เปรมชัยปฏิเสธ 3 ข้อกล่าวหา คดีงาช้าง-ปืน-ติดสินบน
สืบเนื่องจากการตรวจค้นบ้านนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 ได้พบงาช้าง 4 กิ่ง และอาวุธปืนเป็นจำนวนมาก ซึ่งนำไปสู่การตรวจสอบที่มาและรายละเอียดพยานวัตถุจนพบความผิด และการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในประเด็นการติดสินบนเจ้าหนักงาน จึงได้มีการออกหมายเรียกนายเปรมชัยเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 14 มีนาคม 2561 ณ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) มีรายละเอียดของเหตุการณ์ดังต่อไปนี้
จากการตรวจค้นบ้านนายเปรมชัย (บ้านเลขที่ 12/3 ซ.ศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.) เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 พบงาช้าง 4 กิ่ง ซึ่งมีการแจ้งครอบครองไว้กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อปี 2558 (มีตัวแทนของนายเปรมชัย นำภาพถ่ายงาช้างคู่นี้มาขอขึ้นทะเบียนเป็นงาช้างบ้านว่าเป็นมรดกตกทอด) จึงได้นำส่งให้ทีมนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ เก็บตัวอย่างงาช้าง เพื่อนำไปตรวจสอบทางพันธุกรรมว่าเป็นงาช้างบ้าน หรืองาช้างแอฟริกา แต่ผลการตรวจกลับพบว่าเป็นงาช้างแอฟริกา ส่งผลให้นายเปรมชัย ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านมีความผิดฐานฐานร่วมกัน (เปรมชัยและภรรยา) มีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง (งาช้างแอฟริกา)
ขณะที่การตรวจค้นบ้านนายเปรมชัยยังพบอาวุธปืน 43 กระบอก ในจำนวนนั้นพบว่า มีปืนจำนวน 6 กระบอกที่เป็นปืนที่ไม่สามารถจดทะเบียนครอบครองได้ 1 กระบอก เป็นปืนประกอบเอง 1 กระบอก ส่วนที่เหลือ 4 กระบอก เป็นปืนที่ไม่พบการจดทะเบียน และไม่มีหลักฐานการขออนุญาตครอบครอง ทำให้มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 8 โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ทั้งสองข้อหานี้ดูแลการทำสำนวนโดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.)
ส่วนอีกข้อกล่าวหา คือ ติดสินบนเจ้าพนักงาน ซึ่งได้เชิญนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก และพยานที่อยู่ในเหตุการณ์กรณีที่มีการแจ้งความในเรื่องนี้มาสอบปากคำเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 8 มีนาคม โดยนายวิเชียรและเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์ยืนยันตรงกันว่า นายเปรมชัย ต่อรองกับนายวิเชียร พูดกับหัวหน้าวิเชียรตรงๆว่า “ถ้าปล่อยผมอยากได้อะไรจะหามาให้”
ข้อกล่าวหานี้ดูแลโดย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.)
จากทั้ง 3 ข้อกล่าวหาที่ได้แจ้งเพิ่มเติมนี้ทำให้ต้องเรียกนายเปรมชัย และผู้เกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 14 มีนาคม 2561 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำหรับในการมารับทราบข้อกล่าวหาครั้งนี้ นายเปรมชัยได้เดินทางมาพร้อมทนาย และให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ซึ่งในช่วงบ่ายของวัน เจ้าหน้าที่ ปทส.นำตัวนายเปรมชัย ไปขออำนาจศาลอาญา ฝากขังในข้อหาร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งมีโทษสูงสุด 10 ปี ปรับ 4 เท่าไม่รวมภาษีอากร (เป็นบทที่หนักที่สุด)
ขณะที่ทนายความของนายเปรมชัย ผู้ต้องหา ก็ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เพื่อขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขัง โดยตัวของนายเปรมชัย อยู่ในห้องควบคุมที่ห้องเวรชี้ บริเวณชั้น 1 (ใต้ถุน) ศาลอาญา ซึ่งทางตำรวจไม่ได้ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง และไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
ทางศาลอนุญาตให้ประกันตัวนายเปรมชัย กรรณสูต ด้วยหลักทรัพย์เงินสด 300,000 บาท โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ
อนึ่ง มีสื่อมวลชนจำนวนมากได้ติดตามความเคลื่อนไหวของเรื่องนี้ โดยทางสื่อมวลชนได้พยายามสอบถาม สัมภาษณ์นายเปรมชัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากจะบอกอะไรกับสังคม “เสียใจนะที่ทุกคน คิดแบบนั้น แต่ว่าเดี๋ยวความจริงก็คงปรากฎ”
ยืนยันมั้ยว่าวันนั้นอยู่ในเหตุการณ์ “ขอโทษครับ ผมต้องรีบไปศาล”
มีอะไรจะบอกกับสังคมมั้ย? “ผมปฎิเสธทั้ง 3 ข้อหาวันนี้นะครับ”
“แต่ผมก็เสียใจที่ทุกคน มีความรู้สึกแบบนี้ กับเรื่องนี้ กับเรื่องของผม และผมคิดว่าความจริงจะปรากฎในศาล”
หมายความว่า ท่านยืนยันไม่ได้ฆ่าเสือดำใช่ไหม เปรมชัยตอบเพียงว่า “ไม่ๆ”
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกรณี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในเว็บไซต์มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
เรียบเรียง ฝ่ายสื่อสารองค์กร มูลนิธิสืบนาคะเสถียร