พี่สาว เล่าเรื่องผี 2
*พี่สาวเล่าว่า...
ตอนที่พี่สาวกับพี่เขยถือโอกาสช่วงหยุดวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาลาพักร้อนเพิ่มไปเยี่ยมเยือนแม่ และพักผ่อนที่บ้านตจว. (ที่คนส่วนมากจะรู้กันดีว่าในช่วงเวลานี้จะถือเป็นวันพระใหญ่คะ)
หลังจัดกระเป๋าเสร็จ ก็ตรวจเช็คน้ำไฟพอทุกอย่างเรียบร้อยก็ปิดบ้าน ออกเดินทางกัช่วง11โมงกว่าๆ ระหว่างทางก็แวะพัก แวะเที่ยว ตามทางไปเรื่อยคะ กว่าจะถึงก็เกือบ6โมงเย็น ไปถึงก็ค่ำเเล้ว
ทักทายแม่กับพี่ๆเสร็จ นั่งคุยกันสักพักก็เเยกย้ายกันไปนอนคะ พี่สาวกับพี่เขยนอนที่เดิมคะ (ที่คุ้นเคย คือที่ติดตรงบันไดทางขึ้นคะ ถ้าใครติดตามจากเรื่องก่อนตอนที่พี่สาวเล่าเรื่องพี่น่าจะพอนึกออกคะ พี่สาวบอกว่าความรู้สึกกลัวตอนนั้น ยังกลับมาหลอกหลอนทุกครั้งที่ไปเลยคะ )
บรรยากาศยังเหมือนเดิมคะ วังเวง เงียบ เสียงมดเเมลงก็ไม่มี และมืดคะ มีเพียงเเสงไฟสลัวๆจากหลอดไฟเล็กๆที่เสาไฟตรงทางเข้าบ้าน คืนนี้เเสงจันทร์ไม่สว่างเท่าไหร่นักออกขมุกขมัว
เวลาเกือบๆเที่ยงคืน นอนกำลังเคลิ้มๆ ได้ยินเสียงวิ่ง (เหมือนเสียงวัว/ควายวิ่งยังไงยังงั้นเลยคะ ) เสียงวิ่งเร็วมาก แรงมาก แล้วก็ผ่านบ้านไป ได้ยินรอบแรกวิ่งผ่านไปเเล้ว ทุกอย่างกลับมาเงียบเหมือนเดิม (ไม่รู้ว่าบ้านพี่ๆหรือคนอื่นๆจะได้ยินกันหรือเปล่า เพราะบ้านอยู่ไม่ห่างกันมากนัก)
พี่สาวก็เออเว้ย ไม่มีอะไรหรอก ก็พยายามจะหลับต่อไป ซึ่งก็ยากซะเหลือเกิน (ส่วนพี่เขยหลับไปนานแล้ว) ช่วงที่พยายามจะหลับนั้น เสียงวิ่งกลับมาอีกครั้ง พี่สาวเรากลัวก็กลัว เลยตัดสินใจเอาไงก็เอาว่ะ ข่มความกลัวดูให้รู้เเจ้งเห็นจริงไปเลยดีกว่า
คิดได้ยังงั้นพี่สาวเลยรวบรวมความกล้าที่มีทั้งหมด (ซึ่งก็น่าจะ มีไม่เยอะเท่าไหร่นะ 5555)
ลุกขึ้นจากที่นอน เเล้วค่อยๆเอาตาแนบกับฝาไม้ระเเนง จ้องมองออกไปในความมืดสลัว
พอสายตาชินกับความมืด ก็เริ่มมองเห็นอะไรๆบ้าง เสียงวิ่งดังมากๆเเละใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พี่สาวเรายังจ้องมองอยู่
แล้วในความสลัวนั้น ก็ทำให้มองเห็น!!! หมาดำคะ
