"อดีตพุทธะอิสระ" เบื่อความขัดแย้ง วอนคนในชาติเลิกอาฆาต เคืองแค้น ต้องรู้จักให้อภัยกันจริงๆนะ
13 พ.ย. 61 นายสุวิทย์ ได้ออกมาบ่นผ่านเฟซบุ๊คระบุว่า
บ้านเมืองจักเดินหน้าไม่ได้เลย หากคนในชาติ ยังมัวแต่อาฆาตเคืองแค้นกัน
๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
พอพุทธะอิสระ เขียนถึงคุณจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ที่เขามีอีกด้านหนึ่งที่เปลี่ยนไป ดูเขาจริงใจ และอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข
หลายท่านก็แสดงทัศนะเข้ามามีทั้ง เห็นด้วย
หลายท่านก็แสดงทัศนะเข้ามา ด่าว่า คุณจตุพร อย่างหยาบคาย ด้วยการขุดคุ้ยพฤติกรรมอันน่ารังเกียจในคดี ของเขามาด่าว่า
พุทธะอิสระอยากให้ท่านทั้งหลายลองใช้หลักคิดเดียวกันนี้ คิดถึง
กลุ่มธรรมกาย
กลุ่มเงินทอนวัด
กลุ่มอดีตรักษาการณ์สังฆราชรถเถื่อน
กลุ่มของอลัชชีที่พุทธะอิสระนำเรื่องมาโพนทะนาจนเขาเหล่านั้น ต้องไปนอนในคุกกันอยู่ทุกวันนี้
และกลุ่มนักการเมืองขี้ฉ้อบางคน ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ
ซึ่งพวกกลุ่มเหล่านี้ ต่างก็จ้องที่จักก้นด่า สาปแช่ง ต่อพุทธะอิสระอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจักทำดีขนาดไหน คนพวกนี้ก็จักรุมด่า จงเกลียดจงชัง ไม่เว้นแม้แต่เราแสดงธรรม คนพวกนี้ก็ยังเข้ามาด่า
ในเมื่อคุณจตุพร เขามีจิตสำนึก รู้ผิดชอบ ไม่หลบหนียอมติดคุกติดตะราง แล้วทำไมท่านทั้งหลาย จึงยังไม่ให้อภัยต่อเขาหละ เพื่อประโยชน์แห่งความปรองดอง
หลายปีที่ผ่านมา พุทธะอิสระต้องเผชิญอยู่ในท่ามกลางพายุ แห่งอารมณ์ร้ายเหล่านี้ จนรู้สึกได้ว่า หากขืนปล่อยไปแบบนี้ บ้านเมืองนี้จักอยู่กันอย่างไร จักเดินหน้าไปแบบไหน
แล้วความหวัง ความฝันที่พวกเราลงทุนลงแรง ร่วมกันต่อสู้เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อให้ได้มาซึ่งบ้านเมืองที่มั่งคั่ง มั่นคง สุขสงบ พระธรรมวินัยที่บริสุทธิ์ มันจักเกิดขึ้นได้กระนั้นหรือ
เพราะด้วยหลักคิดเช่นนี้แหละ พุทธะอิสระถึงได้ยอมลงทุนเข้าไปติดคุก แต่โดยดี โดยไม่เคยคิดจักตำหนิติโทษผู้ใดเลย
แม้แต่ยอมที่จักสารภาพรับผิด ในสิ่งที่เรามิได้กระทำ ก็ย่อมเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานของสังคม และเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้า
พุทธะอิสระอยากบอกแก่ท่านทั้งหลายว่า
ไหนๆ พวกเราก็ลงทุนลงแรงต่อสู้กันมาขนาดนี้ ด้วยความหวังความฝัน ที่อยากเห็นบ้านเมืองสุขสงบ เจริญรุ่งเรือง มั่นคง
แล้วพวกเราทำไม ไม่ลองลดทิฐิตนเองลงสักเล็กน้อย ยอมที่จักรับฟังแล้วค้นหาสิ่งดีๆ ที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวของคนที่เราไม่ชอบ ให้พบ เพื่อที่เราท่านทั้งหลาย จักได้อยู่ร่วมกับเขาได้ หรือไม่ก็ให้โอกาสเขาที่จักได้อยู่ร่วมกับเรา
ส่วนความผิดที่เขากระทำ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกฎหมาย และตัวเขาเองที่จักต้องเป็นผู้รับผิดชอบ อย่างนี้จักไม่ดีกว่าหรือ
บ้านเมืองจักได้สุขสงบเสียที
พุทธะอิสระรู้สึกเบื่อที่จักอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง แตกแยก เต็มประดาแล้ว และหากท่านทั้งหลายคิดจัดแสดงความเห็น นั้นก็เป็นสิทธิของท่าน แต่ควรจักแสดงความเห็นด้วยข้อเท็จจริง ในประเด็นที่เกี่ยวข้องของเรื่องนั้นๆ ที่เป็นปัจจุบัน
ไม่ใช่เอะอะอะไร ก็เอาแต่ใส่อารมณ์กันอย่างเดียว
ขอวิงวอนให้ท่านทั้งหลายพิจารณาดูบริบทของสังคม และเรื่องนั้นๆ ให้ถี่ถ้วนแล้วจึงแสดงความคิดเห็น ส่วนจักเชื่อในเรื่องนั้นๆ หรือไม่ แค่ไหน ก็สุดแล้วแต่สติปัญญาของแต่ละบุคคล
ที่พูดเช่นนี้ พุทธะอิสระหาได้มีเจตนาปกป้องคุณจตุพรไม่ แต่ไม่อยากเห็นท่านทั้งหลาย ต้องตกอยู่ในท่ามกลางวังวนพายุแห่งอารมณ์ร้าย
เหมือนดังที่พุทธะอิสระเผชิญมา
สุดท้ายสิ่งที่สูญเสีย คือบ้านเมืองจักอยู่ไม่ได้
ประเทศนี้ แผ่นดินนี้เปรียบได้ดังบ้านหลังใหญ่ หากคนในบ้านเอาแต่จ้องจะทะเลาะวิวาทกัน สุดท้ายบ้านก็แตก
แน่นอนแหละ คนในบ้านแม้จักเป็นลูกที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน แต่ก็ยังมีทั้งดีและเลว เช่นนั้นเราก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกฎบ้าน กบิลเมืองจัดการไป หากเราจักต้องมีส่วนร่วม ก็ร่วมได้สามอย่างคือ
๑. ช่วยกันทำให้กฎบ้าน กบิลเมืองศักดิ์สิทธิ์ สามารถบังคับใช้ได้อย่างซื่อตรง เที่ยงธรรมจริงๆ
๒. ช่วยกันชี้เบาะแส โพนทะนา บอกกล่าว ให้คนในบ้านได้รับรู้ว่าคนในบ้านของเรานี้มันมีพฤติกรรม ที่เป็นอันตรายต่อบ้านหลังนี้อย่างไร
๓. หากใช้ทั้งสองข้อแล้วยังไม่ได้ผล ทีนี้คนในบ้านนี้ก็ต้องจับมือกันขับไล่ คนที่ไม่ยอมรับกฎบ้าน กบิลเมืองและทำให้เกิดอันตรายต่อบ้านหลังนี้
เหล่านี้คือหลักคิด ที่ท่านทั้งหลาย ควรจักมีเพื่อความสุขสงบของบ้านเมืองนี้