ชายหนุ่มตามหาแม่ผู้ให้กำเนิดจนพบ สุดซึ้งแม่ตั้งชื่อร้านตามชื่อตัวเอง
ความรักของแม่และลูกไม่มีวันจะเสื่อมสลายไม่ว่าด้วยเวลาหรือความห่างไกล
ในตอนที่โนบุเอะ โออุจิอายุ 19 ปี เธอได้พบ
และตกหลุมรักกับทหารอเมริกันคนหนึ่ง
พวกเขาวางแผนที่จะแต่งงานกัน แต่ก่อนที่จะเดินเรื่องเอกสารเรียบร้อย
นายทหารก็ถูกส่งตัวกลับไปยังเซาท์แคโรไลน่าบ้านของเขา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา
หลังจากโนบุเอะคลอดลูกพ่อของเธอซึ่งเป็นชาวประมงท้องถิ่น
ก็ยื่นมือเข้ามาขอลูกชายของเธอไปเลี้ยง
ทว่าเธอรู้ว่าการเลี้ยงดูเด็กลูกครึ่งในหมู่บ้านเล็กๆ
ของประเทศญี่ปุ่นที่เธออยู่นั้นจะยากลำบากมาก
ต่อมาเธอจึงต้องจำใจยกลูกให้ผู้อุปถัมภ์ไป
เพื่อให้ลูกชายมีชีวิตที่ดี
เอ็ดเวิร์ดและเอลีนอร์ ฮอลลีวูดประจำการอยู่ในญี่ปุ่น
ขณะนั้น ด้วยภาระหน้าที่ในกองทัพอากาศสหรัฐฯ
พวกเขายินดีรับลูกชายแบเบาะของโนบุเอะมาเลี้ยง
โดยตั้งชื่อให้เขาว่า บรูซ
บรูซเองไงจะใครล่ะ
"ผมรู้มาตลอดว่าเป็นเด็กที่ถูกรับมาเลี้ยงเพราะผมมีเชื้อเอเชีย
และพ่อของผมเป็นไอริชแม่ผมก็เป็นชาวนอร์เวย์"
บรูซกล่าว "แล้วพวกท่านยังบอกผมว่า..
'เราเลือกลูกเพราะลูกพิเศษ ดังนั้นลูกจึงพิเศษยิ่งขึ้นไปอีก' "
บรูซเติบโตขึ้นด้วยความรักในครอบครัวที่เข้าอกเข้าใจ
เขามักจินตนาการว่าจะได้กลับไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อไปพบ
แม่ผู้ให้กำเนิดเสมอ แต่เขาก็คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะหาพบ
พ่อแม่บอกชื่อของโนบุเอะแก่เขาและเสนอค่าเดินทางไปญี่ปุ่นให้
แต่เขาก็ปฎิเสธ
ต่อมาในปี 2005 บรูซมีอาการหัวใจวายระหว่างทางไปทำงาน
ที่ตึกเพนตากอน ระหว่างที่ล้มตัวนอนลงบนพื้น
ก็คิดสงสัยว่าช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเขาคงมาถึงเสียแล้ว
เขาพบว่าในจิตใจเต็มไปด้วยความเสียดาย
ที่ไม่ได้ตามหาแม่โนบุเอะให้มากกว่านี้
บรูซเฝ้าฝันว่าอยากจะส่งจดหมายให้แม่บังเกิดเกล้า
เพียงเพื่อบอกว่าเค้าซาบซึ้งเพียงใดที่เธอทำให้
ชีวิตของเขามาถึงจุดนี้ได้โดยไม่นึกห็นแก่ตัวเลย
"ผมมีชีวิตที่ดีที่สุดแล้ว ผมได้เป็นผู้พันกองทัพอากาศสหรัฐฯ
ผมมีลูกๆที่น่ารัก ชีวิตของผมมันดีมากๆ"
บรูซจินตนาการว่าจะได้บอกเธอแบบนี้
บรูซส่งข้อมูลอันน้อยนิดเกี่ยวกับโนบุเอะที่เขารู้ให้แก่สถานทูตญี่ปุ่น
และจ้างนักสืบเอกชน แต่เมื่อการสืบหาพบทางตัน
เขาก็คิดว่าชะตาคงกำหนดให้ไม่ได้พบ
"ผมคิดว่า "รู้มั้ย ฉันเหนื่อยจัง ฉันได้พยายามทุกทางที่ทำได้แล้ว
มันคงเป็นโชคร้ายน่ะ' " เขากล่าว
ต่อมาชะตาก็พลิกผัน ขณะที่บรูซกำลังเดินทางไปประชุมที่ประเทศเยอรมนี
เขาได้ไปนั่งติดกับทหารนายหนึ่งในบาร์ของสนามบินนานาชาติดัลเลส
บรูซและพลเรือเอกแฮร์รี่ แฮริส ต่างก็มีหลายๆอย่างคล้ายกัน
ทั้งคู่มีแม่อยู่ประเทศญี่ปุ่น ในการพูดคุยนั้นบรูซเล่าถึงเรื่องที่หัวใจวาย
และการที่มันกระตุ้นให้เขาอยากค้นหาแม่ผู้ให้กำเนิดมาตลอดหลายปี
"เขาบอกผมว่า 'บรูซ ผมช่วยคุณได้นะ' และผมว่า
'รู้มั้ย คุณเป็นพลเรือเอกก็จริง แต่คุณช่วยไม่ได้หรอก ผมไปสถานทูตมาแล้ว
ผมลองหมดแล้ว คุณคงช่วยอะไรไม่ได้อีก' "
ผ่านไปเพียง 10 วันพลเรือเอกแฮริสก็ทำตามสัญญาจนได้
บรูซอยู่ที่ทำงานและโทรศัพท์ดังขึ้น และเสียงจากสถานทูตญี่ปุ่น
ที่อยู่อีกซีกโลกบอกเขาว่าพรของเขาได้รับการตอบรับแล้ว
" 'ผู้พันฮอลลีวูดเรามีความยินดีที่จะแจ้งคุณว่า
เราพบคุณโนบุเอะ โออุจิ แม่ของคุณแล้ว'
และผมตอบไปว่า 'โอพระเจ้า ยอดไปเลย
คุณต้องช่วยผมเขียนจดหมายนะครับ ผมอยากจะเขียน
ให้ถูกหลัก ตามธรรมเนียม คุณต้องช่วยผมนะ' "
"ไม่ต้องเขียนจดหมายหรอก เธอจะโทรหาคุณที่เบอร์นี้ในอีก 10 นาที
และเธอไม่พูดอังกฤษด้วย ขอให้โชคดี!"
