10 ข้อสำหรับชาวออฟฟิต รับฝิ่นอย่างไร ให้คุณไม่ถูกไล่ออก!
แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากรวยกันทั้งนั้น แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีนักในปัจจุบันนี้ เราก็มักจะเห็นการที่ชาวออฟฟิตหลายๆ คน มีการทำงานเสริม หรืองานพิเศษนอกจากงานประจำที่ทำอยู่แล้ว เพื่อหารายได้เพิ่มขึ้น หรือมีช่องทางการได้รับรายได้ที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม
การรับงานนอก หรือที่ชาวออฟฟิศเรียกว่ารับฝิ่น มันกลายเป็นเทรนด์ที่ทุกคนมองเป็นเรื่องปกติ จนหลายคนเริ่มมีมุมมองกับฝิ่นผิดไป เมื่อตัวเลขเงินที่อยากได้มากขึ้น ฝิ่น ก็เข้ามาเบียดเบียนเวลาทำงานปกติและการพัฒนาศักยภาพมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อความเหมาะสมเรามาดูกันว่ามีประเด็นอะไรบ้างที่ควร และไม่ควรทำในการทำงานพิเศษโดยไม่ทำให้คุณถูกไล่ออก
กฎข้อที่ 1 : ทำความเข้าใจนโยบายของบริษัท
กฎข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งนโยบายบริษัทนี้จะเป็นตัวชี้ว่าคุณสามารถทำอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง โดยบริษัทส่วนใหญ่มักจะมีนโยบายที่ค่อนข้างเป็นทางการ เช่น หากคุณทำงานที่นี่แล้ว คุณต้องห้ามรับงานที่คล้ายคลึงกันกับสายงานที่ทำอยู่ หรือการห้ามรับงานแข่งกับบริษัทของคุณ คุณจำเป็นต้องอ่านรายละเอียดในเงื่อนไขการทำงานอย่างถี่ถ้วน
กฎข้อที่ 2 : ห้ามนำข้อมูลที่เป็นความลับทางธุรกิจไปใช้โดยเด็ดขาด
กฎข้อนี้สำคัญไม่แพ้ข้อแรก ซึ่งสิ่งที่คุณไม่สามารถทำได้เลยโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ซึ่งก็คือการนำข้อมูลทางธุรกิจของบริษัทมาใช้ โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นความลับ เช่น หากคุณได้รับข้อมูลที่เป็นความลับ เช่น ภาพของผลิตภัณฑ์ที่กำลังเปิดตัวก็ไม่ควรนำข้อมูลนี้ไปใช้ในงานส่วนตัวเด็ดขาด เพราะหากคุณเป็นคนทำให้ความลับรั่วไหล อาจทำให้คุณและบริษัทของคุณถูกฟ้องจากลูกค้าได้
กฎข้อที่ 3 : ไม่ควรทำงานพิเศษในเวลางาน
เรื่องการใช้เวลานี้ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบริษัท บางบริษัทอนุญาตให้ทำงานพิเศษได้หลังจากที่จัดการงานที่ได้รับมอบหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ขณะเดียวกันบางบริษัทก็ไม่อนุญาตให้ทำงานพิเศษในเวลางานเลยเพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานหลักลดลง คุณจำเป็นต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละบริษัท แต่จะเป็นการดี และดูมืออาชีพกว่าหากคุณเก็บงานพิเศษไว้ทำนอกเวลา
กฎข้อที่ 4 : ไม่ควรใช้ทรัพยากรของบริษัทในงานพิเศษ
ข้อห้ามข้อนี้ครอบคลุมตั้งแต่การห้ามใช้คอมพิวเตอร์ของบริษัทในการทำงานส่วนตัว เพราะหากคุณใช้อุปกรณ์ของบริษัททำงานพิเศษผลงานชิ้นนั้นจะตกเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัททันที, ห้ามใช้ทรัพยากรอื่นๆ ของบริษัท เช่นรูปถ่ายลิขสิทธิ์ หรือ เครื่องมือออนไลน์ที่ทางบริษัทซื้อมาใช้ในงานส่วนตัว นอกจากจะผิดจรรยาบรรณแล้วยังผิดกฎหมายลิขสิทธิ์อีกด้วย
