หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

หนาวนี้เที่ยวไหน? ไปผาหินกูบสิ!

เนื้อหาโดย sonew


สถานที่ท่องเที่ยว จะว่าใหม่ หรือเปล่า ก็ไม่น่าใช่

เพราะหลังจากที่สอบถาม เจ้าหน้าที่ป่าไม้ พี่เขาก็บอกว่า พี่เขาพานักท่องเที่ยวขึ้นลงมาก็เกือบ 30 ปีแล้ว
แต่อาจจะเพิ่งมา บูม หรือเป็นที่รู้จัก ของนักผจญภัย เมื่อไม่นานมานี้ค่ะ
เนื่องจากเป็นคน จ.จันทบุรี มาตั้งแต่กำเนิด มันจึงช่างเป็นสิ่งที่ท้าทาย
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยว ในจังหวัดบ้านเกิด ที่ดูน่าสนุก มัน และก็น่าจะสวยมาก

หลังจากที่หาข้อมูลมาได้สักพัก ก็เริ่มฟอร์มทีมเล็กๆขึ้นมา เพื่อหาเพื่อนร่วมทริป ...ในการเดินทางขึ้นไปพิชิตผาหินกูบในครั้งนี้

คณะเดินทางในครั้งนี้บอกเลยว่า เป็น 100 !!!

ไม่ใช่จำนวนคนที่ไปเที่ยวนะคะ แต่เป็น สิริอายุรวมของคนร่วมทริปครั้งนี้ตะหากกกก !!!

คุณพ่ออายุ 57
คุณแม่อายุ 52
คุณอาอายุ ประมาณ 55
คุณอาอีกคน อายุ ประมาณ 55
คุณป้าอายุ 65 (อายุเยอะสุดที่เคยขึ้น ผาหินกูบ ก่อนหน้านี้เคยมีอีก 1 คนค่ะ เจ๋งจริงๆ )
เพื่อนคุณป้า (น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับคุณป้านั่นแหละ)
ลูกชายเพื่อนป้า อายุ 19 ลูกสาวเพื่อนคุณป้า อายุ 28
พี่สาวอายุ 30
และเราเองอายุ 28 ค่ะ รุ่นใหญ่จริงๆ

ด้วยข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต บอกจริงๆว่า ทริปครั้งนี้ ไม่น่ามีอะไรยากเกินความสามารถของทุกคน
สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนการขึ้นผาหินกูบ นอกจากการหาข้อมูลแล้ว ก็คือ การโทรไปจองคิวขึ้นค่ะ !!
เพราะทางเจ้าหน้าที่จะรับนักท่องเที่ยว ทริปละ ไม่เกิน 40 คนต่อการขึ้น 1 ครั้ง (หน้าฝนรับแต่ 20 คน/ทริป)
คือ ขึ้นวันเสาร์ ค้างบนนั้น 1 คืน และกลับลงมาวันอาทิตย์
จะไม่รับนอกเหนือจากนี้ เพื่อการดูแลที่ทั่วถึง เพราะหนทางค่อนข้างลำบากค่ะ

หาเบอร์เจ้าหน้าที่จากในเน็ตได้ปุ๊บ โทรจองปั๊บ โชคดีได้คิว วันที่ 13-14 ก.พ.59 พอดี (นอกนั้นเต็มหมดไปจนถึง มี.ค.ค่ะ !!!) ได้ไปฉลองวาเลนไทน์กับครอบครัวบนนั้นเลย

* * เบอร์ 0852846526 พี่สามารถ พุทธศรี * *

จากนั้นจึงได้ส่งข้อมูลของสิ่งของจำเป็นที่ต้องเตรียมของแต่ละคนในการขึ้นผาหินกูบ ดังนี้...

สิ่งที่ต้องเตรียม
1.อาหารมื้อกลางวัน+น้ำดื่ม 1 ขวด สำหรับวันเดินทางขึ้น (ต่อ 1 ท่าน)
2.วัตถุดิบสำหรับอาหารเย็นและอาหารเช้า (คำนวณตามปริมาณคณะเดินทาง 10 ท่าน)
-ไข่ต้ม 21 ใบ
-ปลากระป๋อง 8 กระป๋อง
-บะหมี่สำเร็จรูปแบบคัพ 6 คัพ
-โจ๊กสำเร็จรูปแบบคัพ 6 คัพ
-หมูทอด 1 กก. (ทอดแล้ว)
-ข้าวเหนียว 10 ห่อ (นึ่งแล้ว)
-หมูย่างแบบไม้ (ซื้อจากตลาดก่อนขึ้น 20 ไม้)
-น้ำดื่มประจำตัวคนละขวดค่ะ
3.ถุงนอนประจำตัว (อาจเพิ่มเติมอย่างอื่นเพื่อความอบอุ่น ช่วงขึ้นไปน่าจะหนาวอยู่)