บรูซลนลานหานักแปลเพื่อจะคุยสายและ 10 นาทีต่อมา
โนบุเอะก็โทรมาและร้องไห้ แม่และลูกชายสนทนากัน
ผ่านล่าม และโนบุเอะก็เล่าถึงเหตุผลที่ต้องยกเขาให้พ่อแม่บุญธรรม
เธอยังสารภาพว่าวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันเกิดปีที่ 65 ของเธอด้วย
และของขวัญที่เธอภาวนาขอเสมอก็คือการที่บรูซจะกลับมาหาเธอสักวันหนึ่ง
โนบุเอะไม่เคยแต่งงานอีกเลย "เพราะเธอบอกว่าหัวใจเธอมีที่ให้ชายเพียงคนเดียว
และมันก็คือคุณ และเธอรู้เสมอว่าคุณจะต้องกลับมา"
ต่อมาล่ามได้บอกบางอย่างกับบรูซที่แทบทำให้หัวใจเขาหยุดเต้น
แม่ของเขามีร้านอาหารเล็กๆในญี่ปุ่นด้วยชื่อร้าน...บรูซ
ช่างน่าประหลาดที่เขาพบว่ามันเป็นเรื่องจริง 100%
หลายปีที่ผ่านมาแม่บุญธรรมของบรูซติดต่อกับโนบุเอะมาตลอด
เพื่อขอบคุณเธอที่ได้ให้ของขวัญที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตมา
เธอส่งรูปของบรูซให้แก่โนบุเอะและบอกชื่อของเขาให้รู้
และสัญญาว่าจะทำให้เขามีชีวิตที่ดี
บรูซไม่รอรี เขารีบตรงไปญี่ปุ่นเพื่อพบโนบุเอะ
เขาไปยังหมู่บ้านเก่าและพบร้านอาหารชื่อ "บรูซ"
และในที่สุดก็ได้พบผู้หญิงที่ได้ให้ชีวิตเขา มากกว่า 1 ครั้ง
ผ่านไปไม่กี่ปี บรูซกลับไปญี่ปุ่นบ่อยครั้งเพื่อไปหาโนบุเอะ
และเขายังพาเธอบินข้ามมายังวอชิงตันเพื่อพบกับครอบครัวของเขาด้วย
เธอเรียนภาษาอังกฤษ เขาก็เรียนภาษาญี่ปุ่น
บรูซยังได้พบกับครอบครัวใหญ่ที่เป็นชาวญี่ปุ่นของเขาด้วย
น่าเศร้าที่โนบุเอะได้เสียชีวิตลงหลังจากการพบกันได้เพียง 3 ปี
แต่บรูซว่าการได้พบเธอนั้นทำให้เขาภาคภูมิใจ
ในชาติกำเนิดของตัวเองเป็นครั้งแรกอย่างเหลือเชื่อ
ขณะนี้บรูซกลายเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน ที่เป็นทั้งชาวญี่ปุ่น
และชาวอเมริกันอย่างผ่าเผย เขายังเป็นประธานสมาคมทหารผ่านศึก
ญี่ปุ่น-อเมริกันและสมาคมเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึกญี่ปุ่น-อเมริกัน
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองด้วย
" 12 ปีที่ผ่านมานี้ผมได้กลายเป็นชาวญี่ปุ่น-อเมริกันในที่สุด
ก่อนหน้านั้นผมไม่มีความเป็นครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกันเลย
ผมเป็นแค่คนที่มีเชื้อสายญี่ปุ่น-อเมริกัน แต่เมื่อผมได้
เป็นส่วนหนึ่งในสังคมนี้ผมกลับภาคภูมิใจ
ในเชื้อชาติของผมอย่างเหลือเชื่อ"
หลังจากเกษียรงานที่เพนตากอน บรูซและเมแกนภรรยาของเขา
ใช้ชีวิตอยู่ในเวียนนา รัฐเวอร์จิเนีย ท่ามกลางครอบครัวใหญ่อันอบอุ่น
เขาว่าชีวิตเขานั้นได้รับพร ปละไม่มีวันไหนเลยที่ไม่นึกขอบคุณแม่
และโชคชะตาของความรักที่มั่นคงที่ทำให้เขา
ได้มีทุกอย่างที่เขามีในชีวิตนี้
ขออภัยหากแปลผิด
ที่มา: https://www.inspiremore.com/bruce-hollywoods-birth-mom/