หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

บุโรพุทโธ Borobudur วัดพุทธท่ามกลาง ประเทศที่นับถืออิสลาม

โพสท์โดย Shin ichiro

#บุโรพุทโธ

โบราณสถานขนาดมหึมาของโลกนั้นมีมากมายหลายแห่ง บางแห่งใหญ่โตจนผู้ที่ได้เห็นครั้งแรกต้องตะลึงงันไม่เชื่อสายตา ทว่าไม่มีแม้แต่แห่งเดียวที่จะเทียบได้กับโบราณสถาน “บุโรพุทโธ” ของอินโดนีเซีย

 

…ไม่สามารถเทียบได้ในแง่ใดหรือ เราลองมาดูกัน

พีระมิดของอียิปต์ สร้างขึ้นเพื่อบรรจุมัมมี่ของกษัตริย์ซึ่งประสงค์จะคืนพระชนม์ชีพในอนาคตกาลข้างหน้า หินยักษ์แต่ละก้อนที่นำมาเรียงซ้อนกันสูงเทียมขุนเขานั้นต้องใช้หยาดเหงื่อและความตายของทาสจำนวนนับไม่ถ้วน

กำแพงเมืองจีนที่สูงตระหง่าน ยาวกว่าสองพันกิโลเมตร สร้างโดยบัญชาของจักรพรรดิจอมเหี้ยมจิ๋นซีฮ่องเต้ เกณฑ์ประชากรจีนมาแบกหินแบกดินล้มตายไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

หรือขนาดนครวัด นครธมของเขมรก็สร้างขึ้นเพื่อแสดงอัตตายิ่งใหญ่ของกษัตริย์ซึ่งสถิตอยู่สูงเทียมวิมานของพระศิวะ

ความใหญ่โตโอฬารของสิ่งก่อสร้างเหล่านั้นเกิดขึ้นท่ามกลางชีวิตเลือดเนื้อของราษฎรเพื่อสนองตัณหาของผู้มีอำนาจ พูดง่ายๆว่าราษฎรถูกเกณฑ์มาสร้างอย่างต้องทนทุกข์ทรมาน ปราศจากความเต็มใจยินดีกระทำแต่ประการใด

หากทว่าบุโรพุทโธนั้นเกิดจากศรัทธาและความร่วมแรงร่วมใจของศาสนิกชนผู้เลื่อมใสในพระศาสนา และศาสนาที่ว่านี้ก็มิใช่อื่นไกล หากเป็นศาสนาพุทธของเรานั่นเอง

บุโรพุทโธตั้งอยู่กลางทุ่งเคดุ (Kedu) ทางใต้ของชวากลาง ถัดลงมา ๓๒ กม.จากภูเขาไฟเมราบี ซึ่งสูงเสียดฟ้าถึง ๒,๙๑๔ เมตร ตัววิหารนั้นสร้างบนเนินดินธรรมชาติโดยมีรูปพรรณเป็นชั้นๆลดหลั่นแบบพีระมิดนั่นแหละ ฐานทั้งสี่

แต่ละด้านยาว ๑๒๓ เมตร เรียกว่ายาวกว่าสนามฟุตบอลนิดหน่อย และทุกด้านจะอยู่ในแนวทิศทั้ง ๔ อย่างพอดิบพอดี จากกลางฐานจะมีบันไดขึ้นสู่แต่ละชั้นจนกระทั่งถึงยอดซึ่งสูง ๓๑ เมตร

แต่ละชั้นจะมีประติมากรรมของพระพุทธองค์ในพระอิริยาบถต่างๆ ชั้นสูงๆจะมีสถูปรูประฆังเรียงรายอยู่ นอกจากนี้ที่สำคัญก็คือรูปสลักนูนต่ำบนแผ่นผนังศิลากว่า ๑,๘๐๐ ชิ้น บรรยายถึงเรื่องราวชาติกำเนิดของพระพุทธเจ้าตลอดจนเล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพวกชวาในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 8 และ 9

 

ก็พอจะประมวลทั้งวิหารออกมาได้ว่าประกอบด้วยก้อนศิลาเป็นปริมาตร ๕๖,๖๔๐ ลูกบาศก์เมตรรูปประติมากรรม ๔๔๐ ชิ้นและรูปสลักนูนต่ำคิดเป็นพื้นที่ ๒,๕๐๘ ตารางเมตร

แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุดก็คือนอกจากจะเป็นงานแห่งศรัทธาที่ปราศจากการบังคับขู่เข็ญแล้ว งานที่ยิ่งใหญ่และประณีตนี้สำเร็จด้วยน้ำมือของชาวนาชาวไร่พื้นบ้านธรรมดาๆนี่เอง

กระนั้นก็ตาม บุโรพุทโธใช่จะสำคัญในฐานะที่กำเนิดขึ้นจากพลังใจของพุทธบริษัท หากทว่าหัวใจแท้จริงของธรรมสถานแห่งนี้ก็คือปรัชญาการสร้างที่เสมือนคัมภีร์แม่บทของพระพุทธศาสนา แต่ละชั้นที่ลดหลั่นต่ำสูงนั้นจะมีเครื่องหมายที่แสดงถึงการปฏิบัติสู่ความบรรลุในพระธรรมของผู้แสวงบุญนับตั้งแต่ยังเสมือนบัวใต้น้ำจนกระทั่งสูงถึงขั้นสุดท้ายได้แก่พระนิพพานนั่นเอง และลำดับขั้นตอนจนหลุดพ้นนั้นมีด้วยกัน ๑๐ ขั้นตอนหรือ ๑๐ ชั้น

หกชั้นแรก เป็นการปฏิบัติตนจากขั้นพื้นฐาน ธรรมะที่สำคัญเป็นหลักปฏิบัติก็คือมรรคแปด เรื่องราวที่แกะสลักตลอดจนสัญลักษณ์ต่างๆที่ปรากฏในหกชั้นนี้จะชี้แนะให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าใจและเห็นคุณค่าของพระธรรมทีละเล็กละน้อยก่อนจะบรรลุพระนิพพาน ทั้งหกชั้นนี้พื้นระเบียงเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส

ส่วนในชั้นที่เจ็ดจะเป็นสภาวะที่ผู้แสวงหาธรรมะได้บรรลุอย่างแท้จริง ดังนั้น นับจากชั้นนี้ไปจะมีลักษณะแตกต่างไปจากหกชั้นแรก คือลานระเบียงเป็นรูปกลม ผู้ที่บรรลุชั้นนี้จะถึงแล้วซึ่งความหลุดพ้นทั้งปวง หลุดจากโลก หลุดจากความยินดี หลุดจากความทุกข์ทั้งมวล และเข้าสู่ความสงบอันเป็นนิรันดร์นั่นคือสัญลักษณ์ที่แสดงด้วยสถูปบนชั้นที่แปดและเก้า กระทั่งสุดท้ายสถูปบนชั้นที่ ๑๐ ก็คือพระนิพพาน

นี่ก็ว่ากันอย่างหลักใหญ่ แต่รายละเอียดของแต่ละชั้นนั้นลึกซึ้งซับซ้อนมากมายในรูปของสัญลักษณ์ต่างๆ ชั้นแรกที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางกว่าชั้นอื่นจะมีภาพแสดงเหตุการณ์ในนรกและโลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลสและตัณหา ระเบียงชั้นถัดขึ้นมาจะเป็นพระประวัติของเจ้าชายสิทธัตถะโคตมะ นับตั้งแต่ประสูติกาล ออกผนวช ตรัสรู้ และเผยแพร่พระศาสนา นอกจากนี้ผนังรอบระเบียงในชั้นนี้กับชั้นที่สาม ก็ยังมีสัญลักษณ์เรื่องราวของชาดกหรือชาติกำเนิดของพระพุทธองค์ในปางก่อน

ส่วนระเบียงชั้นสี่และห้า นอกจากจะแสดงถึงชาดกแล้วก็ยังทำนายไปถึงอนาคตกาลยุคพระศรีอารย์ด้วย รอบระเบียงจะรายล้อมไปด้วยรูปประติมากรรมในลักษณะต่างๆรวมทั้งปางแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ เมื่อนับจำนวนประติมากรรมบนระเบียงแล้วแต่ละทิศจะมี ๙๒ ชิ้นรวมทั้งหมดก็ ๓๖๘ ชิ้นด้วยกัน

