'อย่ามุ่งสนใจแต่เพียงสิทธิ เสรีภาพส่วนตัว จนหลงลืม เรื่องหน้าที่ของตนเอง'
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชรกล่าวไว้ว่า 'อย่ามุ่งสนใจแต่เพียงสิทธิ เสรีภาพส่วนตัว จนหลงลืม เรื่องหน้าที่ของตนเอง'
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ประธานกรรมการมูลนิธิองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)ได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นข้าราชการตำรวจผู้ซื่อสัตย์สุจริต ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่แบบปิดทองหลังพระตามหลักธรรมะของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และได้ตักเตือนคนรุ่นใหม่อย่ามุ่งสนใจเพียงสิทธิเสรีภาพจนหลงลืมหน้าที่ตนเอง นี่คือคติพจน์ที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นได้หยิบยกมาเตือนสติอนุชน
21 มิถุนายน 2561 -องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน(ประเทศไทย)ได้เขียนลงในเฟซบุ๊กแสดงความคารวะอาลัย พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ประธานกรรมการมูลนิธิองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)ด้วยการเชิดชูคุณธรรมของท่านไว้ว่า
" พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตนายตำรวจราชสำนักประจำและเป็นผู้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงไว้วางพระราชหฤทัยจนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ ก่อนจะออกมาดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมตำรวจฝ่ายกิจการพิเศษ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในเวลาต่อมา นอกจากนั้นท่านยังเคยได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิก สภานิติบัญญัติแห่งชาติในปี พ.ศ. 2516 และยังเป็นเป็นสมาชิกวุฒิสภาในปีพ.ศ.2532 และปีพ.ศ. 2539 - 2543 อีกด้วย
เจ้าของฉายา ‘นายตำรวจตงฉิน’ เริ่มจากความคิดอยากเอาคืนในวัยเด็กที่ถูกจับขังคุกเป็นเวลาหนึ่งคืนอย่างไร้เหตุผล พล.ต.อ.วสิษฐ จึงมุ่งมั่นที่จะเป็นตำรวจมาตั้งแต่เยาว์วัย และสามารถเข้ารับราชการในกรมตำรวจได้สมดังใจ ก่อนจะบินลัดฟ้าไปทำงานที่สำนักงานองค์กรสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีโต้) และ ในช่วงปี พ.ศ. 2503 บ้านเมืองกำลังเผชิญปัญหาคอมมิวนิสต์ พล.ต.อ.วสิษฐ ก็ได้มาประจำการที่สถานีภูธรในภาคอีสาน เพราะต้องการแก้ไขปัญหาคอมมิวนิสต์ที่ลุกลามในภาคอีสาน
ด้วยชีวิตการงานที่ต้องประจำการในเขตภูธรภาคต่างๆ ทำให้ครั้งหนึ่งท่านได้มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระเจ้าอยู่หัวโดยไม่คาดฝัน และต่อมาทรงมีรับสั่งให้ตามเสด็จฯ และปฏิบัติหน้าที่ถวายงานเป็นนายตำรวจราชสำนักประจำ (ตั้งแต่ปี พ.ศ.2513 จนถึงพ.ศ.2524 รวมเป็นระยะเวลาถึง 12 ปีเต็ม) พล.ต.อ.วสิษฐเคยเล่าว่าสิ่งหนึ่งที่ตัวเองได้รับจากการปฏิบัติหน้าที่ตามเสด็จฯ ในหลวงคือการได้เรียนรู้ “ธรรมะของพระเจ้าอยู่หัว” โดยธรรมะของพระเจ้าอยู่หัวที่พล.ต.อ.วสิษฐ ยึดถือมาโดยตลอดคือการ “ปิดทองหลังพระ”
ครั้งหนึ่งท่านเคยได้รับพระราชทานพระเครื่ององค์หนึ่งจากในหลวง พร้อมกับพระบรมราโชวาทว่า ถ้าจะเอาไปบูชาให้ปิดทองเสียก่อน แต่ให้ปิดข้างหลัง เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ เวลาทำดีอย่าได้หวังรางวัล ให้ถือความสำเร็จของหน้าที่การงานเป็นรางวัลอันหมายถึงการทำงานให้ดีที่สุดโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนแต่ให้ถือความสำเร็จของหน้าที่การงานนั้นเป็นรางวัลแห่งชีวิต
ในหลวงทรงตรัสว่า “เมื่อปิดทองไปข้างหลังเยอะๆ แล้วทองจะล้นออกมาข้างหน้าเอง” หลังจากได้รับพระราชทานพระบรมราโชวาท ท่านก็ตั้งใจทำงานอย่างตั้งใจและซื่อตรงโดยไม่สนใจต่อความเหนื่อยยากหรือคนรอบข้างจนได้รับฉายาว่าเป็นนายตำรวจตงฉินแห่งกรมตำรวจไทย
สังคมไทยในปัจจุบันกำลังเผชิญปัญหาด้านคุณธรรมอย่างฝังรากลึก โดยเฉพาะกับเรื่องค่านิยมต่อศีลธรรมจริยธรรมที่อ่อนแอลง ในฐานะอดีตตำรวจและผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง
พล.ต.อ.วสิษฐ จึงมีความเป็นห่วงสังคมไทยในปัจจุบันและได้ตักเตือนคนรุ่นใหม่ว่าอย่ามุ่งสนใจแต่เพียงสิทธิเสรีภาพส่วนตัวจนหลงลืมเรื่องหน้าที่ของตนเอง ให้ตั้งใจทำสิ่งต่างๆ โดยไม่หวังผลตอบแทน เฉกเช่นเดียวกับการปิดทองหลังพระ
Source : องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน