รัฐบาลเร่งโครงการประตูระบายน้ำ ‘ศรีสองรัก’ เพิ่มพื้นที่ชลประทาน-ลดอุทกภัยแล้วเสร็จปี 66
“บิ๊กฉัตร” ลงพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เร่งเดินหน้าก่อสร้าง “ปตร.ศรีสองรัก” ตั้งเป้าแล้วเสร็จปี 66 ตามแผน
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรัก (ปตร.ศรีสองรัก) อันเนื่องมาจากพระราชดําริ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2561 ซึ่งรัฐบาลได้ให้กรมชลประทานพิจารณาเร่งรัดโครงการก่อสร้าง โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้ดำเนินโครงการ เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2560 งบประมาณ 5,000 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2562-2566 สำหรับสถานภาพปัจจุบัน กรมชลประทานได้ดำเนินการประกวดราคาแล้วได้ต่ำกว่าราคากลาง 35% และขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อนุมัติรับราคา
สำหรับโครงการก่อสร้างจะประกอบด้วย ปตร.ศรีสองรัก (ช่องลัด), ปตร.ในลำน้ำเดิม (แม่น้ำเลย), สถานีสูบน้ำ 5 แห่ง พร้อมระบบส่งน้ำด้วยท่อ ความยาวรวม 99 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่รับประโยชน์ 72,500 ไร่ โดยเมื่อโครงการแล้วเสร็จ คาดว่าจะช่วยเพิ่มพื้นที่ชลประทานฤดูฝน 72,500 ไร่ และฤดูแล้ง 18,100 ไร่ ขณะเดียวกัน ยังเป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค บรรเทาอุทกภัยในฤดูน้ำหลาก ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 4,600 บาทต่อไร่ และส่งเสริมการท่องเที่ยวของ อ.เชียงคาน ให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 207 ล้านบาทต่อปี อีกด้วย
พล.อ.ฉัตรชัย เปิดเผยว่า เลย เป็นหนึ่งในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ในพื้นที่ลุ่มน้ำตอนบนและลำน้ำสาขาต่างๆ ที่ไหลมาบรรจบกัน ซึ่งเกิดจากน้ำป่าไหลหลากจนลำน้ำสายหลักไม่สามารถระบายได้ทัน มีสิ่งกีดขวางทางน้ำในเขตเมือง รวมทั้งบริเวณปากแม่น้ำโขงมีลักษณะคดเคี้ยว การระบายน้ำออกแม่น้ำโขงทำได้ช้า โดยแม่น้ำเลยเป็นแม่น้ำสายสั้น แต่มีพื้นที่รับน้ำมาก ในฤดูฝนจะมีน้ำจำนวนมากไหลหลากลงพื้นที่ตอนล่าง ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ขณะที่ในฤดูแล้งไม่มีน้ำใช้ เนื่องจากพื้นที่มีความลาดชันสูง ไม่สามารถสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ได้
“ในหลวง ร.9 ทรงมีพระราชดำริ ควรพิจารณาสร้างฝายทดน้ำหรือเขื่อนทดน้ำตามความเหมาะสมในลำน้ำเลยตอนล่าง เพื่อส่งน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกผืนใหญ่สองฝั่งแม่น้ำเลย จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นโครงการก่อสร้าง ปตร.ศรีสองรัก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่คั่งค้างอยู่ ที่รัฐบาลนี้ได้เร่งรัด โดยเฉพาะโครงการที่จะแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งซ้ำซาก จึงให้กรมชลประทานพิจารณาเร่งรัดโครงการก่อสร้าง” พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว
ด้าน นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ในปี 2557-2561 มีหน่วยงานที่เข้าไปดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำในจังหวัดเลย รวม 13 หน่วยงาน มีโครงการทั้งหมดรวม 710 โครงการ พื้นที่รับประโยชน์ 1.27 แสนไร่ ประชาชนรับประโยชน์ 4 หมื่นครัวเรือน อย่างไรก็ตามแผนการพัฒนาตามยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรน้ำที่ สทนช. ได้วางไว้ใน จ.เลย มี 4 แผนงานสำคัญ ประกอบด้วย 1.การพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ประมาณ 1 ล้านไร่ 2.ระบบปะปาใน จ.เลย รวม 825 หมู่บ้าน ยังขาดระบบประปาที่ต้องเร่งขับเคลื่อนอีก 41 หมู่บ้าน
3.งานพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำเลย โครงการพระราชดำริทั้งหมด 27 โครงการ แบ่งเป็นที่แล้วเสร็จ 23 โครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการ 3 โครงการ คือ โครงการ ปตร.ศรีสองรัก อ.เชียงคาน จ.เลย, โครงการฝายบ้านนานกปีดพร้อมระบบส่งน้ำ ต.ห้วยบ่อซืน อ.ปากชม จ.เลย, โครงการจัดหาแหล่งน้ำช่วยเหลือ รร.ตชด.บ้านวังชมภู (เก็บกักน้ำฝน) ต.ทรัพย์ไพวัลย์ อ.เอราวัณ จ.เลย และต้องเร่งรัดดำเนินการอีก 1 โครงการ คือ โครงการจัดหาแหล่งน้ำช่วยเหลือ รร.ตชด.บ้านนานกปีด (เก็บกักน้ำฝน) ต.ห้วยบ่อซืน อ.ปากชม จ.เลย 4.แผนงานพัฒนาแหล่งน้ำปี 2561-2565 รวม 15 โครงการ