หน่วยงานความมั่นคงแจง..ผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวลือมุ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน
ตามที่มีได้มีการปล่อยข่าวลือของผู้ไม่หวังดีและในเวลาต่อมาได้มีการแชร์ต่อข้อมูลทางแอพพลิเคชั่น Line ซึ่งเนื้อหาเป็นการแจ้งเตือน ผกร. มีแผนที่จะก่อเหตุในห้วงเดือนรอมฎอน โดยมุ่งลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ ห้ามชาวบ้านเข้าเมืองในวันที่ 30 พ.ค.นั้น ซึ่งรูปแบบของข่าวลือดังกล่าวเป็นการกล่าวอ้างจากหน่วยเหนือแจ้งเตือนให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่เพิ่มความระมัดระวังในการเข้าร่วมกิจกรรม
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าได้กล่าวต่อกรณีดังกล่าวว่า เป็นความพยายามปล่อยข่าวลือเพื่อสร้างความสับสนและหวาดกลัวให้แก่พีน้องประชาชนพื้นที่ จชต. ส่งผลกระทบกระเทือนต่อการประกอบศาสนกิจของพี่น้องมุสลิมในห้วงเดือนรอมฎอนซึ่งเป็นเดือนแห่งบุญ จึงขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่เชื่อมั่นในมาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และอย่าตื่นตระหนกต่อข่าวลือดังกล่าว ทั้งนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ เช่นเดียวกับเหตุป่วนเมืองที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้วหลายรายขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเห็นได้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่อความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนและความสงบสุขของสังคมโดยรวม ตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมามุ่งแต่ก่อเหตุสร้างสถานการณ์เพื่อกลุ่มตนเท่านั้น
ปัญหา จชต. ที่เกิดขึ้นไม่มีประเด็นความขัดแย้งทางด้านศาสนา ที่สำคัญรัฐบาลไทยให้สิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาของประชาชนชาวไทย ซึ่งได้บัญญัติรับรองเสรีภาพในการนับถือศาสนาไว้ในมาตรา 13 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย “บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการ ถือศาสนาหรือลัทธิใด ๆ และย่อมมีเสรีภาพ ในการปฏิบัติพิธีกรรมตามความนับถือของตน เมื่อไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมของประชาชน” ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ารัฐบาลได้สนับสนุนการประกอบศาสนกิจของพี่น้องทุกศาสนาอย่างเท่าเทียม ไม่มีการเลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อพี่น้องมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ การทำพิธีอุมเราะห์ หรือการสนับสนุนในด้านอื่นๆ เช่นเดียวกับการที่คณะ oic ได้เดินทางมาเยือนพื้นที่ จชต. หลายครั้งต่างกล่าวชื่นชมรัฐบาลไทยที่ได้ดูแลสนับสนุนพี่น้องมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในทุกด้าน และขอให้พี่น้องชาวมุสลิมให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลไทยในการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป ดังนั้นตามที่มีผู้พยายามแอบอ้างและบิดเบือนหลักคำสอนของศาสนาถือเป็นพวกนอกศาสนา โดยเฉพาะความพยายามในการปล่อยข่าวลือว่าจะก่อเหตุในวันดังกล่าวถือเป็นการจงใจขัดขวางการประกอบศาสนกิจของคนส่วนใหญ่ ถือเป็นคนบาปที่จะต้องถูกลงโทษจากอัลลอฮํ และจะไม่ได้สัมผัสแม้แต่กลิ่นอายของสวรรค์
****************
ที่มา:https://www.southernreports.org/