และพบกันที่ ที่ทำการอุทยานทุ่งเพล อ.มะขาม ประมาณ 08.00-08.30 น.
ออกเดินทางขึ้นผา 09.30 น. แล้วเจอกันค่ะ

และก็มาถึงวันจริง พวกเรานัดรวมตัวกันที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล อ.มะขาม จ.จันทบุรี (ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 กม.) ตอน 08.00 น.ตามเวลานัด

ชาวคณะก็เริ่มทยอยมาโดยพร้อมเพรียงกัน ทุกคนจัดแจงแพ็คของ เตรียมสัมภาระกัน ให้คล่องตัวที่สุด
พวกผู้ใหญ่ๆ นี่คึกคักกว่าวัยุร่นค่ะ อิอิ สงสัยตื่นเต้น เราเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน

- - - - - - - -

มาพูดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในการขึ้นผาหินกูบครั้งนี้กันบ้าง ค่าขึ้น+ค่าทำเนียม+ค่าบำรุง+ค้าเจ้าหน้าที่นำทาง ราคา 200.-/คน (เห้ยยย !! ถูกมากกกก)
หากมีสัมภาระเยอะ สามารถจ้างลูกหาบได้ ราคา 1,000.-/ลูกหาบ 1 คน (ให้พี่เค้าไปเถอะ ขึ้นไปแล้วจะรู้ว่ามันถูกมากๆๆ T T)
ทั้งคณะจึงใช้เงินไป 200x10 = 2,000.- + ค่าลูกหาบ 1 คน = 1,000.- รวมเป็น 3,000.- ค่ะ (เช็คเวลา ณ ปัจจุบัน อีกทีนะคะ)

จ่ายเงินเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็เตรียมขึ้นกันเลยค่ะ

***มีทริคฝากให้ 1 อย่าง ก่อนขึ้น หาไม้เท้าขึ้นไปด้วยนะคะ ไม้เท้าในที่นี้คือ กิ่งไม้หรือต้นไม้เล็กๆ ขนาดพอดีมือ
เอาไว้ค้ำยัน และสับพื้นเวลาเดินทาง หาไม่ยากค่ะ เพราะบริเวณที่เราเตรียมของ จะเป็นมีพิงเอาไว้กับต้นไม้ พี่ป่าไม้เค้าเตรียมไว้ให้ค่ะ
หยิบมาใช้ได้เลย ขอบอกว่า มันดีมากๆ มันช่วยท่านได้ มันคือมิตรแท้ในยามยากของจริงนะเอ้อ 55+

