5 วีรกรรมสุดโหดของ 'เจงกิสข่าน'
5 วีรกรรมสุดโหดของ 'เจงกิสข่าน'
1.ตัดหัวคนที่สูงกว่าล้อเกวียน
หนึ่งในเรื่องราวถูกพูดถึง เมื่อครั้งที่เตมูจินยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นเข้าเป็นผู้นำคนไปชำระแค้นกับชนเผ่าที่ฆ่าพ่อของเขา และสามารถคว้าชัยชนะมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
แต่หลังจากความพ่ายแพ้ ทหารที่ยอมจำนนทุกรายจะถูกนำมาลงโทษ โดยการวัดส่วนสูงกับล้อเกวียนใครที่สูงกว่าจะถูกตัดหัว
ซึ่งล้อเกวียนดังกล่าวมีความสูงเพียง 90 เซนติเมตร ทำให้ทหารที่ถูกจับนั้นถูกฆ่าตายทั้งหมด ส่วนที่รอดชีวิตที่เหลือคือเด็ก และทารกเท่านั้น
2.ลบเมืองศัตรูออกจากหน้าประวัติศาสตร์
อาณาจักรมองโกลได้ทำการส่งฑูตไปยัง จักรวรรดิควาเรชเมียร์ เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี แต่ดูเหมือนจักรวรรดิควาเรชเมียร์จะคิดว่าตัวเองมีกำลังเหนือกว่า จึงไม่สนใจแถมยังสังตัดหัวทูตมองโกลทิ้ง
เมื่อเจงกิสข่านทราบข่าว จึงบุกทัพไปยังควาเรชเมียร์ เพื่อล้างแค้น โดยสั่งให้ทหารฆ่าสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในเมืองแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กทารก ผู้หญิงทุกคน สัตว์ทุกตัว เผาทุกอย่างทิ้ง หรือจะเรียกว่าทำให้มันหายไปทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมที่สุดครั้งหนึ่งของเจงกิสข่าน
3. ล้อมเมืองไว้ให้กินกันเอง ใครออกมาจากเมืองฆ่าทิ้ง
เจงกิสข่านได้นำกองทัพมองโกล เข้าบุกโจมตีอาณาจักรจินที่มีประชากรกว่า 53 ล้านคน พร้อมกับกำแพงเมืองที่สูงใหญ่ขวางเอาไว้ ส่วนทหารมองโกลนั้นมีเพียง 1 ล้านคน
เจงกิสข่านรู้ดีกว่า การบุกเข้าไปเป็นเรื่องที่ยากเกินไป จึงได้สั่งการให้ทหารล้อมรอบเมืองแห่งนี้เอาไว้ เพื่อไม่ให้หาเสบียงได้
ซึ่งใช้เวลานานกว่า 3 ปี ในช่วงท้ายประชาชนในอาณาจักรจินอดอยากมาก ว่ากันว่ามีคนกินกันเองเพื่อประทังความหิว ต่อมาจึงยอมจำนนต่อเจงกิสข่าน
ซึ่งเขาได้ทำการเผาเมืองและประชาชนไปพร้อมๆ กันโดยไม่สนว่าพวกเขาจะมีทางสู้หรือไม่ และกลายเป็นภูเขากองกระดูกในเวลาต่อมา สุดท้ายไม่มีเหลือแม้แต่หลักฐานถึงการมีอยู่ของอาณาจักรแห่งนี้
4. เมื่อพันธมิตรไม่ส่งกำลังมาสนับสนุน
ว่ากันว่าในช่วงก่อนที่เจงกิสข่าน จะบุกไปถล่มควาเรซเมียร์ ได้ขอกองกำลังสนับสนุนจากอาณาจักรซีหลี่ แต่ซีหลี่ปฏิเสธและพร้อมจะตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับอาณาจักรมองโกล
แต่ไม่นานหลังจากเจงกิสข่าน ถล่มเมืองควาเรซเมียร์เสร็จ ก็ยกทัพมายังซีหลี่ต่อ พร้อมกับจัดการทำลายทุกอย่างที่คนรู้จักเกี่ยวกับซีหลี
ชาวบ้านทุกคนถูกฆ่าทั้งหมด เมืองทุกแห่ง หลักฐานใดๆ ก็ตามถูกทำลาย จนแทบจะไม่มีใครรู้จักในปัจจุบัน มีเพียงคำบอกเล่าจะเมืองใกล้ๆ ว่าเคยมี แต่ไม่เคยมีใครรู้รายละเอียดหรือภาษาของอาณาจักรซีหลี่อีกเลยนับแต่นั้น
5. หลุมศพของเจ่งกีสข่าน
ก่อนตาย...เจงกีสข่านได้ทำการบอกความต้องการสุดท้ายกับทหารคู่ใจของเขาว่า เขาไม่ต้องการให้ใครรู้สุสาน หรือหลุมศพเขา
ทำให้ทหารที่ไว้ใจได้สั่ง ให้นายทหารคุมทาสขุดหลุมฝังศพในที่ห่างไกล ก่อนที่ทหารจะฆ่าทาสเหล่านั้นทิ้ง และโยนลงไปในหลุมเดียวกับเจงกิสข่าน ก่อนปลูกต้นไม้ไว้บนหลุมศพ
แต่เมื่อทหารที่นำทาสไปฝังกลับมายังเมือง ก็ถูกฆ่าทิ้งทั้งหมด เพื่อเก็บความลับของหลุมศพ ที่แม้แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีใครพบหลุมของเจงกิสข่านมานานกว่า 800 ปี ที่กลายเป็นความลับมาถึงทุกวันนี้...