กฎข้อที่ 5 : ห้ามแย่งลูกค้าจากบริษัทของคุณโดยเด็ดขาด
พนักงานบางคนอาจใช้ข้อได้เปรียบโดยการนำข้อมูลของลูกค้ามาใช้ประโยชน์ เช่น บริษัทของคุณพลาดการประมูลงานเพราะคุณแอบส่งผลงานที่ดีกว่าไปขาย กฎข้อนี้นอกจากจะเป็นการเสียมารยาททางธุรกิจและมักจะมีระบุห้ามไว้ในสัญญาว่าจ้างงานอีกด้วย หากบริษัทของคุณรู้เข้าอาจทำให้คุณโดนฟ้องได้
กฎข้อที่ 6 : คุณควรจะเปิดเผยเรื่องงานพิเศษของคุณกับบริษัท
มันจะดีกว่ามากหากคุณสามารถบอกเล่าเรื่องงานพิเศษของคุณให้กับบริษัทตั้งแต่แรก หากพวกเขายอมรับเรื่องนี้ได้ตั้งแต่แรก การทำงานพิเศษของคุณจะไม่มีปัญหาใดๆ เลย ตราบใดที่คุณไม่ได้ทำผิดข้อตกลงที่ให้ไว้ต่อบริษัท ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่างที่ได้กล่าวไปตั้งแต่ต้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในการรับงานพิเศษคือ กฎ, จรรยาบรรณ และความเหมาะสมของแต่ละบริษัทที่ต้องใข้วิจารณญาณของคุณเองในการตัดสินอีกด้วย
กฎข้อที่ 7 : คุณต้องทุ่มเทกับงานประจำให้เต็มที่ ไม่ให้บกพร่อง
การที่คุณรับนอกนอกได้ แต่คุณก็ต้องทุ่มเทกับงานประจำให้เต็มที่ ไม่ให้บกพร่องด้วย ไม่ให้กระทบกับการทำงานประจำของคุณ ไม่ใช่เอาเวลาไปทำแต่งานอื่น จนงานประจำเสีย จะส่งผลให้คุณดูไม่ได้ดีในสายตาของเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายของคุณเลย อาจจะเป็นสาเหตุทำให้เขาไม่ชอบคุณ หรือถูกไล่ออกก็ได้
กฎข้อที่ 8 : ห้ามขายความลับให้คู่แข่ง
ถือเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก กับการเอาข้อมูลความลับไปขายให้บริษัทคู่แข่ง ถือเป็นการไม่ให้ความเคารพกับสถานที่และงานที่ทำอยู่อย่างรุนแรง และคุณอาจจะโดนฟ้องอ่วมได้ง่าย ๆ เสียชื่อเสียงไปทั้งวงการเพื่อแลกกับรายได้ชั่วคราว
กฎข้อที่ 9 : ห้ามหักโหมอยากได้เงินมากจนเสียสุขภาพ
แน่นอนว่าคนที่อยากได้เงินเยอะก็ต้องรับงานเยอะๆ ด้วยเช่นกัน แต่แค่เวลาทำงานปกติก็หนักอยู่แล้ว คนที่รับงานนอกหลาย ๆ งาน ยิ่งต้องทำงานมากขึ้นอีกหลายเท่า จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีการปั่นเคลียร์งานแบบหามรุ่งหามค่ำ ก็เริ่มพักผ่อนไม่พอ นอนน้อย ไปทำงานสาย สมาธิเสีย ไม่มีเวลาว่างเหลือสำหรับผ่อนคลาย สุดท้ายก็ทำงานหลักพังทลายลงไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรียกว่าพังทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต เพื่อเงินรายได้เสริมจำนวนหนึ่ง
กฎข้อที่ 10 : เอาใจเจ้านายมาใส่ใจเรา
สุดท้ายการเอาใจเขามาใส่ใจเราน่าจะดีที่สุด ลองมองในอีกมุมนึงดูบ้าง วันนี้ในฐานะคนทำงานเราอาจจะคิดว่าการทำฝิ่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ลองจินตนาการดูว่าวันนึงเราเป็นหัวหน้า เป็นเจ้าของบริษัทเราอยากจะเห็นอะไร อยากเห็นลูกน้องในบริษัทเป็นแบบนั้นหรือเปล่า แถมยังใช้เวลาและอุปกรณ์ของงานประจำทำกันอย่างลอยหน้าลอยตา ตอบตัวเองหน่อยว่า ณ วันนั้น ในตำแหน่งจุดยืนตรงนั้น คุณจะคิดจะพูดจะทำอย่างไรกับคนในบริษัทของคุณ