- - - - - - - -

หากพร้อมแล้วก็ตะลุยกันเลยค่ะ เส้นทางจากพื้นล่างถึงบนผาหินกูบ ก็อยู่ที่ประมาณ 7-8 กม. เห็นจะได้ค่ะ
แต่เป็น 7-8 กม. ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ มาเริ่มกันที่ช่วงแรก เป็นช่วงที่ จิ๊บๆ ทางเดินยังไม่มีความชัน มีแต่ความร้อน และความป่าค่ะ 55+
คุณแม่ก็ เดินอย่างคล่องแคล่ว เราคอยถามเป็นระยะ ว่าเหนื่อยไหม แม่ตอบมาว่า สบายๆ ^^ อิอิ เก่งจัง
ใช้ระยะเวลาในการเดินช่วง อุ่นเครื่องประมาณ 45 นาทีเห็นจะได้ ระยะทางน่าจะประมาณ 2-3 กม.
จากนั้นเราก็มาถึงจุดพักจุดแรกของเรา ที่น้ำตกอ่างเบงค่ะ ได้พอนั่งพักเหนื่อย ดื่มน้ำดื่มท่า ล้างหน้าล้างตากัน พอให้ใจชื้น ค่ะ
จากนั้นเดินทางมุ่งหน้ากันต่อ ไปยังจุดต่อไปที่มีชื่อว่า หินแปดเหลี่ยม พี่ป่าไม้บอกว่า เราจะไปพักกินข้าวกลางวันกันที่นั่น
ได้ยินคำว่า กินข้าว เท่านั้น แรงมาเลย 5555+ ใช้ระยะทางอีกประมาณ 1.3 กม. (คิดในใจ อุ๊ยยย จิ๊บๆ ไม่ไกล สบายแน่ๆ)
ต้องบอกว่า การเดินทางในช่วงนี้ ความลาดชันเริ่มบังเกิด เหนื่อยเว่อร์ คณะเดินทางรุ่นใหญ่ เริ่มทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ มีเรา กับ พี่อีกคน ยังคงเกาะกลุ่ม เดินฝ่าฟันกันมาจนถึง จุดหินแปดเหลี่ยมจนได้
จุดนี้ ยังพอมีสัญญาณโทรศัพท์ จึงโทรหาแม่ แม่รับแล้วได้ความว่า อยู่กับพ่อแล้ว ตอนนี้ป้าๆ กับ อาๆ กำลังเดินมาสมทบ กับคณะเดินทางกลุ่มอื่นๆ อีกนิดหน่อย ที่มีพี่ป่าไม้คอยดูแลอยู่ ฟังแล้วก็โล่งใจ
ควักเอาหมูทอดข้าวเหนียวมานั่งกิน คือ มัน อร่อยยยยมาาาาาากกกกกกกกกกกกก ณ จุดๆนี้
จากน้ำตกอ่างเบงมาถึงจุดนี้ ใช้เวลาประมาณ ครึ่ง ชม. ได้ค่ะ
หลังจากกินข้าวเสร็จ คณะเดินทางรุ่นใหญ่ก็เดินทางมาถึง จุดหินแปดเหลี่ยมพอดี พ่อ แม่ ป้าๆ อาๆ พักกินข้าวกัน และก็เป็นเวลาที่เรา จะต้องเดินทางต่อ
ไปสู่เส้นทางที่ต้องบอกว่า เป็นช่วงที่หินสุดๆ ของทริปผาหินกูบ ด้วยความลาดเอียงของเส้นทางประมาณ 45 องศา ดังนั้น 2 ขาไม่พอ ต้องใช้ 2 มือ ในการเกาะ ปีน ดึง ตะกุยด้วย
ในช่วงนี้เกินความสามารถที่จะเอากล้องขึ้นมาถ่ายรูปจริงๆค่ะ แค่พยุงร่าง เป้ แล้วก็ ไม้เท้า ให้สามารถเดินทางผ่านเส้นทางนี้ไปได้ ก็แทบแย่แล้ว
แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ คณะรุ่นใหญ่ล่ะ ? คือ แอบรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ว่า เห้ย ! เอาพ่อ แม่ ป้า อา มาลำบากกันหรือเปล่าเนี่ย
ได้แต่คิดค่ะ ในความเป็นจริง ก็ทำได้แค่เดินๆๆๆๆๆๆๆ จะโทรศัพท์ไปหา ก็คิดว่า รับไม่ได้แน่นอน ทางโหดขนาดนี้
จนพอได้มาถึง จุดที่เป็นถ้ำ ก็พอดีหายใจหายคอกันบ้าง
หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพ ในถ้ำนี้ ไม่น่าเชื่อว่า อากาศเย็นสบายดีมาก เหมือนนั่งตากแอร์เลย
เราเลยใช้เวลาในถ้ำมากหน่อย เพื่อนั่งพักเอาแรง เตรียมสู้กับเส้นทางในช่วงสุดท้าย
ขึ้นจากถ้ำมาได้ มีพี่ผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักกันจากการเดินทางครั้งนี้ตะโกนมาว่า ขา เป็นตะคริว !!!
พวกเราจึงหยุดพักกับอีกรอบ นั่งยืดกล้ามเนื้อกัน กลัวเป็นตะคริว เพราะขาก็เริ่มตึงๆ เหมือนกัน
เอาหล่ะ พอทุกคนพร้อม ก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ เหมือนอะดีนาลีน เริ่มหลั่ง เพราะพี่ป่าไม้บอกว่า อีกแป๊บก็ถึงแล้ว
พวกเราจึงรีบจ้ำๆๆๆๆ กัน ปีนๆๆ ล้มบ้าง พักบ้าง เดินกันต่อ จนในที่สุด..... 5 ชม. กับ ระยะทาง 7-8 กม.  ........

