)
งานประเพณีแซนโฎนตา ชาวสุรินทร์ร่วมกันประกอบพิธีแซนโฏนตา บูชาบรรพบุรุษ ยิ่งใหญ่ เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้แก่ บรรพบุรุษ ประเพณีที่มีความสำคัญ ของชาวไทยเชื้อสายเขมร และชาวกูย ในจังหวัดสุรินทร์ ที่ถือปฏิบัติสืบทอดติดต่อกันมายาวนานนับพันปีงานประเพณีแซนโฎนตา จังหวัดสุรินทร์
๑๓.ประเพณีบุญบั้งไฟ (จังหวัดหนองคาย)
เป็นประเพณีเก่าแก่ที่ได้ปฏิบัติกันมานาน เกี่ยวกับการบูชาเทวดาขอฟ้าขอฝน ตามความเชื่อและโบราณกาล เป็นงานใหญ่โตมาก มีการจัดประกวดบั้งไฟประเภทตกแต่งสวยงาม ความคิดสร้างสรรค์ ประกวดขบวนแห่ และการจุดขึ้นสูงสุด จัดทำในวันเพ็ญเดือน ๗ ของทุกปี จังหวัดหนองคายได้จัดเป็นการแสดงแสงสีเสียงตำนานบั้งไฟพญานาค เกี่ยวกับเรื่องพระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นพญาคันคาก (คางคก) แล้วมี เรื่องราวไม่ถูกใจกับพญาแถน (พระอินทร์) จึงสาบให้แผ่นดินแห้งแล้งจนพญาคันคาก แนะนำให้ชาวบ้านจุดบั้งไฟถวายจนฝนตกลงมาในที่สุด
๑๔.ประเพณีฮีตสิบสอง (จังหวัดอำนาจเจริญ)
"ฮีตสิบสอง คองสิบสี่" หมายถึงประเพณีสิบสองเดือนที่ยึดถือปฏิบัติกันมาจนถึงปัจจุบัน เป็นงานที่รวบรวมประเพณีสิบสองเดือน ของอีสานมาจำลองให้ชม เนื่องจากชาวอำนาจเจริญมีวิถีชีวิตอยู่บนพื้นฐานของประเพณีอันเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาว อีสานทั่วไป
๑๕.ประเพณีแห่ผีตาโขน (จังหวัดเลย)
จัดเป็นส่วนหนึ่งในงานบุญประเพณีใหญ่หรือที่เรียกว่า "งานบุญหลวง" หรือ "บุญผะเหวด" ซึ่งตรงกับเดือน ๗ มีขึ้นที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และจัดเป็นการละเล่นที่ถือเป็นประเพณีทุกปี เกี่ยวโยงกับงานบุญพระเวสหรือเทศน์ มหาชาติ ประจำปีกับพระธาตุศรีสองรัก ปูชนียสถานสำคัญของชาวด่านซ้าย เป็นอีกหนึ่งประเพณีที่มีชื่อเสียงและขึ้นชื่อของจังหวัดเลย โดยมีกระบวนแห่ผีตาโขนโดยแต่งกายคล้ายผีและปีศาจใส่หน้ากากขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์มีลวดลายที่งดงามแตกต่างกันไป แสดงการละเล่นเต้นรำกันอย่างสนุกสนานในขบวนแห่งที่แห่ยาวไปตามท้องถนน
๑๖.ประเพณีแห่เทียนพรรษา(จังหวัดอุบลราชธานี)
เป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดอุบลราชธานี จัดให้มีขึ้นในวันอาสาฬบูชา ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน 8 และวันเข้าพรรษา บริเวณทุ่งศรีเมืองและศาลาจตุรมุข มีการประกวดต้นเทียน 2 ประเภท คือ ประเภทติดพิมพ์และประเภทแกะสลัก โดยขบวนแห่จากคุ้มวัดต่างๆ พร้อมนางฟ้าประจำต้นเทียน จะเคลื่อนขบวนจากหน้าวัดศรีอุบลรัตนารามไปตามถนน มาสิ้นสุดขบวนที่ทุ่งศรีเมือง
๑๗.ประเพณีโฮมพาแลง แดนผ้าหมี่ขิด (จังหวัดอุดรธานี)
งานประจำปีทุ่งศรีเมือง มหกรรมโฮมพาแลง แดนผ้าหมี่ขิด จัดขึ้นระหว่างวันที่
