ฟุตบอลโลก2018: ทำไมกระแสฟุตบอลโลกในไทยดูไม่คึกคัก
ก่อนที่คนไทยจะได้รับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 จากรัสเซีย ในวันนี้เป็นวันแรก มีคำถามเกิดขึ้นว่าทำไมกระแสฟุตบอลโลกในไทยปีนี้จึงดูเหมือนจะไม่คึกคักเท่าที่ควรในช่วงก่อนหน้าที่แข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น
ไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้น กระแสโลกก็ดูเหมือนว่าเป็นไปในทำนองเดียวกัน เพราะรายได้จากผู้สนับสนุนของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่าลดลงก็ด้วย
นักการตลาดบอกกับบีบีซีไทยว่าการถ่ายทอดสดการแข่งขันจากรัสเซีย ต้องผ่านปัญหาหลายอย่างทั้งข้อจำกัดทางกฏระเบียบการถ่ายทอดสด, ค่าลิขสิทธิ์ที่แพงมหาศาล ในขณะที่ความสามารถในการจับจ่ายของคนไทยยังไม่กระเตื้องขึ้นมากนัก ทำให้กระแสดูเหมือนจะไม่ค่อยคึกคัก
ค่าลิขสิทธิ์นับพันล้านบาท
ค่าลิขสิทธิ์ที่แพงนับพันล้านบาท เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ หรือแม้แต่โครงข่าย "โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย" หรือ ทีวีพูล ไม่กล้าเข้าร่วมประมูล เพราะกลัวการขาดทุน เว็บไซต์มติชนสุดสัปดาห์ รายงานว่าทีวีพูลยอมรับว่าลังเลที่จะซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก2018 ที่รัสเซีย เพราะว่าราคาสูงมาก
ก่อนหน้านี้ ทีวีพูล ได้รับบทเรียนมาแล้ว จากการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดโอลิมปิก 2016 ที่จัดขึ้นที่นครริโอ เดอ จาเนโร ของ บราซิล ในราคาประมาณ 1,000 - 1,100 ล้านบาท ซึ่งในครั้งนั้น สถานีโทรทัศน์ที่เป็นสมาชิกของทีวีพูลแต่ละช่องต้องประสบปัญหาขาดทุนกว่า 30-40 ล้านบาท
แต่เมื่อมีเสียงเรียกร้องให้ต้องมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันกันมากขึ้น รัฐบาล คสช. ที่ต้องการ "คืนความสุขให้ประชาชน" จึงได้ผนึกกำลังกับองค์กรเอกชน 9 รายร่วมลงขันกันเข้าซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายทั้งหมด 64 นัด กับฟีฟ่าโดยผ่านทาง บริษัท อินฟรอนท์ สปอร์ต แอนด์ มีเดีย ผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในภูมิภาคเอเชีย
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่รัฐบาลและพันธมิตรธุรกิจต้องรับผิดชอบประมาณ 1,400 ล้านบาท แบ่งเป็น มูลค่าลิขสิทธิ์ประมาณ 25 - 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 775-930 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีค่าดำเนินการในการดึงและเผยแพร่สัญญาณอีกจำนวนหนึ่ง
สำหรับ 9 องค์กร ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน), บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด, บริษัท กัลฟ์เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน), บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด
ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกจะเผยแพร่ผ่าน 3 ช่องทีวีดิจิทัล ประกอบด้วย ช่อง ททบ. 5 ของกองทัพบก, ช่องทรูโฟร์ยู ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ และช่องอมรินทร์ทีวี ธุรกิจในเครือไทยเบพฯ