เมื่อขึ้นไปถึงชั้นที่หก ซึ่งเป็นระเบียงแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสชั้นสุดท้าย ผนังรอบระเบียงจะแกะสลักเป็นภาพพระพุทธองค์ รวม ๖๔ ภาพ ล้วนแสดงในฐานะพระศาสดาแห่งพุทธศาสนา แต่ลานระเบียงนั้นกลับปราศจากรูปประติมากรรมใดๆทั้งสิ้น นั่นหมายถึงการทำใจให้ว่างเปล่า พร้อมที่จะเข้าสู่วิมุตติ

บนลานระเบียงสามชั้นสุดท้ายซึ่งเป็นลานกลมจะมีสถูปเล็กๆภายในกลวงเป็นโพรงจำนวน ๗๒ สถูป รายล้อมรอบสถูปใหญ่องค์กลางที่สถิตอยู่สุดยอด ภายในแต่ละสถูปเล็กจะมีพระพุทธรูปปางประทานปฐมเทศนาประดิษฐานอยู่ ว่ากันว่า เป็นปริศนาธรรมบอกให้รู้ว่าธรรมะนั้นมีอยู่แล้วในตัวบุคคล หากอวิชชาบดบังเอาไว้

และแม้กระทั่งทางบันไดที่ขึ้นสู่แต่ละชั้นก็ยังมีสัญลักษณ์ต่างๆปรากฏอยู่มากมาย เพดานซุ้มทวารที่เป็นรูปโค้งประดับประดาด้วยหัวอสุรกายน่าเกลียดน่ากลัวเตือนให้ผู้แสวงบุญตระหนักว่าเส้นทางสู่การบรรลุนั้นย่อมมีมารผจญ หาใช่สำเร็จได้โดยง่ายไม่

หลักฐานสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ก็คือ รูปสลักนูนต่ำที่มีอยู่เต็มผนังรายระเบียงรอบวิหาร เป็นเรื่องราวของชีวิต ประจำวันของชนในยุคไศเลนทร์ ส่วนใหญ่จะเป็นภาพเริงระบำรำฟ้อนของผู้คนสมัยนั้น

นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าการปกครองของราชวงศ์ไศเลนทร์ ผู้นับถือพุทธศาสนามหายานเต็มไปด้วยความโอบอ้อมอารี ผู้คนจึงมีแต่ความสุขเบิกบาน ทุกคนที่ร่วมในการสร้างมหาวิหารนี้ ต่างทำงานด้วยความเต็มใจล้นเปี่ยม

ภาพสลักนูนต่ำของบุโรพุทโธ มีความอ่อนไหวชดช้อย ให้ความรู้สึกเสมือนอยู่ในเยาว์วัย ภาพสลักส่วนใหญ่ดูอ่อนหวานและสวย แม้ในภาพที่เกี่ยวกับนรกก็ตาม ภาพที่ยังสมบูรณ์และสวยงามได้แก่ภาพพระสุธนหย่อนแหวนลงในหม้อน้ำดังในสุธนชาดก และภาพหิรุกชาดก

นอกจากนี้ ศิลปะเฉพาะของชวาได้แก่ลวดลายที่เรียกว่า ลาย กาล-มกร (Kala-makra) เป็นลายหน้าสัตว์ที่เรียกว่า หน้ากาล หรือกีรติมุข หรือลายหน้าราหู ลายหน้าสัตว์นี้มองเห็นเต็มด้านหน้า แต่ไม่มีริมฝีปากล่าง คิ้วเป็นรูปคล้ายเขาสัตว์ และมีลวดลายใบไม้หรือเปลวไฟ ประดับอยู่เหนือศีรษะ รูปนี้จะอยู่บนยอดของวงโค้งซุ้มประตู ด้านข้างทั้งสองด้านของวงโค้งตกลงมายังพื้นดินเป็นเส้นตั้งได้ฉากและที่ปลายทั้งสองตัวก็มีลายศีรษะมกรคือสัตว์น้ำแต่มีงวงเหมือนช้าง

 

เราก็ได้สำรวจตรวจตราดูมหาวิหารกันเรียบร้อยแล้ว คราวนี้มาให้ความสนใจกันหน่อยเป็นไรว่าโบราณสถานแห่งนี้มีประวัติเป็นมาอย่างไรบ้าง