แต่ไม่ใช่หมาดำธรรมดาแน่นอน เพราะตัวใหญ่ๆมากๆๆๆ ตัวใหญ่เท่าลูกวัวเลยก็ว่าได้
ตาไม่ฝาดแน่นอน มันวิ่งมาหยุดตรงเสาไฟหน้าบ้านเราพอดิบพอดี เหมือนรู้ว่าเราแอบมองอยู่
และถึงแม้ว่าจะมองในความมืดสลัว ก็ยังเห็นสีตัวดำสนิท ตาสีเเดงเพลิงเลยคะ พี่เราอกสั่นขวัญแขวนนึกด่าตัวเองในใจ ไม่น่าอยากรู้อยากเห็นเลย! (เห็นอย่างนั้นก็รู้ได้โดยอัตโนมัติละว่าสิ่งที่เห็นไม่ธรรมดาแน่ๆ)
รีบเบือนตาออกจากกระดานคะอย่างเร็ว กลัวก็กลัวว่าหมาที่ไม่ธรรมดาตัวนั้นจะเห็น
พี่เราถลาลงมากอดพี่เขย (ที่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ยังนอนหลับสนิทยิ่งกว่าคืนไหนๆซะอีก อาจเพราะได้ดีกรีเข้าไปด้วย) ดึงเอามือมากอดด้วยความกลัวจับใจ
เสียงวิ่งนั้นไม่ได้หายไปทันทีที่พี่เราแอบดูนะคะ เเต่ยังวิ่งผ่านหน้าบ้านตลอดจนเกือบเช้าคะ (ไม่รู้วิ่งทำไม555) พี่สาวเราก็กลัวจนนอนไม่หลับประมาณตี4กว่าๆน่าจะได้คะ เสียงวิ่งก็เงียบไป
พอเสียงวิ่งเงียบลง พี่สาวเราก็ได้ยินเสียงบ้านพี่ๆ(ของพี่เขย)ลุกมาหุงหาอาหาร เสียงวัดเปิดเพลงเพราะว่าวันนี้เป็นวันเข้าพรรษา ที่วัดจะมีงานบุญ
เสียงพี่ๆบวกกับเพลงที่วัดทำให้พี่สาวเราใจชื้นขึ้นมาบ้าง เลยทำให้ได้หลับงีบหนึ่ง จนสายๆของอีกวัน เลยเล่าให้พี่ที่บ้านอยู่ใกล้กับจุดที่พี่เราเห็นฟัง
พี่เค้าบอกว่า ดีนะ ที่ไม่ซี้ซั้วทักไปเพราะระเเวกบ้านเรา ยังมีคนเล่นของอยู่ มันชอบปล่อยของช่วงวันโกนวันพระนี่เเหละ บางคนชอบเล่นของ เล่นเยอะ จนทำให้เป็นแบบนั้นคะ
พี่ยังบอกอีกว่า เมื่อก่อนแกเจอบ่อย เพราะแกทำขนมขาย เลยนอนดึก แกบอกว่า หายไปนานแล้วนะ รึแกนอนหลับดีก็ไม่รู้ เลยไม่ได้ยินเสียงเเล้วก็ไม่เห็นอีกเลย
มีแต่ลูกสาวแกที่ทำงานโรงงานแหละ ที่เห็นจะจะเลย ครั้งเเรกก็ไม่เท่าไหร่ พอเห็นครั้งสองนี่ไม่เอาเลย กลัวจนไม่กล้าอยูบ้านตอนกลางคืน ต้องขอโรงงานเข้ากะกลางคืนแทน
ทุกวันนี้พี่สาวไปบ้านพี่เขยทีไร ก็นึกเรื่องที่เคยเจอตลอดเลยคะ (เจอจะจะเเบบนั้นใครจะลืมลงคะ บรึ้ยยยยยยยย)
*เเต่เรื่องเเบบนี้ก็แล้วแต่วิจารณาญาณของแต่ละคนเนอะ......