ปิดตำนาน!! "สนามม้านางเลิ้ง" มาดูความทรงจำจากอดีตถึงปัจจุบัน...
ปิดตำนาน!! "สนามม้านางเลิ้ง"
กำลังจะกลายเป็นตำนานสำหรับ "คออาชา" ทั้งหลาย ต้องเก็บอยู่ในความทรงจำกันตลอดไปสำหรับสนามแข่งม้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ที่รู้จักกันดีในชื่อ สนามม้านางเลิ้ง หรือ ราชตฤณมัยสมาคมฯ เป็นสถานที่ ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานนับกว่า 100 ปี...
ภายใต้อาคารคอนกรีตแผ่นมหึมาที่เรียงรายก่อขึ้นเป็นหลังคาผืนใหญ่ เสียงตะโกนกึกก้องของเหล่าฝูงชนที่ส่งเสียงเชียร์ให้ม้าที่ตนพนันขันต่อ เข้าเส้นชัยเพื่อนำเงินรางวัลกลับมาให้ตนได้เชยชม บรรยากาศเหล่านี้กำลังจะกลายเป็นเพียงความทรงจำในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ เพราะในวันนี้เส้นทางระหว่าง คน กับ ม้า ที่ควบทะยานโลดแล่นอยู่ในสนามแข่งขัน ที่ได้มอบความบันเทิงและสีสันแก่ผู้คนมาหลายยุคสมัยได้ถึงคราวสิ้นสุดลง
ในเดือน เม.ย. 2561 ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สนามม้านางเลิ้ง) เป็นผู้เช่าอาคารและที่ดินกับ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้เตรียมคืนที่ดินและอาคารให้กับ สำนักงานทรัพย์สินฯ หลังครบอายุสัญญาเช่ามานานแล้ว โดยราชตฤณมัยสมาคมฯ ยินดีให้ความร่วมมือกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ทุกประการ และเตรียมขนทรัพย์สินออกจากพื้นที่ พร้อมชำระค่าเช่า หรือภาษีค้างชำระถึงวันส่งมอบคืนสถานที่เช่าแก่ สำนักงานทรัพย์สินฯ ให้เสร็จสิ้นภายใน 180 วัน
วันที่ 15 ก.ย. 2561 สนามราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สนามม้านางเลิ้ง) ได้แจ้งว่า ในวันอาทิตย์ ที่ 16 ก.ย. ที่จะถึงนี้ จะมีการแข่งขันเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนทางเจ้าหน้าที่จะทำงานจนถึงวันที่ 28 ก.ย. 2561 และเตรียมส่งมอบคืนพื้นที่ในวันที่ 4 ต.ค. 2561
ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ สนามม้านางเลิ้ง เป็นสถานที่จัดแข่งขันม้าในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งอยู่เลขที่ 183 ถนนพิษณุโลก แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เปิดสนามอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 ธันวาคม 2459 โดยเป็นสนามม้าแห่งที่ 2 ของประเทศไทย ถัดจากราชกรีฑาสโมสร ในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5 เมื่อครั้งทรงเสด็จกลับจากประพาสยุโรปในปี 2440 สโมสรน้ำเค็มศึกษา อันเป็นสมาคมของข้าราชการและนักเรียนที่เคยไปทำงาน ศึกษา หรือเดินทางไปยุโรป ได้ร่วมกับเจ้าของคอกม้าต่างๆ จัดแข่งม้าเทียมรถ เพื่อเป็นการต้อนรับและถวายความจงรักภักดีต่อในหลวงรัชกาลที่ 5 โดยปรับให้ท้องสนามหลวงกลายเป็นสนามแข่งม้าชั่วคราว นับเป็นการจัดกีฬาแข่งม้าแบบตะวันตกครั้งแรกของประเทศไทย
ในปี 2444 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชบรมราชานุญาต ให้จัดตั้งราชกรีฑาสโมสร หรือที่เรียกว่า สนามฝรั่ง เพื่อเป็นทั้งแหล่งบันเทิงจำกัดวงสำหรับคนต่างชาติ อีกทั้งยังจัดการและบริหารโดยชาวยุโรป การสมัครเป็นสมาชิกจึงค่อนข้างมีความเข้มงวด ทว่ามีคนไทยจำนวนมากที่อยากเข้าถึงและมีส่วนร่วมในเกมการแข่งขันนี้แต่ไม่มีโอกาส
ในสมัยรัชกาลที่ 6 กลุ่มชนชั้นนำในประเทศไทยนำโดยพระยาประดิพัทธภูบาลและพระยาอรรถการประสิทธิ์ ได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระบรมราชานุญาตตั้งสโมสรสนามม้าโดยเรียกกันติดปากในสมัยนั้นว่า สนามไทย เพื่อให้บริการแข่งม้าสำหรับคนไทยและนำรายได้มาใช้บำรุงพันธุ์ม้าจากประเทศออสเตรเลียและอังกฤษ และทรงมีพระบรมราชานุญาตพร้อมทั้งได้พระราชทาน นามว่า ราชตฤณมัยสมาคมแห่งกรุงสยาม อีกทั้งทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2459 และพระราชทานนามว่า ราชตฤณมัยสมาคม รวมไปถึงยังทรงส่งม้าในคอกของพระองค์เข้าร่วมแข่งอีกด้วย
ช่วงแรกเริ่มนั้นมีการเก็บค่าสมาชิกคนละ 1 บาทต่อเดือนเพียงเท่านั้น โดยจะมีการจัดการแข่งขันอาทิตย์เว้นอาทิตย์สลับกันกับราชกรีฑาสโมสร และยังมีการให้บริการอื่นๆ เช่น สนามเทนนิส, สระว่ายน้ำ, ห้องอาหาร จัดเลี้ยงต่างๆ อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าว่าในสมัยก่อนจะมีร้านเปิดแผงให้เช่ารองเท้าอยู่ด้านหน้า เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ไม่อนุญาตให้ใส่รองเท้าแตะเข้ามา ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความเป็น สุภาพชน นั่นเอง
สมัยรัฐบาลของนายสัญญา ธรรมศักดิ์ เคยใช้สนามม้าแห่งนี้เป็นสถานที่ประชุม สมัชชาแห่งชาติที่มีจำนวน 2,347 คน จนเป็นที่มาของฉายา สภาสนามม้า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2555 องค์การพิทักษ์สยาม ซึ่งเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวของการเมืองภาคประชาชนที่รวมตัวกัน นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เลขาธิการราชตฤณมัยสมาคมฯ ใช้สถานที่แห่งนี้เพื่อชุมนุมขับไล่รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอีกด้วย
สุดท้าย "งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา" เพราะในที่สุดที่แห่งนี้ก็กำลังจะกลายเป็นเพียงตำนานและคำบอกเล่า เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาว่าครั้งหนึ่งประเทศไทยเคยมีสถานที่ ที่ได้มอบทั้งรอยยิ้มจากผู้ที่ได้รับชัยชนะและเงินรางวัล แต่อีกด้านหนึ่งก็ยังมีมุมของความผิดหวังจากอีกหลายคนที่ทุ่มเงินพนันจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีอีกแล้ว สนามม้านางเลิ้ง คงเหลือไว้แต่ สนามม้าแห่งความทรงจำ . .