ผู้ก่อสร้างแท้จริงของบุโรพุทโธนั้นไม่อาจทราบชัดแน่นอนว่าเป็นใคร คาดคะเนว่าพุทธสถานแห่งนี้สร้างขึ้นราวปี ค.ศ.750-850 ซึ่งสมัยนั้นชวาตอนกลางปกครองภายใต้พุทธและฮินดูซึ่งสองศาสนานี้ก็ชิงดีชิงเด่นกันตลอดมาทั้งในด้านแย่งความเป็นใหญ่และในการสร้างศาสนสถานให้ชนของตนเลื่อมใส

วงศ์กษัตริย์ของฝ่ายพุทธนั้นคือวงศ์ไศเลนทร์ ได้สร้างบุโรพุทโธขึ้น ตำนานเล่าว่าสถาปนิกเอกผู้ควบคุมออกแบบการก่อสร้างได้แก่นายคุณธรรม ซึ่งพอสร้างเสร็จสมบูรณ์ ก็ได้เกษียณตนเองไปอยู่เงียบๆ ณ เชิงเขาเมโนเร

ผ่านมาถึงต้นศตวรรษที่ 10 ภัยพิบัติก็ได้บังเกิดขึ้น จะเป็นจากสาเหตุใดนั้นไม่ประจักษ์ชัด อาจจะเนื่องจากภูเขาไฟระเบิด โรคระบาด หรือทุพภิกขภัย ความรุ่งโรจน์รอบอาณาบริเวณบุโรพุทโธก็จบสิ้นลง โบราณสถานสำคัญแห่งนี้ถูกทอดทิ้งโดยปราศจากร่องรอยทางประวัติศาสตร์นานกว่า ๙๐๐ ปี

นอกจากนั้นเมื่อเกิดการระเบิดของภูเขาไฟเมราปีกับเมอร์บาบู เถ้าและลาวาของภูเขาไฟทั้งสองก็ทับถมบุโรพุทโธ สุดท้ายเมื่อต้นไม้รุกขชาติต่างๆขึ้นงอกงามปกคลุมแน่นหนา มหาวิหารแห่งนี้ก็จมอยู่ภายในป่าทึบโดยสิ้นเชิง

ล่วงถึงสมัยสงคราม
ยุคนโปเลียน ทัพอังกฤษบุกเข้าแย่งการปกครองชวาจากพวกดัตช์และฝรั่งเศส และในปีค.ศ.1814 นั่นเอง โธมัส แสตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์ ผู้ปกครองชวาชาวอังกฤษหนุ่มแน่น ได้ยินระแคะระคายถึงเรื่องมหาวิหารซึ่งซ่อนเร้นอยู่ในป่าทึบ จึงออกคำสั่งให้ทหารใต้บังคับบัญชาทำการบุกป่าค้นหา ทหารกว่า ๒๐๐ นาย ใช้เวลากว่าสองเดือนกว่าจะรื้อเอาสิ่งที่ทับถมอยู่บนลานชั้นบนๆของบุโรพุทโธออกไปได้

ทว่าสิ่งที่นักปกครองบริติชเริ่มต้นเอาไว้นี้กลับต้องประสบอุปสรรค ด้วยเหตุที่พอสงครามสงบ ชวาก็กลับตกอยู่ในปกครองของดัทช์อีกครั้ง และหนนี้พวกดัตช์ก็ปล่อยให้มีการทำลายล้างโบราณสถานแห่งนี้อย่างเสรี สถูปประธานของบุโรพุทโธถูกดัดแปลงเป็นร้านน้ำชา พวกสร้างถนนพากันมาขนเอาหินไปทำทาง บ้างก็เอาอิฐเอาหินไปทำโรงงาน

และในปี ค.ศ.1896 นั่นเอง ผู้สำเร็จราชการชาวดัตช์ได้มาเชื่อมสัมพันธไมตรีกับไทย ในการนี้ได้นำเอาประติมากรรมและรูปแกะสลักชั้นเยี่ยมๆจากบุโรพุทโธมาถวายพระมหากษัตริย์ของเราถึง ๘ เล่มเกวียน เรื่องนี้ชาวอินโดนีเซียนที่เป็นนักประวัติศาสตร์ยังขุ่นข้องหมองใจจนถึงเดี๋ยวนี้เลย

กระทั่งปีค.ศ.1907 ร้อยเอกโธมัส แวน เอิร์ป ทหารช่างชาวดัตช์จึงเริ่มตระหนักว่า ชาติของตนได้ย่ำยีบุโรพุทโธจนน่าตกใจ เขาจึงได้พยายามยับยั้งการกระทำต่างๆอันจะทำลายล้างโบราณสถานแห่งนี้ และหนุนให้มีการซ่อมแซมทำนุบำรุงสภาพเสียใหม่ โดยใช้เวลาอยู่ ๔ ปี

ปี 1959 ดร.โซเอคโมโน นักโบราณคดีอินโดนีเซียนก็ได้ทำการศึกษาสภาพของบุโรพุทโธอย่างจริงจังและรายงานว่า พุทธสถานแห่งนี้ “อยู่ในสภาวะอันตรายอย่างร้ายแรง”

เขาเทียบสภาพปัจจุบันของบุโรพุทโธกับภาพที่ถ่ายไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน เขาพบอะไรทายซิ! มัน บวม! มีอะไรบางอย่างได้เข้าไปบ่อนทำลายภายในโบราณสถานแห่งนี้ จนมันบวมเหมือนผลไม้ที่สุกจนงอม สาเหตุมาจากน้ำ ปริมาณของฝนที่ตกปีละ ๑๑๐ นิ้ว ในพื้นที่แห่งนี้ได้ซึมเข้าไปตามรอยแตกรอยแยกของศิลาที่โดนแดดโดนลมมานานนับร้อยปี มันละลายก้อนศิลาและเศษหินเศษดินในโพรง จนกลายเป็นโคลนตมทวีทับถมดันผนังกำแพงมหาวิหารจนพังทลาย

ตัวการสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ “มะเร็งศิลา” (Stone cancer) น้ำฝนนั้น เมื่อซึมผ่านร่องศิลาจะพาเอาเกลือและแร่ต่างๆเข้าไปด้วย เมื่อทำปฏิ กิริยากับออกซิเจนจากอากาศ สารละลายเหล่านั้นก็จะฟอร์มตัวเหมือนสนิมเกาะติดอยู่ตามผิวก้อนศิลาเป็นตะปุ่มตะป่ำ นานๆไปไอ้ก้อนที่เกาะติดอยู่นี้ก็หลุดออกและดึงเอาผิวศิลาหลุดติดไปด้วย และชั่วระยะเวลาไม่ถึงสิบปีหรอก ไอ้มะเร็งร้ายพวกนี้ก็ทำเอาบุโรพุทโธผุกร่อน ภาพนูนต่ำกะเทาะเป็นแถบ แม้พุทธปฏิมากรรมก็ปรากฏรอยจ้ำไปทั่วองค์ราวกับคนเป็นฝีดาษยังไงยังงั้น

“เราจะต้องรื้อบุโรพุทโธลงให้หมด ออกแบบบูรณะใหม่ให้มีระบบระบายน้ำอย่างมีประสิทธิ ภาพ แล้วจึงก่อมันขึ้นใหม่” ดร. โซเอคโมโน สรุปผลการวิจัย

แน่นอน…ใครๆก็ย่อมเห็นคุณค่าและความสำคัญของมหาวิหารแห่งนี้ หลายประเทศยื่นมือให้ความช่วยเหลือออกทุนสมทบบูรณะ ประชากรอินโดนีเซียเองก็ช่วยสมทบ แม้กระทั่งผู้นำทางทหารก็ยังขนผู้ใต้บังคับบัญชามาช่วยออกแรงงานบูรณะบุโรพุทโธ เพื่อให้มหาวิหารนี้กลับตั้งตระหง่านเป็นสง่าสมเป็นศักดิ์ศรีแห่งศรัทธาในพระพุทธศาสนาต่อไปอีกนานเท่านาน

“เณรน้อย” เขียน
โพส…ต่วย’ตูน

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Shin ichiro's profile


โพสท์โดย: Shin ichiro
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
32 VOTES (4/5 จาก 8 คน)
VOTED: ไปเซเว่นเอาอะไรไหม๊, ปีกนางมาร, Tabebuia, zerotype, กอกระดุม, เทียร์, แจ๋วยูนิเวิร์สแน่นวล
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวนสถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่นเครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจจีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีนไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ภาพวาดแผ่นเดียว ครูต้องรีบแจ้งแม่ให้พาไปหาหมอ ด่วน!!!
ตั้งกระทู้ใหม่