และแล้วเรากับพี่สาวก็มาถึง... สวัสดี ผาหินกูบ !
นั่งพักเหนื่อยได้สักแป๊บ ใจก็พะวง ถึงพ่อ แม่ ป้าๆ อาๆ ขึ้นมา นั่งชะเง้อรออยู่ ...
และแล้ว แม่เราก็เดินทางมาถึง เราร้องเรียก "แม่ !!!!!" เสียงดังด้วยความดีใจ คือแบบ ดีใจจริงๆ คือแม่เก่งมาก เดินทางมาถึงจนได้
จากนั้นตามมาด้วย พ่อ และป้าๆ อาๆ ก็มาถึง เราทึ่งมาก คือ แบบเห้ย !!! ทุกคนทำได้ ปลื้มปริ่ม

มาดูเรื่องที่นอนกันบ้าง ต้องบอกว่าสำหรับคนที่ท่องเที่ยวอะไรแบบนี้มา ก็พอจะทราบดีว่า ความสะดวกสบาย ที่นอนนุ่มๆ ไม่มีค่ะ
มุมนอนที่เราจับจองไว้สำหรับชาวคณะ จึงเป็นแค่เพิงหิน
แต่สำหรับเราในตอนนั้น คือมันห้องนอนชั้นดี และโชคดีไปอีกคือ มีผ้าใบที่ใช้ปูนอนพับไว้ ตรงนั้นให้อย่างเสร็จสรรพ
คาดว่าจะเป็นมรดกตกทอดมาจากคณะนักเดินทางที่เคยขึ้นมาพิชิต ผาหินกูบ ก่อนหน้านี้ ที่ใจดี (คงไม่อยากแบกลงไปแล้วมันหนัก55555) ทิ้งเอาไว้ให้ ขอบคุณมากๆค่ะ
แค่ผ้าใบ กับถุงนอน แค่นี้ คืนนี้ก็หลับสบายแล้วค่ะ

เพิงหินห้องนอนของพวกเรา (ถ่ายภาพย้อนยุคแบบมนุษย์ถ้ำ 555555)

เรื่องอาหารการกินก็หุงหาตามอรรถภาพค่ะ หม้อ จาน ชาม เก่า มรดกตกทอดจากคณะก่อนหน้านี้
เราสามารถนำมาใช้ได้ค่ะ พ่อรับหน้าที่ในการหุงข้าวโดยใช้หม้อสนาม
สาวๆ ทำยำปลากระป๋อง และไข่ต้ม กินกับข้าวเหนียว ใต้แสงเทียน โรแมนติกสุดๆ เอิ๊กๆๆๆ

มาถึงคำว่า "ผาหินกูบ" กันบ้าง บางคนถามว่า มันกูบยังไง เอาจริงๆ ทริปนี้ เราไม่ได้เดินไปตรงกูบค่ะ
เนื่องจากกลัวความสูง555+ (แต่คุณป้าอายุ 63 ไปนะ คือ ป้าแน่มาก เก่งสุดๆ)
เลยไม่ได้เก็บภาพมาให้ชมกัน หมดไป 1 วันสำหรับทริปผาหินกูบ
หลังจากกินข้าว ก็เข้านอนกันแต่หัวค่ำ น้ำไม่อาบค่ะ บอกเลย 555 ได้แต่เอาทิชชู่เปียกเช็ดๆ ล้างหน้าล้างตา พร้อมนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน
อากาศช่วงกลางคืน ไม่เย็นเหมือนที่คิดไว้ค่ะ ออกจะร้อนซะด้วยสิ แต่ก็นะ เหนื่อยซะหลับไม่รู้เรื่อง 55

Day 2
ตื่นเช้ามาต้อนรับบรรยากาศยามเช้า ที่ ผาหินกูบ ค่ะ อากาศเย็น แต่ไม่ถึงกับหนาว
วิวนี้ต้องบอกเลยว่า สวยยยยยยย มีทะเลหมอกเล็กๆให้ได้สัมผัสด้วย
เห็นยอดเขา รูปภาพด้านบน ที่มีคนตัวเล็กๆ ยืนอยู่กันไหมคะ
ที่นั่นเรียกว่า "ผาหมี" เดี๋ยวเราจะไปกันค่ะ