๑-๑๕ ธันวาคม ของทุกปี ในเดือนธันวาคมของทุกปี จังหวัดอุดรธานีจะจัดงานกาชาดทุ่งศรีเมือง อุดรธานี ‘มหกรรมโฮมพาแลง’ แดนผ้าหมี่ขิดขึ้น คำว่า ‘โฮมพาแลง’ เป็นภาษาถิ่นอีสาน ‘โฮม’ หมายถึง รวม ‘พา’ หมายถึง ถาดหรือสำรับใส่กับข้าว และ ‘แลง’ หมายถึง เวลาเย็น ดังนั้น ‘โฮมพาแลง’ จึงหมายถึง การรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน
๑๘.ประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง(จังหวัดบุรีรัมย์)
ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นศาสนสถานในลัทธิพราหมณ์และได้รับการแปลงเป็นพุทธสถานในสมัยหลัง ช่วงที่ถูกทิ้งร้างอยู่มีผู้นำพระพุทธบาทจำลองไปประดิษฐานไว้ที่ปรางค์น้อยบนเขา กลายเป็นประเพณีของชาวบ้านรอบๆ บริเวณนั้นพากันขึ้นไปนมัสการปิดทองรอยพระพุทธบาทนี้รวมทั้งไหว้พระทำบุญในวันขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ของทุกปี เนื่องจากปราสาทหินพนมรุ้งเป็นโบราณสถานที่ยี่งใหญ่สวยงามและเป็นประเพณีแต่เดิมอยู่แล้ว จังหวัดจึงได้ส่งเสริมให้มีงานประเพณีในวันเสาร์-อาทิตย์แรกของเดือนเมษายน โดยจัดกิจกรรมต่าง ๆ อันเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมโบราณ ได้แก่ ขบวนแห่ราชประเพณีขอมโบราณ การแสดงแสง-เสียงย้อนรอยอดีตพนมรุ้ง และการแสดงระเบิดภูเขาไฟจำลอง
๑๙.บุญบั้งไฟ(จังหวัดบึงกาฬ)
บุญบั้งไฟจะจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปีซึ่งประเพณีบุญบั้งไฟเป็นประเพณีดั้ง เดิมของชาวอำเภอบึงกาฬ โดยเป็นการส่งเสริมประเพณีศิลปะวัฒนธรรมของท้องถิ่นและช่วยส่งเสริมการท่อง เที่ยวของอำเภอบึงกาฬ โดยจะมีขบวนแห่บั้งไฟของชุมชนต่างๆ ในเทศบาลตำบลบึงกาฬ เช่น ชุมชนบึงกาฬกลาง ชุมชนบึงกาฬไต้ ชุมชนบึงกาฬเหนือ ชุมชนศรีโสภณ และชุมชนวิศิษฐ์โดยเทศบาลจัดให้มีการประกวดขบวนแห่เซิ้งบั้งไฟทุกปี
๒๐.ประเพณีบุญข้าวจี่ยักษ์(จังหวัดหนองบัวลำภู)
ประเพณีบุญข้าวจี่ยักษ์ เป็นบุญประเพณีเดือน ๓ ซึ่งเป็นความเชื่อตามฮีตสิบสองของชาวอีสาน เป็นการทำบุญหลังจากที่ได้ข้าวใหม่ ชาวบ้านจะทำข้าวจี่โดยใช้ข้าวเหนียวใหม่นึ่งจนสุก เคล้าเกลือแล้วย่างไฟจนเกรียมหอม ก่อนเอามาทาด้วยไข่ไก่ที่ตีไว้จนทั่ว แล้วนำไปย่างต่อจนสุก การทาไข่จะทาแล้วย่างสลับไปมาสัก ๓ ครั้ง เมื่อได้ข้าวจี่ทาไข่ที่หอมกรุ่นแล้วจะนำน้ำอ้อยมาใส่ในรูที่ถอดไม้ไผ่ออก ก็จะได้ข้าวจี่ทาไข่ที่มีรสชาติอร่อย หอมหวาน จากนั้นชาวบ้านจะนำข้าวจี่ไปรวมกันที่วัดแล้วถวายพระ ก่อนที่จะนำกลับมาแจกลูกหลานที่รออยู่บ้าน การทำบุญข้าวจี่นี้ชาวบ้านจัดทำติดต่อกันมาทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่วัดถ้ำสุวรรณคูหา ทางเทศบาลตำบลสุวรรณคูหา ได้จัดทำข้าวจี่ยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน และยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีของท้องถิ่นเป็นหลัก จึงเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมได้ของจังหวัดหนองบัวลำภู
แหล่งที่มา: