พญามังกรฉุน! ใครใช้ iPhone อดขึ้นเงินเดือนขึ้นตำแหน่ง-โบนัส
จีนเอาจริงเริ่มประกาศแบน Apple อย่างจริงจังแล้ว เมื่อบริษัทในจีนหลายแห่งเริ่มเคลื่อนไหวด้วยการบีบพนักงานในบริษัทให้หยุดใช้ iPhone และหันมาใช้ Huawei แทน โดยหากพนักงานไม่เชื่อฟังก็สุ่มเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และบางกรณีก็ลงโทษพนักงานที่ซื้อ iPhone มาใช้ด้วย
ล่าสุดบริษัทเทคโนโลยีในมลฑลเจ้อเจียง หลายแห่งได้มีการประกาศให้พนักงานภายในบริษัทต้องใช้สมาร์ทโฟนจาก Huawei เท่านั้น หากใครที่ยังใช้ iPhone อยู่ก็จะเสียโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงาน รวมทั้งจะได้ไม่ได้รับเงินโบนัสด้วย นอกจากนี้ ทางบริษัทยังมีนโยบายที่จะมอบเงินสมทบในการซื้อสมาร์ทโฟน Huawei ให้ถึง 50% สำหรับพนักงานระดับผู้จัดการ และสำหรับพนักงานทั่วไปจะได้รับเงินสมทบที่ 20% ส่วนพนักงานที่ต้องการจะย้ายจาก iPhone มาใช้ Huawei นั้น ทางบริษัทก็มีเงินสมทบให้อีก 25% ด้วย ซึ่งมากกว่าเงินสมทบในการซื้อเครื่องใหม่ของพนักงานทั่วไปเสียอีก
อีกทั้งการแบนนี้ยังลุกลามไปถึงภาคการท่องเที่ยวในจีนด้วย โดยมีการประกาศโปรโมชั่นรักชาติ มอบส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน Huawei หรือแบรนด์อื่นที่เป็นสัญชาติจีนให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งเหตุผลในการร่วมมือกันแบน Apple ในครั้งนี้ก็น่าจะมาจากการที่ Meng Wanzhou CFO ของ Huawei ถูกจับกุมที่แคนาดา เพราะยังคงสร้างความขุ่นเคืองในความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกา และ จีน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องสงครามการค้าที่ดูจะลุกลามมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง
โดยหลังมีข่าวนี้ออกมา ชาวเน็ตของจีนต่างแสดงความคิดเห็นใน Weibo โซเชียลมีเดียของจีน โดยส่วนใหญ่มองว่า ประกาศของบริษัทจีนที่ให้พนักงานเลิกใช้ iPhone และหันไปสนับสนุน Huawei นั้นไม่เป็นธรรม เนื่องจาก “การเลือกใช้มือถือควรเป็นเสรีภาพของพนักงาน ไม่ควรถูกบังคับโดยบริษัท มันเป็นสิ่งดีที่เราจะอุดหนุนสินค้าในประเทศ แต่ไม่ควรจะมีกฎออกมาเพื่อลงโทษคนที่ซื้อ iPhone ใช้” และมากไปกว่านั้น “พนักงานที่ถูกลงโทษควรจะไปฟ้องกระทรวงแรงงาน เพราะมันเป็นสิ่งที่ดีที่เราจะรักประเทศของตัวเอง แต่การใช้ Huawei ไม่ควรจะเท่ากับการเป็นคนรักชาติแต่อย่างใด”
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีบริษัทอื่นๆ ในจีนออกมาประกาศแบน Apple อีกมากมายแน่นอน นับว่าศึกครั้งนี้เป็นศึกหนักของ Apple เลยทีเดียว นอกจากจะถูกแบนการจำหน่าย iPhone เพราะถูก Qualcomm ฟ้องแล้ว ก็ยังมีประเด็นนี้เข้ามาอีก แต่ Apple จะมีวิธีจัดการเรื่องนี้อย่างไรคงต้องรอดูกันไป เพราะอาจจะนำมาซึ่งการสูญเสียรายได้กว่า 50 % เลย