เส้นทางไป ผาหมี ก็ทุลักทุเลเอาการ ต้องไถลลงไป
จากนั้นปีนขึ้นหินที่ตั้งเกือบ 90 องศา โดยใช้เถาวัลย์ และใช้เถาวัลย์ปีนลงมาจากหินอีกที
จากนั้นก็ปีนเขาหินขึ้นไป บนผาหมีค่ะ 55555
ลำบากเนอะ แต่ก็คุ้มเหนื่อยค่ะ และแล้วววว เราก็มาถึง "ผาหมี" ค่ะ เหนื่อยเอาการเลย แต่ก็สนุกดี
ยิ่งเห็น แม่ กับ ป้า วู้ๆว้าวๆ กับวิวตรงหน้ายิ่งดีใจค่ะ อิอิ แม่บอกสนุกมากๆ คุ้มค่าๆ
ก็เป็นจริงตามที่แม่บอกค่ะ เพราะ วิวสวยมาก ประทับใจเลย ถ่ายภาพเก็บไว้ซะหน่อย
และนี่ก็คือ ทริปผาหินกูบ ที่ได้เดินทางไปกับครอบครัวค่ะ สนุกสนาน ฮาเฮ
ประทับใจชาวคณะรุ่นใหญ่ ทุกๆท่าน ที่เก่งกันมาก ขาเหล็ก พละกำลังยังกะหนุ่มสาววัยรุ่น 55555555+ ประทับใจมากจริงๆค่ะ
รวมถึงทุกท่านๆที่ได้เดินทางร่วมกันในคณะนี้

ขอบคุณลุงหลิม ป่าไม้คนเก่ง ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง
และสุดท้ายนี้ อยากให้ทุกคนได้ไปเที่ยวที่ "ผาหินกูบ" จ.จันทบุรี กันค่ะ รับรองว่า สนุก มัน หรรษา ประทับใจแน่นอน

 

 

#WhereWeGo

#จันทบุรี

#ผาหินกูบ

เนื้อหาโดย: sonew
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
sonew's profile


โพสท์โดย: sonew
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
4 VOTES (4/5 จาก 1 คน)
VOTED: zerotype
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
หนุ่มเร่ขาย "ลาบูบู้" กลางสี่แยก..ทำเอาหลายคนแห่ถามพิกัดชาวเน็ตฮือฮา! ขายที่ดินพร้อมบ้าน 200 ล้าน ติดวิวสภาสัปปายะสภาสถานอดีตพระเอกดัง เตรียมตัวย้ายประเทศไปเยอรมนีสาวสอบติดครู ร้องไห้หนัก เหตุบนลิเกไว้ 4 วัด เข่าทรุดหลังรู้ราคาลิเกชาวกัมพูชาเดือด เมื่อมีบล็อคเกอร์หนุ่มคนกัมพูชา ไปถ่ายรูปล้อเลียนรูปปั้นม้าน้ำมากจนเกินงามเกินไปเผยภาพลับ "ไบร์ท-เนเน่" ที่นิวซีแลนด์ ปลายปีที่แล้วทีมเชื่อมจิตจ่อฟ้อง! สื่อปล่อยเฟกนิวส์..ไม่เคยบอกเชื่อมจิตแล้วจะไปนิพพานมิจฉาชีพอ้าง! เป็น "อีลอน มัสก์"..หลอกสาวสูญเงินกว่า 2 ล้านบาทเขมรคือต้นกำเนิด วัฒนธรรมของการกิน 'สุนัข' ?
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อีก 50 ปีข้างหน้า ไทยจะ "ร้อนเท่าทะเลทรายซาฮาร่า"ดวงรายสัปดาห์ 21-27 เมษายน 2567 พยากรณ์โดย ครูเป็นหนึ่งทีมเชื่อมจิตจ่อฟ้อง! สื่อปล่อยเฟกนิวส์..ไม่เคยบอกเชื่อมจิตแล้วจะไปนิพพานจากผลการวิจัยพบว่า "เอเลี่ยนไม่ได้ตัวสีเขียว"
กระทู้อื่นๆในบอร์ด Review, HowTo, ท่องเที่ยว
สิ่งที่คนญี่ปุ่นเรียนรู้ เมื่อมาเมืองไทยการกระทำที่คุณไม่สมควรทำเมื่อมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นไทย-คาซักสถาน ลงนามตกลงไม่ต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวระหว่างกันกว๊านพะเยา หนึ่งในทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ตั้งกระทู้ใหม่