การใช้เครื่องตรวจน้ำตาลในเลือดเพื่อป้องกันอันตรายจากการโรคเบาหวาน
การรับประทานอาหารที่มีรสชาติหวานมากเกินไปอาจจะทำให้เสี่ยงต่อเป็นโรคเบาหวานได้ โรคเบาหวานเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดแดงทั่วร่างกายจนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากจนเกินความสามารถของไตในการดูดกลับ ดังนั้นผู้ที่ชื่นชอบของหวานรับประทานในปริมาณที่มาก ๆ ควรที่จะต้องตรวจดูว่ามีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ เราสามารถตรวจน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเอง โดยการใช้เครื่องตรวจน้ำตาลในเลือด ชนิดพกพา เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากใช้งานง่าย สะดวก ให้ผลตรวจรวดเร็วและไม่ได้อาศัยความเชี่ยวชาญมากนัก ทำให้ผู้ป่วยสามารถตรวจระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยตนเอง ในแต่ละช่วงเวลาของแต่ละวันได้ว่าต่ำหรือสูงเกินไปหรือไม่ ซึ่งมีประโยชน์มากโดยเฉพาะในผู้ที่ฉีดอินซูลิน ทำให้ติดตามการรักษาโรคเบาหวานและปรับระดับการให้ยาหรืออินซูลินได้เหมาะสม หากพบว่าผิดปกติจะได้ไปพบแพทย์เพื่อรักษาอย่างถูกต้องได้ทันท่วงที
ขั้นตอนการใช้เครื่องตรวจน้ำตาลด้วยตัวเอง
1.เตรียมเครื่องตรวจวัดและแถบทดสอบให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
2.ควรทำตามขั้นตอนการตรวจที่ระบุไว้ในคู่มือที่มากับอุปกรณ์
3.เจาะเลือดหลังจากรับประทานอาหารไปแล้ว 2 ชั่วโมง วิธีนี้เหมาะสำหรับการเจาะเลือดด้วยตัวเองที่บ้านเพื่อประเมินผลการรักษาโรคเบาหวาน
4.ล้างมือให้สะอาด รอให้แห้ง เพื่อไม่ให้เกิดการปนเปื้อนบนนิ้วมือ
5.ควรเจาะบริเวณด้านข้างของปลายนิ้วที่ไม่ค่อยได้ใช้งานเพราะ ผิวบาง เจาะได้ง่าย เจ็บน้อยกว่า ใช้แอลกอฮอล์เช็ดปลายนิ้ว รอให้แห้ง แล้วเจาะด้านข้างนิ้วที่ไม่ค่อยถูกสัมผัส
6.เจาะเลือดปริมาณเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องบีบเค้น
7.แตะบนแถบแผ่นตรวจให้เลือดไหลเข้าไปเองและรออ่านผลซึ่งจะปรากฏขึ้นรวดเร็วในเวลาไม่กี่วินาที
การอ่านค่าน้ำตาลในเลือด
- ค่าปกติอยู่ระหว่าง 70 -100 mg/dL
- ค่าระหว่าง 100-125 mg/dL ถือว่าเสี่ยงเกิดโรคเบาหวาน
- ค่ามากกว่า 126 mg/dL วินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน
ดังนั้นผู้ที่ชอบกินของที่หวานมาก ๆ ควรที่จะมีเครื่องตรวจน้ำตาลติดไว้ในบ้าน เพราะการที่เรารู้ผลก่อนมีความสำคัญต่อการติดตามและควบคุมอาการของผู้ป่วยเบาหวาน เพราะภาวะน้ำตาลในเลือดผิดปกติเป็นภาวะที่ร้ายแรง หากรักษาไม่ทันอาจเป็นอันตรายได้ ควรใช้งานตามขั้นตอนอย่างเหมาะสม และจำเป็นต้องทำความสะอาดบริเวณตัวเครื่องที่อาจมีคราบเลือดปนเปื้อน