ยังจำได้ไหม? “ย่ายิ้ม นางฟ้าของคนไทย” หญิงชราผู้อาศัยอยู่กลางป่าเพียงลำพังนานกว่า 40 ปี พร้อมสิ่งยิ่งใหญ่ที่ท่านสร้างไว้
วันนี้เราจะขอพาคุณไปพบกับหญิงผู้หนึ่งค่ะ สำหรับ ยังจำได้ไหม? “ย่ายิ้ม นางฟ้าของคนไทย” หญิงชราผู้อาศัยอยู่กลางป่าเพียงลำพังนานกว่า 40 ปี พร้อมสิ่งยิ่งใหญ่ที่ท่านสร้างไว้
ในขณะที่โลกกำลังพัฒนาและเต็มไปด้วยเทคโนโลยีมากมาย แต่ธรรมชาติกลับถูกทำลายลงไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะมีการอนุรักษ์ป่าและหันมารณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้นใหญ่และต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน และเพื่อเป็นการเตือนสติเรื่องของการบำรุงดูแลป่าไม้อย่างจริงจัง เราได้นะเรื่องราวของ “ย่ายิ้ม นางฟ้าของคนไทย” นางฟ้าผู้รักษ์ป่า หญิงชราผู้อาศัยอยู่กลางป่าเพียงลำพังนานกว่า 40 ปี พร้อมสิ่งยิ่งใหญ่ที่ท่านสร้างไว้
ย่ายิ้ม หญิงชราที่อาศัยอยู่ในป่าลำพัง นานกว่า 40 ปี สร้างฝายชะลอน้ำ16 ฝาย ปลูกต้นไม้ 9,900 ต้น จำกันได้ไหม เรื่องราวสุดน่าประทับของคนไทยทั้งประเทศ ย่ายิ้ม หญิงชรา วัย 88 ปี ชาวพิษณุโลกที่อาศัยอยู่ในป่าลำพัง นานกว่า 40 ปี ย่ายิ้มผู้สร้างฝายชะลอน้ำ 16 ฝาย ปลูกต้นไม้กว่า 9,900 ต้น และยังคงทำอยู่อย่างต่อเนื่อง ดำเนินตามแนวพระราชดำริ
เรื่องราวของย่ายิ้มถูกเอามาสร้างเป็นหนังสั้น ซึ่งสร้างความประทับให้กับคนดูเป็นอย่างมาก ถ่ายทอดวิถีชีวิตของหญิงชราที่ใช้ชีวิตที่เงียบสงบอยู่ในป่า แต่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขแม้ไม่มีความสวยงามด้านวัตถุ
มีเพียงความสวยงามแบบธรรมชาติที่มีคุณค่าสูงทางจิตใจ ย่ายิ้มสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้ส่วนรวม ทั้งฝายชะละน้ำ และการปลูกป่าคืนสู่ธรรมชาติ ถือเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนรุ่นใหม่ ให้หันมาเห็นความสำคัญของป่าและธรรมชาติมากขึ้น
ย่ายิ้มมีลูกทั้งหมด 5 คน และมีลูกชาย 2 คนที่ยังคอยดูแลแม่คนนี้อยู่ห่าง ๆ พยายามรบเร้าให้แกไปอยู่ด้วย แต่ก็ดูเหมือนจะเอาชนะใจแม่ได้ยากยิ่ง ย่ายิ้ม ยืนกรานจะปักหลักบั้นปลายชีวิตอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน ด้วยเหตุว่า บ้านกลางป่าของแก ทำให้ชีวิตไม่วุ่นวายจนเกินไปนัก เพียงแค่เก็บหน่อไม้มาดองกินกับมะพร้าวคั่วหอม ๆ ก็นับเป็นอาหารรสดีที่ช่วยให้อิ่มท้องและประทังชีวิตได้แล้ว
“ความเจริญอยู่ที่ไหน มันก็ทุกข์ยากที่นั่น อยู่บนเขานี้ ไม่มีเงินย่าก็ยังอยู่ได้ แต่ถ้าอยู่ในตัวเมือง ไม่มีเงินอยู่ไม่ได้เลยหนา ต้องซื้อเอาทุกอย่าง ไปอยู่ก็จะเดือดร้อนเขา”
ถึงอย่างนั้น วิถีบ้านป่าแบบ ย่ายิ้ม ก็ใช่จะสบายอย่างปากว่า ในช่วงฤดูฝน ดูจะโหดร้ายเป็นที่สุด เพราะหนทางในป่านั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้ หากมีน้ำหลากลงจากเขา จนข้ามห้วยไม่ได้ ย่ายิ้มก็จะไม่ออกจากบ้าน ซึ่งช่วงที่ไม่ได้ลงเขาหลายวัน ข้าวสารก็มักจะไม่มีเหลือให้หุงให้กิน ครั้นจะแจ้งบอกข่าวฝากไปถึงใครก็ไม่มี
“ก็ต้องอดเอามั่ง บางทีเกือบ ๆ อาทิตย์ไม่ได้กินข้าวเลย กินแต่หัวกลอยป่าเอามานึ่งกับมะพร้าวคั่ว”
นอกจากจะเก็บหน่อไม้ไปแลกข้าวกับคนในชุมชนแล้ว ย่ายิ้มยังมีรายได้ประจำตัวคือ เบี้ยสงเคราะห์คนชรา ทว่าเงินจำนวนนี้ ก็มักจะหมดไปกับการทำบุญเสียทุกคราวที่ไปวัด รวมไปถึงเงินที่ลูกหลานแบ่งไว้ให้ใช้ยามมาเยี่ยม ก็ร่อยหรอไปกับกิจกรรมในทางธรรมเช่นกันตลอดหลายปีกับชีวิตกลางป่าเขาเพียงลำพัง ย่ายิ้ม สารภาพว่า เมื่อไหร่ที่ลูกขึ้นมาหาและมานอนด้วย แกก็ดีใจทุกครั้ง แต่พอกลับกันไป แค่เห็นเดินคล้อยหลังก็นั่งใจละห้อยแล้ว…
แต่ถึงอย่างไร แกก็ยังยืนหยัดว่าจะขออยู่ในป่าในเขาอย่างนี้ไปจนตาย และคำขอสุดท้ายที่ฝากไว้กับลูกคือ…ถ้าแม่ตาย ก็ให้เผาให้ฝังไว้ที่ไร่บนเขานี้
“ย่าไม่อยากตายหรอกหนา แต่ไม่เคยกลัว ถึงเวลาจะต้องละแล้ว ก็ต้องไป…”
เรื่องราวของย่ายิ้มถือเป็นเรื่องราวที่ให้มุมมองความคิดดีๆหลายอย่าง ทั้งเรื่องการตระหนักถึงธรรมชาติ การทำประโยชน์ให้ส่วนรวม การใช้ชีวิตที่สมถะแต่ก็ยังเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข จะสุขซึ้งกินใจขนาดไหน
คลิปจาก ข่าวดัง เฟซบุ๊ก
ที่มา: rwm-mitr.com